สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 47.5

ตอนที่ 47.5

ฉู่อี้ชิงก็ไม่ได้มีกำลังพอที่จะไปขัดอะไรเขาได้ จึงได้แต่ปล่อยไปตามเลย

ไม่นานนักสองสามีภรรยาหลัวกั๋วกงก็ตามเข้ามา

ระหว่างทางเจี๋ยหงได้เล่าเรื่องราวให้พวกเขาฟังอย่างคร่าวๆ แล้ว เมื่อเข้ามาในเรือนทั้งสองคนเห็นสองพี่น้องสกุลหลัวอยู่ในท่าทีที่น่ากระอักกระอ่วน มีสภาพเปียกแฉะไปทั่วทั้งตัว ฮูหยินใหญ่หลัวยังนับว่าดีอยู่ แต่หลัวเหว่ยนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาอย่างทันที แทบจะบันดาลโทสะออกมาตรงนั้น

“ท่านกั๋วกง ไปคารวะองค์รัชทายาทกันก่อนเถิด!” ฮูหยินใหญ่หลัวดึงชายเสื้อเขาไว้

หลัวเหว่ยจ้องหลัวอวี่ก่วนอย่างดุดันไปที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง

หลัวเสียงในเวลานี้สติไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป กระวนกระวายใจไปหมด แต่ก็ฝืนตั้งสติกล่าวกับหลัวอวี่ก่วน “เรื่องนี้แปดส่วน ท้ายที่สุดองค์ชายสี่ก็ต้องพาเจ้ากลับจวนเพื่อจบปัญหาเป็นแน่ เวลานี้เจ้าก็สงบสติอารมณ์ก่อน อย่าเพิ่งเผยพิรุธอันใดออกไป รอหลังจากกลับไปจวนแล้วค่อยคุยเรื่องทั้งหมดกัน!”

“แต่ว่า…” หลัวอวี่ก่วนร้อนใจจนน้ำตาไหลลงอีกครั้ง ก้มหน้าลูบบนท้องของตนเอง

นางในสภาพนี้ หากเข้าไปในจวนของฉู่อี้ชิงแล้วจะอยู่ได้หรือ?

หลัวเสียงปราดตามองนางอย่างช้ำใจ กล่าวเสียงต่ำ “อย่างไรก็กลบเกลื่อนไปก่อน วันนี้ค่อยว่ากันใหม่ รอหลังจากกลับไปจวนแล้ว ข้าจะจัดการให้เจ้าได้ออกไปอย่างทันที ถึงเวลานั้นก็แพร่ข่าวไปด้านนอกว่าเจ้าตายอย่างปุบปับ เพื่อทำให้เรื่องนี้เงียบลงก่อน”

นอกจากซูอี้แล้ว คนอื่นๆ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถใช้ปกปิดเรื่องเด็กในท้องของหลัวอวี่ก่วนได้แล้ว หากความแตกขึ้นมา ฮ่องเต้จะต้องไล่เค้นอีกเป็นแน่…

หากเปิดเผยถึงที่มาของเด็กคนนี้ เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นมหันตภัยที่เลวร้ายแล้ว

ใช้วิธีโกหกว่าตายเพื่อหนี ก่อนหน้านี้หลัวอวี่ก่วนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดมาก่อน เพียงแค่ไม่เต็มใจเท่านั้น เวลานี้กลับไม่คิดสนใจอะไรมากแล้ว ผงกศีรษะลงไปอย่างจริงจัง

ด้านฮ่องเต้ก็ไม่ได้มาช้าแต่อย่างใด ไม่ถึงครึ่งชั่วยามขบวนเสด็จของฮ่องเต้ก็เข้ามาถึงวังบูรพา โดยมีเจิงจีที่มารออยู่หน้าประตูใหญ่ก่อนแล้วคอยนำทางมาอย่างรีบเร่ง

หลัวอวี่ก่วนละหลัวเสียงคุกเข่าลงไปในเรือนอย่างรีบร้อน “ถวายบังคมฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”

ฮ่องเต้กลับทำราวกับมองไม่เห็นทั้งสองคนนี้ เดินก้าวเท้ายาวเข้าไปในห้องทันที

“ถวายบังคมเสด็จพ่อ!” พวกฉู่อี้อันไม่กี่คนรีบหยัดกายขึ้นมาต้อนรับเขา

ฮ่องเต้เผยใบหน้าเยือกเย็นเดินเข้าไปประจำที่นั่งหลักอย่างทันที ทอดสายตากวาดมองบนร่างทุกคนไปหนึ่งครั้ง

ชิ่งเฟยคล้ายกับถูกต่อยไปชั่วขณะ พยายามก้มหน้าลงไป ใช้แรงจับผ้าเช็ดหน้าในมือ ราวกับต้องการจะเจาะรูที่ผ้าเช็ดหน้าอย่างไรอย่างนั้น

ฉู่สวินหยางที่เห็นการกระทำของนาง ก็ยิ้มเย็นอยู่ในใจ

“เสด็จพ่อ!” ฉู่อี้ชิงกระวนกระวายใจ ไม่รั้งรอให้ฮ่องเต้ได้กล่าวก็นั่งคุกเข่าลงไป เผยใบหน้าละอายใจชิงกล่าวรับโทษก่อน “เป็นกระหม่อมที่ทำเรื่องเหลวไหล ควบคุมตนเองไม่ได้ไปชั่วครู่ ทำเรื่องให้เสด็จพี่ต้องลำบากใจ ทั้งยังทำให้เสด็จพ่อต้องมาหาถึงที่นี่ กระหม่อมรู้ผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ประกายสายตาเย็นเยือกมองเขา แววตานั้นดูเย็นเยียบ จนทำให้แผ่นหลังของฉู่อี้ชิงมีเหงื่อเย็นหนึ่งชั้นปรากฏขึ้นอย่างทันที

หลัวเหว่ยก็คุกเข่าลงไปอย่างร้อนรน กล่าวด้วยเสียงเศร้าสลด “เป็นกระหม่อมที่สอนบุตรหลานได้ไม่ดี จึงทำให้เกิดเรื่องที่เสื่อมเสียเกียรติเช่นนี้ ทั้งยังทำลายวันมงคลของท่านหญิงสี่ กระหม่อมผิดยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”

“เดี๋ยวเรื่องนั้นเดี๋ยวเรื่องนี้ ไม่ยอมให้ข้าได้สบายใจเสียที!” ฮ่องเต่เปิดปากกล่าว น้ำเสียงกลับมีท่าทีเรียบนิ่ง เพียงแต่มีความรู้สึกที่ราวกับหลงเหลืออะไรบางอย่างฝังลึกอยู่ในนั้น ทำให้ตอนที่เขาพูดขึ้นมา เนื่องจากได้อดกลั้นไว้อย่างสุดกำลังกล้ามเนื้อตรงแก้มจึงสั่นขึ้นรางๆ

“เสด็จพ่อ หากเป็นวันปกติก็แล้วไป แต่วันนี้เป็นวันที่ไม่ธรรมดา ทั้งเรื่องที่น้องสี่ทำลงไป คุณหนูหลัวคนนั้นก็ยังอยู่ในช่วงที่ไว้ทุกข์ เรื่องนี้ก็มีแต่ต้องเชิญเสด็จพ่อมาเท่านั้นจึงจะสามารถตัดสินได้” ฉู่อี้อันกล่าว

“อยู่ในช่วงไว้ทุกข์กลับไม่รู้จักละอายใจทำเรื่องที่ฉาวโฉ่เช่นนี้ขึ้นมา?” ชายาสี่กล่าวด้วยยิ้มเย็น เหลือบตามองสองสามีภรรยาหลัวเหว่ยไปที “หลัวกั๋วกง นี่ก็นับว่าเป็นเคราะห์ร้ายของสกุลพวกท่านเช่นกันสินะ!”

หลัวเหว่ยรู้สึกเสียหน้าอย่างถึงที่สุด ใบหน้านั้นล้วนแดงก่ำไปหมด ทำได้แต่เพียงกล่าวรับโทษต่อหน้าฮ่องเต้อย่างไม่หยุดเช่นนั้น

สกุลฝ่ายมารดาของชายาสี่ไม่มีท่าทีคุกคามกับฮ่องเต้แม้แต่น้อย ดังนั้นสำหรับนางแล้ว ฮ่องเต้จึงมิอาจคิดเล็กคิดน้อยอันใดมาก แต่ว่าสกุลหลัวของพวกเขากลับอยู่ในสถานการณ์ที่อยู่ในจุดอันตรายพอดี หากก้าวเท้าพลาดไปนิดเดียวก็คงไม่สามารถรอดไปได้แน่

“คิดดูแล้วก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว เจ้าสี่ เจ้าว่ามาสิ จะทำเช่นไร?” ฮ่องเต้เหลือบมองคนไม่กี่คน ก่อนจะรับถ้วยชาที่หลี่รุ่ยเสียงส่งมาขึ้นดื่ม

ฉู่อี้ชิงได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ของเขา ในที่สุดก็ค่อยๆ คลายความกังวลใจลง รีบร้อนก้มหัวลงกับพื้นกล่าว “ก่อนหน้านี้กระหม่อมไม่รู้ว่านั่นคือคุณหนูจากสกุลหลัว มิเช่นนั้นก็คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้ออกมา ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ก็คงต้องรับนางเข้าจวนเลี้ยงดูให้ตำแหน่ง ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนให้กับท่านกั๋วกงด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาท…” ชายาสี่ร้อนรนใจ กล่าวโต้แย้งออกมาอย่างทันที “การกระทำของคุณหนูหลัวนั้นไม่บังควร จะรับนางเข้าจวนง่ายๆ ได้เช่นไร? ผู้หญิงเช่นนี้หากนำเข้าเรือน จะไม่เป็นที่ขายหน้าของราชวงศ์หรอกหรือเพคะ?”

“ต่อหน้าเสด็จพ่อ เจ้ายังกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ หน้าตาราชวงศ์ของข้ามันเสื่อมเสียที่เจ้าไปตั้งนานแล้ว” ฉู่อี้ชิงก็อดไม่ได้ที่จะโมโห กล่าวเหน็บแนมออกมา

วันนี้หากไม่ใช่เพราะว่าชายาสี่อารมณ์ร้อนขึ้นมา เรื่องนี้ก็คงจะไม่วุ่นวายมาจนถึงขั้นนี้

ชายาสี่เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ขอบตาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ตอนที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ฮ่องเต้ก็กล่าวด้วยความโมโหออกมาก่อน “พอได้แล้ว!”

ชายาสี่กล้าถกเถียงกับฉู่อี้ชิง แต่อย่างไรก็ไม่อาจกล้ากล่าววาจาใส่ฮ่องเต้ คำพูดนั้นจึงชะงักค้างไว้อยู่ในลำคอ หุบปากลงอย่างไม่ยินดี

“เด็กคนนั้นอย่างไรก็ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ก็จัดการอย่างง่ายๆ เถิด!” ฮ่องเต้กล่าว ยกมือนวดหัวคิ้วอย่างหงุดหงิดใจ

อย่างไร…

ก็ไม่สามารถทำให้ฉู่อี้ชิงและหลัวอวี่ก่วนถูกกล่าวโทษได้แม้แต่นิดเดียว

ชายาสี่แค้นเคืองจนเข็ดฟัน กล้าที่จะโมโหแต่กลับไม่กล้าที่จะพูดออกมา

ฉู่อี้อันเพียงเผยใบหน้านิ่งเรียบรับฟังเท่านั้น ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอันใด

ฮ่องเต้พูดจบก็หยัดกายขึ้นเดินออกไปด้านนอก แม้แต่จะมองฉู่อี้ชิงก็ยังไม่มองสักนิด ท่าทีนั้นเห็นได้ชัดว่ายังโกรธเคืองเขาในเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด ทว่าน้ำเสียงกลับยังคงราบเรียบ “ในเมื่อมาแล้ว วันนี้ข้าก็จะอยู่ดื่มที่จวนของเจ้าสักหน่อยแล้วค่อยกลับไป!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ฉู่อี้อันรับคำ ลุกยืนขึ้นตามเขาออกไปด้านนอก

ฉู่สวินหยางยิ้มขึ้นมา เวลานี้จึงเดินเข้าไปกล่าวใกล้ชายาสี่ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นคุณหนูหลัว…เสด็จอาหญิงก็คงต้องช่วยดูแลนางสักหน่อยแล้ว!”

ชายาสี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง ใช้ใบหน้าดุร้ายจ้องไปที่หลัวอวี่ก่วนเขม็ง

หลัวอวี่ก่วนเดิมทีก็แข้งขาอ่อนอยู่แล้ว จึงถูกเซียงเฉ่าพยุงขึ้นมา เมื่อถูกนางประกายสายตาราวกับจะฆ่าคนปราดมองมา ก็ซวนเซขึ้นมาอีกครั้งทันที

“คุณหนูระวังเจ้าค่ะ!” เซียงเฉ่ารีบใช้แรงพยุงตัวนางไว้

หลัวอวี่ก่วนพยายามหยัดกายให้มั่นคงทั้งท่าทีที่ตื่นตระหนก พยายามก้มหน้าลง ไม่กล้าที่จะไปสัมผัสกับสายตาของชายาสี่อีก จากนั้นชิงเถิงที่ยืนอยู่หน้าประตู จู่ๆ ก็ชี้มายังตรงพื้นที่นางเพิ่งจะคุกเข่านั่งลงไปเมื่อครู่ กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ

“ว้าย! เลือดเจ้าค่ะ!”

—————————————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท