สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 41.4

ตอนที่ 41.4

บทที่ 41 เขาต้องพิษ (4)
Ink Stone_Romance
มือของคนผู้นั้นถือพัดอยู่ด้ามหนึ่ง เมื่อมองผ่านฝุ่นธุลีดินไปเห็นเพียงเงาร่างที่ไม่ชัดเจน แววตาในดวงตาคู่นั้นทะมึนลงอย่างน่าประหลาด พลันถอนใจออกมาเบาๆ ครั้งหนึ่ง

ผู้ติดตามของเขาก้าวเข้ามา เอ่ยขึ้นอย่างฉงน “ฝ่าบาท ไฉนท่านจึงมาได้พ่ะย่ะค่ะ?”

“อ้อ” ชายหนุ่มผู้นั้นดึงสายตากลับมาจากทิศทางที่ไกลออกไป นำด้ามพัดมาเคาะกับมือยิ้มๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ไปเยี่ยมจวินอวี้ เขาบอกว่าล้มป่วยไม่ใช่หรือ? ระยะนี้ในแคว้นมีข่าวหรือไม่ เขากลับไปแล้วหรือ?”

ชายหนุ่มเม้มปากแล้วยกยิ้มมุมปาก ทว่าสีหน้ากลับปรากฏความโดดเดี่ยวอ้างว้างอยู่หลายส่วน

ผู้ติดตามผู้นั้นนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ทว่ายังคงเอ่ยขึ้นเพื่อหยั่งดูท่าที “ฝ่าบาท เจ้าหุบเขาปีศาจนั้นไม่แสดงตัวง่ายๆ หรอกพ่ะย่ะค่ะ หากว่าทางนั้นเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา…”

“เช่นนั้นก็ยอมรับชะตากรรมเถิด” ชายหนุ่มผู้นั้นมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะขึ้น

แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแล้วไม่แยแสและมีเสน่ห์มาแต่กำเนิด แต่รอยยิ้มและกลิ่นอายของเขานั้นหากจะวิเคราะห์ขึ้นมาแล้ว ต้องบอกว่าเป็นคนที่ถ่อมตนและค่อนข้างควบคุมตนเอง

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป พักผ่อนอยู่ที่นี่ครึ่งชั่วยาม จากนั้นออกเดินทางต่อ” ชายหนุ่มกล่าว แล้วก้มตัวเข้าไปในร้านน้ำชาริมทาง

—————————–

เหยียนหลิงจวินจากไปอย่างรีบเร่ง จึงไม่ได้ย้อนกลับไปอีกด้านหนึ่งของป่าเพื่อไปเอาม้าของตนเอง ทั้งสองคนจึงขี่ม้าตัวเดียวกันพุ่งทะยานออกไป

ต่อให้ความรู้สึกของฉู่สวินหยางจะช้า แต่ก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้ เมื่อออกมาได้สักพักหนึ่งจึงหันกลับไปมองเขา “คนผู้นั้น…”

“ไม่มีอันใด” เหยียนหลิงจวินหัวเราะ ก้มหน้าลงมองนางครั้งหนึ่ง ด้วยท่าทางไม่อยากพูดจาอย่างชัดเจน เขายื่นมือออกไปหยิบเสื้อคุลมที่อยู่บนหลังม้ามาคลุมให้กับนาง “คลุมเสียเถิด กลับไปถึงน่าจะมืดค่ำ ระวังจะต้องลมเย็นเอาได้”

ในเมื่อเขาไม่อยากพูด ฉู่สวินหยางก็ไม่คิดจะถามต่อ ใช้เสื้อคลุมนั้นห่อตัวเองอย่างมิดชิดแน่นหนาขึ้นอีก ซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา

คนทั้งสองควบม้าตัวเดียวกัน ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะทำให้การเดินทางช้าลงไป พวกเขากลับไปถึงเมืองหลวงเป็นเวลาหลังยามสองเกิง

เหยียนหลิงจวินควบม้าไปส่งฉู่สวินหยางกลับไป เขาดึงสายบังเหียนม้าให้หยุดลงที่ตรอกด้านหลังวังบูรพา แล้วอุ้มนางลงมาจากหลังม้า

ฉู่สวินหยางยืนอยู่เบื้องหน้าเขา มองเขาแล้วก็ได้แต่รู้สึกจนใจ เม้มปากแล้วกล่าวว่า “ท่านกลับไปเถิด ข้า…”

นางพูดแล้วก็หยุดชะงักลง ในใจร้อนรนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ข้าค่อยไปหาท่าน”

เหยียนหลิงจวินได้ยินประโยคนี้แล้ว พลันรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจยิ่งนัก แต่ทว่ากลับยังไม่ยอมจากไป แต่กลับใช้สายตาประสานตากัน และก้าวขึ้นมาดึงมือของนางเอาไว้ เขาดึงนางเข้ามาอยู่ในส่วนลึกที่สุดของกำแพงเพื่อซ่อนตัว

ฉู่สวินหยางยกมือขึ้นดันหน้าอกของเขาไว้ เงยหน้าขึ้นมองเขา

เขาหลุบตาลงแล้วจูบเบาๆ บนปลายจมูกของนาง ฉู่สวินหยางคิดว่าเขาฉวยโอกาสจะเอาเปรียบนาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในนาทีถัดมา เขาจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำและเบาว่า “ฝ่าบาทต้องพิษแล้ว”

ฉู่สวินหยางตกตะลึง อึดใจหนึ่งถึงเงยหน้าขึ้นมองเขา “ท่านรีบไปตามข้ากลับมาก็คือ…”

ฝ่าบาทต้องพิษแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร? ในระยะเวลาหลายปีมานี้ เขาได้ระมัดระวังและป้องกันอย่างเคร่งครัด มาโดยตลอด ไฉนจึงต้องพิษกะทันหันเช่นนี้

ที่สำคัญที่สุดก็คือ…

เรื่องใหญ่เช่นนี้ กลับไม่มีข่าวเล็ดลอดออกมาข้างนอก

“นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ข้างนอกกลับไม่มีข่าวแพร่งพรายแม้แต่น้อย” ฉู่สวินหยางกล่าว ท่ามกลางความประหลาดใจและเหลือเชื่อนางก็หัวเราะออกมา

“เป็นพิษที่ออกฤทธิ์ช้าจึงมองเห็นไม่ชัดเจนนัก” เหยียนหลิงจวินกล่าวต่อ “คาดว่าเพิ่งจะต้องพิษเมื่อไม่นานมานี้ ระยะนี้ข้าไม่อยู่ในเมืองหลวง หมอหลวงจางเป็นผู้จับชีพจรฝ่าบาทครั้งหนึ่ง รายงานการจับชีพจรข้าอ่านมาแล้ว บอกเพียงว่าได้รับความเย็น จึงทำให้โรคปวดศีรษะกำเริบ แต่ทว่าพิษกลับเข้าไปทำลายหัวใจและปอดของฝ่าบาท หากข้าเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ ในระยะนี้ฝ่าบาทน่าจะเริ่มมีอาการกระอักเป็นเลือดแล้ว”

“เช่นนั้นหมอหลวงจาง…” ทราบเรื่องกะทันหันเช่นนี้ ฉู่สวินหยางยังคงตั้งตัวไม่ติด จึงได้แต่ถามออกไป

“น่าจะถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว” เหยียนหลิงจวินตอบ “แต่เมื่อมองจากปฏิกิริยาของฝ่าบาทและขันทีหลี่รุ่ยเสียงแล้วพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าฝ่าบาทไม่เพียงแค่ต้องลมเย็นธรรมดาเท่านั้น เพียงแต่หมอหลวงจางตายไป เวลานั้นไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาได้วินิจฉัยโรคออกมาอย่างไร”

“หากเขารู้ว่าตนเองต้องพิษ ต่อให้ไม่อยากจะเอ่ยออกมาต่อหน้า อย่างไรก็ต้องมีคนตรวจพบจนได้” ฉู่สวินหยางค่อยๆ ใจเย็นลงแล้ว จึงพูดอย่างวิเคราะห์ออกมา “อีกประเดี๋ยวข้าจะไปหาพ่อบ้านเจิง ดูว่าทางเขาจะได้ข่าวคราวอันใดมากกว่านี้หรือไม่”

ฮ่องเต้ต้องพิษแล้ว? ทว่ากลับปิดเป็นความลับไม่ให้แพร่งพราย? เขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าเจตนาที่จะปิดบัง

“อายุของเขามากแล้ว แต่อำนาจของเขาในหลายปีมานี้กลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ หากจะตัดใจไม่ได้ที่จะวางมือนั้นก็พอเข้าใจได้” คิดดูแล้ว ฉู่สวินหยางจึงเอ่ยขึ้นอีกว่า “ในเวลานี้ทั้งทางใต้และทางเหนือต่างกำลังเปิดศึกรบ ท่านพ่อไม่อยู่ในราชสำนัก เสด็จอาหลายคนที่คิดไม่ซื่อก็มีไม่น้อย ต่อให้เขารู้ตัวว่าตนเองต้องพิษ กลับเลือกที่จะไม่เปิดเผยออกมานั้นย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจในความจำเป็นได้ ในสถานการณ์เช่นนี้หากฝ่าบาทแสดงท่าทีอ่อนแอ ย่อมเกิดเรื่องได้ง่ายดายยิ่งนัก”

พระโอรสหลายคน หากมีใจคิดคดฉวยโอกาสในขณะที่องค์ชายรัชทายาทไม่อยู่ในเมืองหลวง ในขณะที่แนวหน้าติดพันอยู่กับการศึกสงคราม การแย่งชิงอำนาจนั้นย่อมเป็นไปได้มากโข

ฮ่องเต้อยู่ในวัยขนาดนี้แล้ว สิ่งที่หวาดกลัวที่สุดคือผู้อื่นกล่าวว่าเขาอายุมากแล้วไม่มีประโยชน์ ที่กลัวยิ่งกว่านั้นคือความตาย เขาพยายามควบคุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือตลอดเวลา เกรงว่าต่อให้ชีวิตอยู่ในอันตราย ก็ไม่มีวันยอมปล่อยมือจากอำนาจโดยง่าย

แต่…

ไฉนเขาจึงต้องพิษอย่างกะทันหันเช่นนี้?

ฉู่สวินหยางยิ่งครุ่นคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ได้แต่เงยหน้ามองเหยียนหลิงจวินอีกครั้ง

“เรื่องนี้ เจ้าว่าไม่น่าสนใจอยู่หรอกหรือ?” เหยียนหลิงจวินกลับเล่นเจ้าล่อเอาเถิดกับนาง เอ่ยขึ้นยิ้มๆ

“หืม?” ฉู่สวินหยางตะลึง จากนั้นก็คิดตามทัน สีหน้าจึงยิ่งเคร่งขรึมกว่าเดิมอีกหลายเท่า

ดังนั้นเหยียนหลิงจวินจึงกล่าวสืบไปว่า “ไม่ว่าหมอหลวงจางจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร ขอเพียงฮ่องเต้ยังไม่ทรงสวรรคต หลังจากข้ากลับมาแล้วย่อมต้องไปจับชีพจรให้ฝ่าบาทแน่นอน แต่เขากลับไม่ได้ปฏิเสธ แม้ว่าพิษชนิดนั้นจะปรุงออกมาให้มีลักษณะพิเศษ จนแทบจะมองไม่ออกแล้วก็ตาม แต่หากต้องจับชีพจรวินิจฉัยออกมานั้น ไม่ใช่เรื่องยากอันใด ฝ่ายตรงข้าม…”

เขาพูดแล้วก็ยกมุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ในรอยยิ้มเป็นประกายนั้นช่างเพลิดเพลินยิ่งนัก “ดูเหมือนว่าเขาไม่เกรงกลัวว่าข้าจะรู้ หรืออาจจะ…คาดเดาไว้แล้วว่าหลังจากข้ารู้เรื่องนี้แล้ว คงจะไม่เปิดโปงเขาในทันที ดังนั้นจึงกระทำเรื่องเช่นนี้อย่างอุกอาจ”

เขาจับชีพจรให้ฝ่าบาทเมื่อสองวันก่อน แต่ทางวังหลวงกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด

หากจะคาดการณ์จากมุมนี้แล้วนั้น เหยียนหลิงจวินแน่ใจแล้วว่า…

สิ่งที่หมอหลวงจางทูลถวายรายงานแก่ฮ่องเต้นั้น ไม่ได้บอกว่าเขาต้องพิษแน่นอน

ไม่เช่นนั้น หากฝ่าบาททราบความจริง ส่วนหมอหลวงกลับปิดบังเบื้องสูงเช่นนี้ ในเวลานี้…

ศีรษะของเขาก็น่าจะตกลงสู่พื้นเรียบร้อยแล้ว

มีคนฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของเขาและฉู่สวินหยาง? รู้และคิดแทนคนของวังบูรพา ในขณะที่องค์ชายรัชทายาทไม่อยู่ในเมืองหลวง เขาผู้นั้นจะคิดและตัดสินใจแทนฉู่สวินหยางเอง ปกปิดเรื่องนี้

หากว่าเรื่องที่ฮ่องเต้ต้องพิษถูกแพร่งพรายออกไปในเวลานี้ ย่อมเกิดศึกภายในแน่นอน วังบูรพาไม่มีผู้ใดที่จะตัดสินใจเด็ดขาด จึงจำเป็นจะต้องมีผู้มาจัดการเรื่องนี้

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำเรื่องนี้…

ช่างน่าสนใจยิ่งนัก

ไม่เพียงแต่คาดเดาปฏิกิริยาของเขาและฝ่าบาทได้อย่างแม่นยำ ที่สำคัญที่สุด…

เป็นผู้ใดที่สามารถปิดบังหูตาของคนทั้งหมดได้ แล้วลงมือวางยาพิษฝ่าบาท?

“ไม่ใช่ฉู่ฉีเหยียนแน่นอน” ฉู่สวินหยางหลังจากครุ่นคิดแล้วได้ข้อสรุปเช่นนี้

“ใช่แล้ว เวลานี้เขาอยู่ไกลเป็นพันลี้ เขาไม่สามารถเข้าถึงสถานการณ์ของเมืองหลวงในขณะนี้ได้ คงไม่มีกำลังความสามารถที่จะมาทำเรื่องเหล่านี้แทนผู้อื่น” เหยียนหลิงจวินวิเคราะห์

ฉู่สวินหยางครุ่นคิด “อย่างไรให้ข้าสั่งการให้พ่อบ้านเจิงไปตรวจสอบดูเถิด ดูว่ายังมีเบาะแสอื่นหรือไม่”

นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยกับเหยียนหลิงจวิน “ฝ่าบาทถูกพิษร้ายแรง ยังมีวิธีรักษาหรือไม่?”

“คงเป็นเพราะต้องการตบตาผู้อื่น พิษของยาชนิดนั้นไม่รุนแรง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะถอนอออกมาไม่ได้ คำนวณดูแล้วหลังจากนี้หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ชีวิตของฝ่าบาทก็น่าจะอยู่ในราวๆ สองปี” เหยียนหลิงจวินกล่าว เขารู้ดีว่าฉู่สวินหยางไม่มีความผูกพันเช่นปู่หลานกับฮ่องเต้ ดังนั้นน้ำเสียงที่เขาใช้ค่อนข้างผ่อนคลาย

—————————————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน