สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 55.2 การต่อสู้อันดุเดือดบนท้องถนน ฉู่ซินอี๋ (2)

บทที่ 55.2 การต่อสู้อันดุเดือดบนท้องถนน ฉู่ซินอี๋ (2)

ฉวยโอกาสที่เหยียนหลิงจวินล่อคนอีกคนหนึ่งออกไปทำให้มีที่ว่าง ฉู่สวินหยางจึงรวบรวมพลังและพุ่งออกไปสองก้าว แส้ในมือก็สะบัดออกไป กลายเป็นแสงวาบขึ้นเส้นหนึ่ง หันไปทางทิศทางที่มีกลุ่มคนกำลังต่อสู้กันอย่างติดพัน

มือที่หวดแส้ของนางคล่องแคล่วยิ่งนัก เงาของแส้นั้นว่องไวราวสายฟ้าฟาด คล้ายกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น พละกำลังทำให้คนถึงกับตกตะลึง

ในวงล้อมนั้นมีคนชุดดำสองคนกำลังโจมตีซื่อหรงจึงถอยหลังสองก้าว แต่ไม่คิดว่านางจะใช้จิตสังหารตวัดแส้อีกครั้งหนึ่ง นาทีสุดท้ายแส้ตวัดกลับอีกครั้งหนึ่ง ฟาดลงไปบนแขนของซื่อหรงตวัดพันสองรอบ เดิมทีซื่อหรงยังคิดจะไปจัดการเจ้าคนชุดดำสองคนนั้น แต่เนื่องจากถูกรั้งเอาไว้ นางจึงแข็งค้างไปครู่หนึ่ง

เหลียวกลับมามอง ฉู่สวินหยางได้ผ่อนแรงแล้ว ดึงนางออกจากวงล้อม

ซื่อหรงยังไม่ทันตั้งตัวได้แต่หันไปมองหญิงสาวที่มีใบหน้าเคร่งขรึมนั้น

“เจ้าไปซะ” ฉู่สวินหยางกล่าว นางไม่พูดมากกลับควบคุมและสะบัดแส้ออกไปกลางอากาศ เพื่อดึงนางออกไปอยู่ในตรอกไกลๆ

จังหวะที่ร่างของซื่อหรงลอยคว้างอยู่กลางอากาศนั้น อดไม่ไหวที่หันไปมองนางอีกครั้ง

ฉู่สวินหยางยืนอยู่ที่นั่นไม่ไหวติง เงาบางร่างหนึ่ง หลังเหยียดตรงราวกับพู่กันนั้นแข็งแกร่ง แม้เป็นเพียงหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ทว่ากลับให้ความรู้สึกหนักแน่นดุจสายฟ้าฟาดกับผู้คน แข็งแกร่งยืนหยัดเสียจนไม่หวั่นไหว ภูเขาที่ตั้งตระหง่านอย่างมั่นคงก็ไม่ไหวติงอย่างผยองเช่นกัน

ข้างหูได้ยินเสียงเหมือนมีสิ่งของแตกร้าว

ร่างของซื่อหรงลงสู่พื้น เท้าที่ยืนไม่มั่นคงนั้นถอยหลังสองก้าว

องครักษ์ลับของฮ่องเต้เหล่านั้นกลัวว่านางจะหนีไปได้ รีบร้อนกระวนกระวาย คำรามด้วยเสียงดังว่า “อย่าดิ้นรนอีกต่อไปเลย เจ้าหนีไม่รอดหรอก”

ยังไม่ทันได้สิ้นเสียง ซื่อหรงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาของร่างกายนั้นเร็วกว่าความคิดเสมอ นางบิดเอวแล้วเคลื่อนกายไปทางด้านข้าง

สายตาของซูอี้นั้นอยู่ที่นาง เมื่อเห็นนางกลับตัวกะทันหันยังกังวลใจอยู่บ้าง นาทีถัดมานางกลับสวนทางกับร่างอีกร่างหนึ่ง คมดาบเยียบเย็นก็สวนทางกลับไป

ซื่อหรงหันข้าง ตวัดรอบหนึ่งวงกลม

หันกลับไป…

เกิดเสียงขึ้นทันใด เป็นเสียงดาบโค้งในมือปะทะเข้ากับคมกระบี่เล่มหนึ่ง เกิดเป็นเสียงเสียดสีแสบแก้วหู

บริเวณปากตรอกนั้นไม่รู้ว่ามีเงาร่างคนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ละกระบวนท่าล้วนโหดเหี้ยมอำมหิต ทุกๆกระบวนท่าล้วนหมายเอาชีวิต ด้วยฝีมือขององครักษ์ลับของฮ่องเต้ ซื่อหรงได้แต่ต้านรับ เมื่อทำการหลบหลีกไปมาก็ถูกบีบให้กลับเข้าไปในตรอกอีกครั้ง

คนผู้นั้นโหดเหี้ยมนัก ดูเหมือนกับเรี่ยวแรงกำลังของเขานั้นเพื่อเอาชีวิตนาง

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ทุกคนต่างแยกแยะไม่ออก

คนผู้นี้คือใคร? เขาไม่ใช่คนของทั้งสองฝ่ายทั้งสิ้น

เมื่อสักครู่ฉู่สวินหยางสลัดนางออกมาจากวงล้อมนางจึงมาตกอยู่ในวงล้อมของคนเหล่านี้ ดังนี้…

ท่านหญิงสวินหยางไม่ได้มีเจตนาจะช่วยชีวิตคนผู้นี้? แต่ทว่ากำลังล่อผู้อยู่เบื้องหลังออกมาติดกับ

องครักษ์ลับของฮ่องเต้รวบรวมกำลังในชั่วพริบตา ผู้ที่เป็นหัวหน้าส่งเสียงสั่งการ “สังหาร!”

คนทั้งหมดรวบรวมกำลัง จากนั้นจึงเริ่มลงมืออย่างเต็มที่

ฉู่สวินหยางตกตะลึงอยู่อึดใจหนึ่ง เมื่อเห็นว่าสุดท้ายคนในชุดบีบให้ซื่อหรงกลับเข้ามาในตรอกอีกครั้ง เดิมทีคิดจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทว่าเมื่อกวาดสายตาไปมองบนร่างกายของคนเหล่านั้นแล้วกลับตกตะลึง ได้แต่กำแส้ที่อยู่ในมือตนแน่น

ก่อนหน้านี้ซื่อหรงได้ต่อสู้กับองครักษ์ลับเป็นเวลานาน หากว่ากันด้วยเรื่องพละกำลังแล้วนั้นย่อมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยามนี้ต้องมาถูกยอดฝีมือบีบบังคับและกดดัน ย่อมตกเป็นฝ่ายต้านรับในไม่ช้า

คมดาบของคนผู้นั้นแทงทะลวงมาบริเวณหน้าอกของนาง กำลังจะได้เลือดอยู่แล้ว

“ระวัง!” ซูอี้คำรามด้วยความโกรธ คิดกระโจนข้ามไปทว่าไม่ทันเสียแล้ว หัวใจของเขาหดเกร็ง ได้แต่กลั้นหายใจ

ท่ามกลางนาทีความเป็นความตาย กลับพบว่าชั้นบรรยากาศถูกครอบคลุมด้วยไอหมอกสีเขียว ม่านหมอกนั้นไม่ได้แน่นหนาเท่าใดนัก ทว่าเป็นยามราตรีที่มืดมิดอยู่เดิม ทำให้สายตาของทุกคนถูกบดบัง

หัวใจของซื่อหรงเต้นตุบๆ นางกลั้นหายใจ เคลื่อนไหวไปทางด้านข้างด้วยสัญชาตญาณ

ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าผู้ที่โจมตีนางนั้นไม่ได้รับผลกระทบใดใด คมดาบแทงฝ่าอากาศเข้ามา ตามมาด้วยคมดาบที่เปลี่ยนวิถี จากนั้นแทงเข้ามาอีกหนึ่งคมดาบ

และด้วยร่างกายของซื่อหรงได้สูดหมอกควันเหล่านั้นเข้าไป ทำให้ร่างของนางโงนเงนยืนไม่มั่นคงนัก พละกำลังของนางถูกดึงไปชั่วพริบตา ไม่มีทางหลบหลีกได้ทัน

ซื่อหรงขมวดคิ้ว ราวกับรับรู้ได้ถึงบางสิ่ง ภายในใจนั้นพลันเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

นางเปลี่ยนความคิดกะทันหัน ไม่หลบหลีกอีกต่อไป แต่กลับยืดกายขึ้นแล้วพุ่งเข้าชนคมดาบของคนผู้นั้น

เพียงแต่การรับมือครั้งนี้ดูเหมือนจะช้าไปแล้ว เงาร่างสีเทาดำมืดที่ค่อยๆ ลงสู่พื้นกำแพงในตรอกนั้น บีบให้นางเข้าสู่ด้านข้าง

เสียงดัง ‘ฉึก’ เป็นเสียงคมดาบที่แทงทะละผ่านเสื้อผ้าเข้าสู่ผิวเนื้อจริงๆ

ในเวลานี้ซูอี้โผนทะยานเข้ามาแล้ว ซัดเข้าไปที่หัวไหล่ของคนชุดดำนั้นหนึ่งฝ่ามือ ทำให้คนผู้นั้นถอยไปหลายก้าว

ซื่อหรงดวงตาแดงก่ำ ยื่นมือออกไปจับแขนของคนที่สวมเสื้อคลุมสีเทา

คนผู้นั้นหันกลับมา นำยาที่เตรียมไว้ในมือนานแล้วยัดใส่ปากนาง

เมื่อม่านหมอกคลายตัว ฉู่สวินหยางจึงมองเห็นเหตุการณ์นี้ชัดเจน

ไม่ต้องสงสัยว่าม่านหมอกสีเขียวเมื่อสักครู่นั้นเป็นคนผู้นี้ที่สาดมันลงมาจากมุมสูง และชัดเจนยิ่งนักว่าคนของพวกเขากลับไม่รู้สึกอันใด แต่ซื่อหรงที่ตกอยู่ในวงล้อมรวมไปถึงองครักษ์ลับของฮ่องเต้ เริ่มมีอาการไม่รู้สึกตัวในชั่วพริบตา

ซื่อหรงถูกคนผู้นั้นป้อนยา ระหว่างคิ้วของนางยังปรากฏสีม่วงดำคล้ำ มือทั้งคู่ได้ใช้กำลังมหาศาลจับที่แขนของคนผู้นั้นจึงไม่ได้ล้มลงไป

และองครักษ์ลับอีกหลายคนที่เมื่อสักครู่ยังลงมือด้วยความเหี้ยมโหด ยามนี้หากไม่ล้มลงกับพื้นก็คุกเข่าอยู่กับพื้น

ผู้เป็นหัวหน้านั้นสีหน้าเขียวคล้ำ เหงื่อออกเต็มใบหน้า ใช้กระบี่ยาวในมือค้ำตนเองเอาไว้ จึงเพียงคุกเข่าข้างเดียว ได้แต่มองมายังชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีเทานั้น และไม่สามารถแยกแยะรูปร่างของชายผู้นั้นได้

รูปร่างของคนผู้นั้นสูงชะลูด นอกจากจะอาศัยดูจากความสูงนี้ทำให้แน่ใจว่าเขาเป็นชายหนุ่มแล้ว ร่างทั้งร่างก็ถูกเสื้อผ้าอาภรณ์ห่อหุ้มเสียจนดูไม่ออก เสื้อผ้าหลวมโพรก บนศีรษะสวมผ้าโปร่งสีดำ แม้กระทั่งนิ้วมือก็ยังห่อหุ้มจนหมด ไม่ให้ผู้คนได้มองเห็นร่างที่แท้จริง

“เจ้า…เจ้าเป็นใคร?” องครักษ์ลับถามทั้งที่เส้นเลือดฝอยข้างขมับปูดโปนขึ้น เอ่ยปากอย่างยากลำบาก

เขาอยากจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใคร ทว่าแม้แต่ร่องรอยสักเพียงนิดก็ไม่มี แต่…

อีกฝ่ายนั้นกุมชีวิตขององครักษ์ลับของฮ่องเต้เอาไว้

ตลอดมาฮ่องเต้ไม่ได้เชื่อใจพวกเขาเสียทีเดียว ในร่างของพวกเขาทุกคนต่างมียาพิษ ทุกปีจะต้องไปรับยาถอนพิษตามเวลาที่แน่นอนจึงจะมีชีวิตรอดปลอดภัย และม่านหมอกสีเขียวที่คนผู้นั้นสาดออกมานั้นเป็นตัวกระตุ้นพิษในกาย

ความลับนี้นอกจากพวกเขาแล้ว ไม่มีคนนอกจะรู้ได้ แล้วนี่ได้รับยาที่สามารถกระตุ้นอาการของยาพิษชนิดนี้

คนผู้นี้…

หรือว่าในระหว่างพวกเขามีคนทรยศ?

—————————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท