“หุบปาก!”
เสียงที่คุ้นเคยของกานต์ลอยออกมา ทำให้ชมพูเบิกตาโพลงด้วยความแปลกใจในทันที
เป็นไปได้ยังไง?
ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ที่ดูสวยกว่าเธอซะอีกจะเป็นกานต์ได้?
กานต์เห็นสายตาที่ประหลาดใจของชมพู จึงพูดขึ้นอย่างอึดอัด “ฉันปล่อยเธอก็ได้ แต่ห้ามส่งเสียงนะ”
ชมพูรีบพยักหน้า
กานต์ถึงได้ปล่อยเธอออก
พูดตามจริง สำหรับกานต์แล้วการใส่ชุดผู้หญิงมันวุ่นวายเกินไป เขาดึงๆคอเสื้อ ราวกับทำอย่างนี้จะทำให้ตนเองหายใจได้สะดวกขึ้น
ชมพูก็กำลังมองกานต์ราวกับโดนจี้จุดตามร่างกายเอาไว้ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
น่าประหลาด!
ผู้ชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วสวยขนาดนี้ เธอเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
“พี่กานต์ พี่แกล้งเป็นผู้หญิงอยู่เหรอ?”
กานต์ชำเลืองมองเธอ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งกำลังวางของขายอยู่ริมถนนข้างล่างอย่างที่คิดเอาไว้
ถึงจะเป็นแค่คนขายของข้างทาง แต่สายตาของแต่ละคนจดๆจ้องๆไปทางห้องของไอรา ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนค้าขายทั่วๆไป
กานต์หรี่ตาลงเล็กน้อย พูดอย่างไม่ใส่ใจ “เธอล้างพิษแล้วเป็นยังไงบ้าง?”
“เพิ่งจะเริ่มเอง ต้องใช้เวลาอีกสักพัก”
ชมพูเห็นกานต์มองด้านล่าง จึงอดไม่ได้ที่จะล้มเลิกความคิดของตนเอง ถึงจะรู้อยู่ชัดๆว่าที่กานต์ทำขนาดนี้คงทำเพื่อไอรานั่นแหละ แต่ในใจของเธอยังคงเจ็บปวดอยู่บ้าง
ผู้ชายดีๆที่เธอถูกใจในชีวิตนี้ทำไมถึงไปชอบคนอื่นกันหมดเลยล่ะ?
เธอกลัดกลุ้ม แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก ถึงยังไงก็ไม่ใช่ของเธออยู่แล้ว ต่อให้พยายามสักแค่ไหนก็คงไม่ได้ครอบครอง สู้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัดดีกว่า
“พี่กานต์ พี่มาเยี่ยมไอราเหรอ?”
“อืม พรุ่งนี้ไอราผ่าตัด ถ้าเธอไม่ติดอะไร ช่วยมาดูไอราหน่อยนะ”
คำพูดของกานต์ทำให้ชมพูตะลึงเล็กน้อย
“พี่ไม่อยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่เหรอ?”
“ฉันมีธุระ”
แต่ก่อนกานต์ไม่มีนิสัยที่จะต้องอธิบายอะไรกับเธอ ตอนนี้ยิ่งไม่ทำเลย แต่ทว่าสำหรับชมพูแล้วก็ไม่ต้องการคำอธิบายของกานต์เช่นกัน
ถ้าเขาพูด เธอแค่ฟังก็พอ
“อื้ม ฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“ขอบใจนะ เธอเองก็ดูแลสุขภาพด้วย”
กานต์เห็นสีหน้าซีดเผือดของชมพู ท้ายที่สุดก็ยังพูดประโยคที่เอาใจใส่อย่างนั้น
ชมพูจึงยิ้มขึ้นมาทันที
“ขอบคุณนะพี่กานต์ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี”
“อีกเดี๋ยวนะโมคงกลับมาแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเข้าใจผิด ฉันไปก่อนนะ เรื่องที่เคยเจอฉันวันนี้อย่าพูดกับใครทั้งนั้นเข้าใจไหม?”
“อื้อ”
ชมพูรู้สึกอ้างว้างอยู่นิดหน่อย แต่ยังคงพยักหน้า
กานต์มองซ้ายมองขวา แล้วถึงออกมาจากในห้อง
ณิตาดูนาฬิกาข้อมือ พูดขึ้นเบาๆ “เข้าไปตั้งห้านาที เวลาไม่น้อยนะ”
“พี่ณิตา!”
กานต์พูดไม่ออกแล้ว
เขารู้ว่าณิตากับไอราเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ระหว่างเขากับชมพูไม่มีอะไรจริงๆ ต้องถึงขั้นที่จับนาฬิกาข้อมือดูเวลาเลยหรือไง?
ณิตาไม่สนใจหรอกว่าเขาจะรู้สึกยังไง เธอพูดขึ้นอย่างเย็นชา “สิ่งที่ไอราทำเพื่อนายนายน่าจะเห็นอยู่แล้ว ถ้านายทรยศไอรา ฉันไม่ให้อภัยนายแน่”
“อืม ผมไม่ทำอยู่แล้ว”
ถ้าเป็นคนอื่น กานต์คงรังเกียจที่จะพูดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ความรู้สึกระหว่างเขากับไอรายังไม่ถึงคราวที่ใครหน้าไหนจะมาวิจารณ์อย่างสะเพร่าได้ แต่คนตรงหน้าคือณิตา เป็นไปได้มากว่าจะกลายเป็นพี่สะใภ้ของตนเอง ต่อให้เขาไม่อยากพูดยังไงก็ต้องรับปากเธอไว้หน่อย
เห็นกานต์พูดอย่างจริงจัง ณิตาก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด
หลังจากทั้งสองคนออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ณิตาจึงไปส่งกานต์ในที่ที่เขาบอก ก่อนแยกกันจึงมองกานต์แล้วพูดขึ้น “วันนี้กิจจาไม่ติดต่อฉันทั้งวันเลย เขาคงไม่ได้เกิดเรื่องใช่ไหม?”
กานต์ชะงักเล็กน้อย
ไม่ได้ติดต่อกันทั้งวันก็จะเกิดเรื่องงั้นเหรอ?
หรือว่าระหว่างพี่ใหญ่กับณิตามีรหัสลับอะไรต่อกัน?
นึกถึงตรงนี้กานต์จึงไม่กล้าพูดอะไรมั่วๆ แค่มองณิตา ตอนที่กำลังครุ่นคิดว่าจะพูดยังไงให้เหมาะสม ก็เห็นณิตายิ้มๆแล้วพูดขึ้น “บอกเขาด้วยนะ ว่าฉันรอเขากลับมา แล้วก็ขอให้นายช่วยฉันพาเขากลับมาอย่างปลอดภัยด้วย ได้ไหม?”
“อื้ม”
กานต์ค่อนข้างปลื้มใจ
ณิตาเป็นผู้หญิงที่เข้าใจในทุกๆเรื่องอย่างดีมากๆคนหนึ่งเลย
ได้รู้จักกับผู้หญิงที่เข้าใจอย่างนี้มันสบายใจมากๆ แล้วก็น่ายินดีมากๆ
ณิตาไม่รีรออีก ออกรถไปทันที
รอจนไม่เห็นร่างของณิตาแล้ว คนในมุมมืดถึงได้เดินออกมา
“คุณชายรองครับ”
กานต์ตอบกลับไปนิ่งๆ รับเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาจากในมือของลูกน้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิงบนร่างออกไปแล้ว จึงพูดขึ้น “หาคนฝีมือดีหลายๆคนตามฉันมา”
“ครับ”
กานต์พาคนกลุ่มหนึ่งมาถึงตำแหน่งของคฤหาสน์หลังนั้นอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ดูจากวิดีโอวงจรปิดก็ถือว่าคฤหาสน์หลังนี้พอจะรับมือได้ แต่พอเข้ามาใกล้ๆแล้วถึงพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัยของรังสีอินฟราเรด ถึงขั้นยังมีเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย
การติดตั้งอุปกรณ์ทำได้อย่างครบครันดีมาก ถ้าบอกว่าไม่มีทีมงานภายในเพื่อทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา กานต์คงไม่เชื่อเท่าไหร่จริงๆ
“หาคนไปดูที่มาของระบบวัดอุณหภูมิหน่อย”
กานต์เพิ่งพูดจบ ก็มีคนๆหนึ่งเดินออกไปอย่างเงียบๆ
แค่เป็นสิ่งของของเขตทหาร แม้จะถอยออกมาก็มักจะมีเครื่องหมายกับร่องรอยทิ้งเอาไว้เสมอ
เขากลับอยากดูหน่อยว่าการคาดเดาของตนเองเป็นจริงหรือเปล่า
แต่คนอื่นๆค่อนข้างเป็นกังวล
“คุณชายรอง นี่จะเข้าไปยังไงครับ? รังสีอินฟราเรดพวกเราพอจะหลบเข้าไปได้ แต่เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายนี่จะผ่านไปยังไง?”
ต่อให้พวกเขาจะฝีมือดีกว่านี้ ระมัดระวังกว่านี้ ก็ไม่สามารถทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงจนถึงระดับจุดเยือกแข็งได้หรอก
กานต์ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
มิน่าล่ะที่นี่ถึงไม่มีคนเฝ้า ลำพังแค่เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายก็สามารถทำให้คนที่มาไม่มีที่ให้หลบหนีแล้ว
แต่ทว่ากานต์ก็ครุ่นคิดเพียงครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “ให้คนของพวกเราเปลี่ยนเป็นชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคล”
ชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคลที่YS Groupออกแบบมีบทบาทในการช่วยปรับอุณหภูมิร่างกาย เพียงแต่นี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ปัจจุบันยังไม่ได้วางขาย แค่อยู่ในช่วงทดลอง
แค่กานต์พูดออกไป ก็มีคนกลับไปรับชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคลทันที
ไม่นาน ชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคลหลายสิบชุดก็ส่งเข้ามา กานต์สวมเข้าไปก่อน แล้วพูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง “ฉันจะเข้าไปลองก่อน ถ้าไม่มีปฏิกิริยาอะไร พวกนายค่อยตามเข้ามาเงียบๆนะ”
“คุณชายรอง ให้ผมไปเถอะครับ”
มีลูกน้องร่างเล็กๆคนหนึ่งรีบขวางกานต์เอาไว้
“คุณเป็นบอสของพวกเรา ถ้าโดนจับไป เรื่องอื่นคงไม่ต้องทำแน่ๆ แต่ผมไม่เหมือนกัน ผมมันแค่ตำแหน่งเล็กๆ จับก็จับสิ ถ้าระบบสัญญาณเตือนดังขึ้น คุณชายรองก็พาคนอื่นออกไปเลย ไม่ต้องสนใจผมนะครับ”
กานต์มองคนตรงหน้าตกตะลึงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “นายชื่ออะไร?”
“ชรัณครับ!”
“ฉันจดจำนายไว้แล้ว ระวังตัวนะ”
กานต์ยอมรับคำขอของชรัณ
ชรัณตัวไม่สูง สวมชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคลแล้วเดินไปที่ทางเข้าอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเสียงใดๆดังขึ้นถึงได้พลิกตัวเข้าไปด้วยความว่องไว
จนกระทั่งเขาเข้าไปได้เรียบร้อยแล้ว กานต์จึงพูดขึ้นเบาๆ “คนอื่นๆตามมา”
เขากระโดดเข้าไปก่อน ในเวลาเดียวกันนี้กิจจาหรี่ตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน ลุกขึ้นเดินมาที่ด้านหน้าของหน้าต่างฝรั่งเศสราวกับมีการสื่อสารกันทางโทรจิตอย่างนั้น