สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 3.2

ตอนที่ 3.2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 3.2 หากเจ้าต้องการ ข้าก็จะทำ (2)
บทที่ 3 หากเจ้าต้องการ ข้าก็จะทำ (2)
โดย
Ink Stone_Romance

“สวินหยาง เจ้าเปลี่ยนไป!” ผ่านไปครู่ใหญ่ ฉู่ฉีเฟิงก็โพล่งออกมา

แม้เสียงที่เปล่งออกมานั้นจะแผ่วเบาอย่างไร แต่น้ำเสียงและอารมณ์ที่แฝงมาด้วยนั้นกลับหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก

ฉู่สวินหยางใจสั่น และกลั้นหายใจมองเขาอย่างตกใจ

นางยังคงยิ้มมุมปากเช่นเดิม รอยยิ้มนั้นยังแฝงด้วยความซุกซนและสง่างาม “หืม?”

ฉู่ฉีเฟิงสบตากับนาง กดนิ้วลงไปหลังศีรษะของหญิงสาว และค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในเส้นผม จัดแจงผมปรอยตรงบ่าที่ถูกลมหนาวโชยจนพลิ้วไหว

สายตาของชายหนุ่มอ่อนโยนเหมือนแต่ก่อน จับจ้องดวงตาคู่งามของสตรีที่อยู่เบื้องหน้า และยิ้มด้วยความเอ็นดู

“สวินหยางที่ข้าเคยรู้จัก บางทีก็เชื่อฟัง บางทีก็เอาแต่ใจ ไม่เคยอ่อนข้อให้ศัตรู แต่ก็ไม่เคยทำอะไรอย่างระมัดระวัง อาสาลงมือวางแผนจัดการผู้อื่นด้วยตัวเองเฉกเช่นตอนนี้!” เขามองนางและเอ่ยพูด

แม้น้ำเสียงจะไม่ได้โจมตีใดใด แต่กลับล้ำลึก ทำให้ในใจฉู่สวินหยางฟังแล้วรู้สึกปลงอนิจจังได้เหมือนกัน

อันที่จริงฉู่สวินหยางก็เข้าใจดี ไม่ว่าฉู่อี้อันหรือฉู่ฉีเฟิง พวกเขาทุ่มเทให้นางสุดใจ เพราะอยากจะมอบชีวิตที่บริสุทธิ์และสดใสที่สุดแก่นาง

แม้จะไม่เคยพูด แต่…

พวกเขาก็ไม่เคยอยากให้นางหลุดเข้ามาในวังวนชั้นสูงสุดแห่งการแก่งแย่งอำนาจของฮ่องเต้นี้แม้แต่น้อย

ทว่าจนถึงยามนี้…

ความทุ่มเทของพวกเขาทั้งสองคน…

สุดท้ายนางกลับทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง!

“ท่านพี่…” ฉู่สวินหยางยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น แต่กลับก้มหน้าก้มตาลงด้วยความละอายใจ แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านรู้สึกว่าข้าเป็นแบบนี้…ไม่ดีหรือ?”

“เปล่า!” ฉู่ฉีเฟิงตอบอย่างหนักแน่น

ฉู่สวินหยางตะลึงงัน เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง

เขาส่ายหน้าเป็นพัลวัน นิ้วมือสอดไปในช่อผมที่แสนนุ่มลื่นของนางและเอ่ยขึ้น “สำหรับข้า ขอแค่เป็นสิ่งที่เจ้าเลือก ก็ไม่มีคำว่าผิดหรือถูก ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่เจ้าอยากทำ ข้าก็พร้อมจะสนับสนุนเจ้าเสมอ แต่สวินหยาง…ข้าอยากรู้ความคิดที่แท้จริงของเจ้านัก! เหตุใด? เหตุใดเจ้าจึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันมากถึงเพียงนี้?”

ข้าพร้อมที่จะหลับหูหลับตารักเจ้า ไม่ถือสาเจ้า แต่ว่า…

ข้าไม่อาจให้เจ้าแบกรับเรื่องราวที่แสนหนักอึ้งพวกนี้ไว้คนเดียวได้

ใช่ เขากลับมาครั้งนี้ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าน้องสาวผู้นี้มีเรื่องในใจ

แม้นางจะยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนปกติอย่างไร แต่เบื้องหลังของอารมณ์สดใสชื่นบานกลับซ่อนสิ่งที่ไม่อาจให้คนรู้ไว้มากมาย เรื่องในใจที่ซับซ้อนและหนักอึ้งมาก

ตอนแรกเขาก็คิดว่าอาจจะเกี่ยวกับเหยียนหลิงจวิน เป็นเรื่องในใจของสาวน้อยวัยแรกรักอย่างนาง แต่เมื่อสังเกตดีๆ แล้วกลับไม่ใช่เช่นนั้น

นางวางแผนไว้ใหญ่โตเช่นนี้ ต้องไม่ได้เพื่อใครคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน

สายตาของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าสดใสร่าเริง ในความสุขุมอ่อนโยนนั้นยังแฝงความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ด้วย

คำพูดทุกประโยคทุกพยางค์ของเขามิได้เป็นเพียงอากาศธาตุ เขายอมที่จะใช้ทุกอย่างมารักษาสัญญาที่เขากล่าวทุกคำ แม้แต่… ชีวิต

จู่ๆ ขอบตาของฉู่สวินหยางก็แดงขึ้นมา

“ท่านพี่! ข้ากลัว!” นางกล่าว

ริมฝีปากเม้มจนเป็นเส้นตรง ทั้งดื้อรั้นและถือทิฐิ

ท่ามกลางความมืด สายลมพัดผ่านหน้าม้าบนหน้าผากนางไหวไปตามทางลม และช่วยอำพรางอารมณ์ของหญิงสาวไปกว่าครึ่ง

ฉู่ฉีเฟิงยืนงงอยู่ตรงนั้น สติหลุดลอยเคว้งคว้างไม่รู้จะทำอย่างไรดีอยู่พักใหญ่…

ตั้งแต่เล็กจนโตในความทรงจำของเขา ฉู่สวินหยางเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและร่าเริงมาโดยตลอด แม้จะเจอเรื่องใหญ่โตมาก นางก็มักจะตรงไปตรงมาและมั่นใจอย่างไร้ความเกรงกลัวเสมอ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแววตาสับสนลังเลไร้ที่พึ่งจากนางเช่นนี้ แม้กระทั่ง…

ความกลัวที่อยู่ในส่วนลึกของนาง

“สวินหยาง…” จู่ๆ ฉู่ฉีเฟิงก็มือไม้อ่อนขึ้นมา เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อย มีคำพูดปลอบโยนนับร้อย แต่ก็รู้สึกว่าไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน

“ตั้งแต่ที่ท่านเกิดเหตุที่เมืองฉู่ คืนวันนั้นข้าฝันร้าย ข้าฝันว่าท่านกับท่านพ่อ…” ฉู่สวินหยางเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาจริงจัง “ท่านพี่ เฉกเช่นที่ท่านเชื่อข้าและสนับสนุนข้าอย่างสุดกำลัง ชาตินี้ทั้งชาติข้ามีเพียงท่านกับท่านพ่อ ข้าก็ไม่อยากเสียไปเช่นกัน แต่ก่อนข้ามักคิดว่าอย่าเพิ่งตีต้นไปก่อนไข้ ถึงเวลานั้นปัญหาจะมีทางออกเสมอ แต่ตอนนี้บางทีข้ากลับรู้สึกว่าความคิดตอนนั้นของข้าช่างไร้เดียงสานัก หากล้อมคอกก่อนวัวหายอาจจะดีกว่า!”

เรื่องต่างๆ ในชาติที่แล้ว นางไม่อาจจับเข่านั่งเล่าอธิบายกับผู้อื่นได้ เพราะหนักหนาเกินใครจะรับไหว นางจึงทำได้เพียงเปรียบเปรยให้เป็นฝันร้ายที่เลือนหายเข้ากลีบเมฆไป แต่ชาตินี้นางจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับฝันร้ายนั้นอีก

ฉู่สวินหยางขมวดคิ้วเป็นปม อารมณ์เคร่งเครียดขุ่นมัว

ฉู่ฉีเฟิงเหมือนโดนความสับสนวุ่นวายในสายตานางสะกด จึงได้แต่อึ้งตะลึงงันอยู่อย่างนั้น

“ไม่ว่าจะเป็นแม่ของฉู่ฉีฮุยก็ดี หรือจะเป็นฉู่ฉีเหยียนและคนในจวนอ๋องหนานเหอก็ตาม ที่พวกเขาแก่งแย่งชิงดีกันนับว่าเป็นเรื่องของพวกเขา แต่ข้ามิอาจยอมให้ใครมาแตะต้องทำร้ายท่านและท่านพ่อได้ ท่านพี่ การช่วงชิงตำแหน่งฮ่องเต้ใต้หล้านี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม ตำแหน่งของท่านพ่อในเวลานี้ทำให้พวกเราไม่อาจตีตัวออกห่างได้แล้ว ข้าไม่รู้ว่าท่านคิดเห็นอย่างไร แต่ตอนนี้…” ฉู่สวินหยางเอ่ยต่อ ทว่าเอ่ยได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ก็เม้มปากหยุดคิด

นางทอดมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหล่าอ่อนละมุนของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า สุดท้ายจึงเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำขึ้นมา “ใต้ฟ้าทั่วหล้าคือแผ่นดินกษัตริย์ ประชาชนทั่วหล้าคือกำลังของกษัตริย์ ข้าจึงไม่ปักใจเชื่อใครทั้งสิ้นแล้ว ขอเพียงแค่อำนาจกษัตริย์ใต้หล้านี้อยู่ในมือท่านพ่อและท่าน ข้าก็วางใจได้!”

หากนางมิได้ฝังต้นเพลิงของภพที่แล้วไว้ที่นี่ เรื่องราวก็คงไม่ยากเย็นแสนเข็ญเช่นนี้หรอก จากระดับความอดทนของฉู่อี้อันนั้น แม้ภายภาคหน้าจะไม่ได้ขึ้นเป็นราชาแห่งแผ่นดิน และไปประจำการเมืองเล็กแทน ก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้อยู่ดี ทว่าตอนนี้…

เพียงแค่ฐานันดรที่นางเป็นเศษเดนของราชวงศ์ก่อนถูกเปิดโปง ฉู่อี้อันก็จะโดนโทษใหญ่หมายหัว ใครอยากจะกำจัดเขาทิ้งต่างก็ทำได้ด้วยความชอบธรรม

ฉะนั้น ตอนนี้หนทางเดียวที่นางจะปิดความลับนี้ได้คือชิ่งลงมือก่อน คว้าอำนาจในการปกครองแคว้นนี้มาไว้ในมือ ถึงตอนนั้นแม้จะมีใครคลำเจอความลับเรื่องนี้…

ตาที่นางเคยเอ่ย ใต้ฟ้าทั่วล้าเป็นแผ่นดินกษัตริย์ แค่เพียงฉู่อี้อันได้อำนาจนี้มาอยู่ในมือ ถึงตอนนั้นฐานันดรของนางจะถูกเปิดโปงขึ้นมาจริงๆ ฉู่อี้อันก็เป็นถึงจอมราชาแห่งแผ่นดิน ฉะนั้นใครยังจะกล้าดียัดเยียดความผิดให้เขาอีก ต่อให้เขาชุบเลี้ยงกากเดนของราชวงศ์ก่อน จะมีใครยอมใช้ตำแหน่งของตนเองต่อต้านเขากัน?

นางไม่ได้โกรธแค้นเรื่องภพก่อนจนต้องไปกีดกันฉู่ฉีเหยียนให้ได้ แต่เพื่อมีชีวิตรอด…..

นั่นเป็นทางเดียวที่พวกนางสามคนพ่อลูกจะดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุขจนจบชาตินี้

ระหว่างพูดนั้น ดวงตาของฉู่สวินหยางก็เปลี่ยนจากความลังเลมาเป็นความมาดมั่น

นางเม้มปากแน่น ใบหน้าของนางแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างที่เคยเป็น “ท่านพี่ ข้ารู้ว่าข้าเห็นแก่ตัวที่บังคับให้ท่านไปเดินบนเส้นทางที่ชะตาลิขิตแล้วว่าจะลำบากมากแบบนี้ แต่ครั้งนี้ถือว่าข้าขอท่านเถิด ข้ามีเจตนาอื่นแอบแฝงจริง ไม่ว่าอย่างไร ข้าขอเพียงให้ท่านและท่านพ่ออยู่ข้างๆ ข้าอย่างปลอดภัยเช่นนี้ตลอดไป”

แม้จะต้องพลิกนทีมหาสมุทร นางขอเพียง….

อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเฉกชาติที่แล้วอีกเลย

“สวินหยาง…” ฉู่ฉีเฟิงมองนางด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ เขาขยับปากเล็กน้อย เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดนั้นเหมือนติดค้างอยู่ที่ปากไม่ยอมออกมา เขาเบือนสายตาหนีด้วยความลังเล ก่อนเอ่ยอย่างขมขื่น “เจ้าเรียกข้าว่าพี่ แต่สิ่งที่ข้าทำให้เจ้าได้ในชาตินี้มีจำกัด ถ้าหากวันหนึ่ง…”

“ไม่มีถ้าหาก!” ฉู่สวินหยางเอ่ยสกัดประโยคที่เขากำลังจะเอ่ย พลางอ้อมไปยืนตรงหน้าเขาแล้วดึงชายเสื้อของชายหนุ่มด้วยแววตาขอร้องอ้อนวอนเช่นเดิม “ท่านพี่ ข้าไม่ต้องการให้ท่านทำสิ่งใดให้ข้า ขอเพียงท่านกับท่านพ่ออยู่รอดปลอดภัย นี่เป็นสิ่งที่ข้าปรารถนาจากท่านทั้งหมดในชาตินี้แล้ว ตอนนี้ข้าอยากให้ท่านสัญญากับข้าข้อหนึ่ง มิว่าท่านจะอยู่ที่ไหนเวลาใด เพื่อข้า…ขอจงรักษาตัวท่านให้ดี!”

แววตาของนางทั้งร้อนรนทั้งร้องขอ

ฉู่ฉีเฟิงมองนางได้ครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมา

เขายื่นมือจับท้ายทอยนางและดึงตัวเข้ามาในอ้อมกอด เสียงอบอุ่นอ่อนโยนของเขาดังกังวาน นำพาหิมะที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าพลอยละลายหายไป “ได้! หากเจ้าต้องการ ข้าก็จะทำ!”

เรื่องมาถึงทุกวันนี้ เขาจำต้องยอมรับว่าความคิดที่ฉู่สวินหยางได้กลั่นกรองมาล้วนถูกต้องทั้งหมด แม้สิ่งที่ยากจะคาดเดาก็อาจจะเหมือนกับที่นางพูดไว้ทั้งหมด เขามีแต่ต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้ใต้หล้านี้ในสักวันเท่านั้นถึงจะปกป้องตนเองและนางเอาไว้ได้!

ราตรีคิมหันต์เงียบสงัด ชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มงามด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน แต่แววตาคู่นั้นกลับดำมืดและลุ่มลึก คล้ายกับเกล็ดหิมะที่โปรยลงสู่ธุลีเหล่านี้ ร่วงหล่นในที่ที่ไม่อาจรู้และไกลออกไป

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ดึงฉู่สวินหยางออกจากอ้อมอก แล้วยกมือขึ้นปัดเกล็ดหิมะที่ประปรายอยู่ตรงไหล่นาง

“ไปเถิด ออกจากวังก่อนเถิด!”

“อืม!” ฉู่สวินหยางพยักหน้าและยิ้มให้กับเขา ทั้งสองคนค่อยๆ เร่งฝีเท้าเดินไปทางประตูวังดังเดิม

พอได้ออกจากวังก็เป็นเวลาสี่เกิงแล้ว

เมื่อประตูวังเปิดออก ผู้คนหนาตาที่คุกเข่ากันอยู่ด้านนอกก็เงยหน้าด้วยความปิติยินดีทันที เดิมนึกว่าเป็นขันทีออกมาประกาศราชโองการ แต่เมื่อเห็นฉู่ฉีเฟิงและฉู่สวินหยางสองพี่น้อง หน้าตาของทุกคนก็เศร้าสร้อยลงทันที

ชิงเถิงที่จอดรถม้ารออยู่ด้านข้างก็กระโดดลงมารับทั้งสองทันที “ท่านหญิง ท่านจวิ้นอ๋อง!”

“อืม!” ฉู่สวินหยางพยักหน้า “ท่านพ่อยังมีเรื่องในวังต้องจัดการ เราขึ้นไปรอเขาบนรถม้าสักครู่ก่อนเถิด!”

“เจ้าค่ะ!” ชิงเถิงรับคำและนำทั้งสองคนไปยังทางที่รถม้าจอดอยู่ พลางเอ่ย “ข้าเตรียมกระถางไฟและเตาอุ่นมือไว้ให้ท่านหญิงบนรถแล้ว ขึ้นไปทำตัวให้อุ่นก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”

—————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน