สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 59.2 แทรกซึมค่ายศัตรู โต้กลับ (2)

บทที่ 59.2 แทรกซึมค่ายศัตรู โต้กลับ (2)

รถม้าแล่นไปท่ามกลางยามราตรีอย่างรวดเร็ว โดยมีทหารกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดองครักษ์ส่วนตัวของจวนอ๋องรุ่ยชินคอยคุ้มกันส่งไปยังประตูเมืองทางใต้

ในรถนั้น ฉู่สวินหยางนอนบนผ้าห่มหนังแกะที่อ่อนนุ่มยังคงหลับอย่างไม่ได้สติ

เนื่องด้วยออกไปทางประตูเมืองทางใต้อีกห้าลี้ก็เป็นค่ายทหารประจำการขนาดใหญ่ ดังนั้นทหารที่เฝ้าประตูที่นี่จึงคุ้มกันอย่างเข้มงวดกว่าที่อื่นอยู่บ้าง

และเวลานี้ ยังเร็วเกินไปที่จะปิดประตูเมือง บรรยากาศรอบๆ ประตูเมืองจึงมีแต่ความเงียบสงัดและเย็นยะเยือกแผ่ออกมา

“หูเฉิง? เจ้ามาได้อย่างไรกัน?” ทหารที่เข้าเวรในค่ำคืนนี้เห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับหูเฉิงดี เมื่อเห็นเขาก็อดประหลาดใจไม่ได้

“คนของจวนอ๋องรุ่ยชินอยากจะเข้าเยี่ยมซื่อจื่ออ๋องหนานเหอ ข้าพบเจอเข้าพอดี จึงได้นำทางมา” หูเฉิงกล่าว เลือกที่จะเข้าไปพูดคุยกับคนผู้นั้นอย่างกระตือรือร้นก่อน

ทหารที่คุ้มกันรถม้าด้านหลังก็ส่งตราที่เอวให้ทหารยามตรวจสอบดูไปพลาง

แม้จะแน่ใจแล้วว่าตรานั้นไม่มีปัญหาอันใด ทว่าทหารยามผู้นั้นกลับยังคงมีท่าทีอึดอัดใจอยู่บ้าง ตอนที่กำลังลังเลจะตะโกนให้เปิดประตูรถม้าเพื่อตรวจสอบ ก็พบว่าหูเฉิงที่กำลังคุยกับคนอื่นอยู่นั้นได้เหลือบสายตาพาดผ่านมา

แววตานั้นราวกับว่าประกายความดุดันอำมหิตออกมา ทหารผู้นั้นเพิ่งจะมาทำงานได้ไม่นาน จึงตกใจจนสติล่องลอย ได้ยินแค่คนไม่กี่คนด้านนี้หัวเราะโอบกอดไหล่กันเท่านั้น

“เจ้านี่ยังคงพูดจาลื่นไหลไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ!” ทหารผู้คุ้มกันประตูรั้งบ่าหูเฉิงอย่างหยอกล้อ

“ที่ไหนกัน แม้ข้าจะลื่นไหลอย่างไรก็คงไม่อาจพูดเรื่องโกหกต่อหน้าพี่อู๋ได้หรอก!” หูเฉิงกล่าว ทั้งยังพูดด้วยกะพริบตาอีกสองสามประโยค ก็หมุนกายขึ้นหลังม้าพลางกล่าว “ไว้วันหลังข้าจะชวนพวกเราพี่น้องไปร่ำสุราด้วยกันที่หอสำราญสุข ตอนนี้ยังมีงานเร่งรัด คงต้องขอตัวก่อน!”

“ไปเถิด!” ทหารคุ้มกันประตูสกุลอู๋ยิ้มอย่างเบิกบานใจ

ทหารผู้น้อยคนนั้นดึงสติคืนมา ถึงเพิ่งคิดได้ว่ายังไม่ได้ค้นภายในรถม้า แต่ประตูก็เปิดออกเสียแล้ว เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่ยี่หระ เขาก็ทำได้เพียงกลืนคำพูดลงไปเท่านั้น

ออกจากประตูเมือง หูเฉิงก็เช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก เปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลัน กล่าวกับบ่าวผู้น้อยที่ขับรถม้า “ข้าจะส่งพวกเจ้าถึงแค่ที่นี่ เล่ห์เหลี่ยมของซื่อจื่อหนานเหอผู้นั้นก็ไม่ได้เหมือนคนทั่วไป หากข้าตามไป เกรงว่าจะทำให้เกิดความแคลงใจจนทำเสียเรื่อง”

ฉู่ฉีเหยียนและฉู่ฉีเฟิง ก็ล้วนแต่ไม่ใช่พวกที่จะเล่นงานได้ง่ายๆ

ผู้ที่อยู่บนรถนั้นเหลือบมองเขาโดยก้มหน้ามองลงมา กลับไม่พูดมากความอะไร ก็สะบัดมือพากลุ่มคนนั้นเดินทางไปข้างหน้าต่อ

หูเฉิงยืนอยู่ที่เดิม ทอดสายตามองตามคนกลุ่มนั้นหายลับไปท่ามกลางคืนมืดมิด ในที่สุดก็ถอนหายใจยาวออกมา ตอนที่กำลังจะพลิกกายขึ้นม้า พลันมีลมเย็นวูบหนึ่งพัดมาที่ลำคออย่างทันที ชั่วขณะนั้นมือไม้ต่างก็ชะงักค้างไว้

เฉี่ยนลวี่กดดาบยาวลงที่ข้างลำคอของเขา กล่าวทั้งมองอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อทำเรื่องสำเร็จแล้ว เจ้าก็คงไม่จำเป็นสำหรับที่นี่อีกต่อไป มาเถิด หาสักที่คุยกันหน่อย นายท่านของพวกเรามีเรื่องที่จะสนทนากับเจ้า!”

หูเฉิงหน้าซีดเผือด เวลานี้ไม่มีใจจะมาเค้นถามนางอีกแล้วว่าหลบหนีออกมาได้อย่างไร ดวงตานั้นมองสอดส่ายไปทั่ว เพียงแต่คิดทางหนีทีไล่ให้กับตัวเอง

“ไปสิ!” เฉี่ยนลวี่เดินมาด้านหน้าเพื่อกล่าวเร่งรัด

พูดยังไม่ทันจบ ด้านหลังของพุ่มไม้ตรงข้ามก็ปรากฏแสงประกายสีเงิน พุ่งตรงมาด้านนี้อย่างรวดเร็ว

นางรีบเข้าไปลากหูเฉิงเป็นอันดับแรก กลับถูกเหยียนหลิงจวินที่ตามมาด้านหลังดึงตัวออกไป ในขณะเดียวกันก็เตะตัวหูเฉิงลงไปกองกับพื้น ทั้งยังหลบการโจมตีของอาวุธลับที่พุ่งเข้ามา

เฉี่ยนลวี่ถูกเหวี่ยงออกไปอย่างโซซัดโซเซ ยังไม่ทันที่จะได้หวนสติคืน ก็ได้ยินหูเฉิงที่ถลาคว่ำไปกับพื้นเปล่งเสียงแปลกๆ ออกมาจากลำคอ จึงหยุดการเคลื่อนไหวลง

“นายท่าน!” เฉี่ยนลวี่หันกายกลับมาอย่างรีบร้อน

“ถูกฆ่าปิดปากเสียแล้ว!” เหยียนหลิงจวินเผยใบหน้าเย็นเยียบ ไม่ได้กลับไปสนใจหูเฉิงที่คว่ำหน้าอยู่กับพื้นอีก เพียงแค่ทอดสายตามองลอดไปทางพุ่มไม้ไกลๆ นั้น

ก่อนหน้านี้ในที่พักนั้นก็ล้วนไม่ใช่คนของซีเยว่ ผู้ที่เป็นหนอนบ่อนไส้น่าจะมีแค่หูเฉิงเพียงคนเดียว แต่ว่าตอนนี้…

กลับมีคนที่ถึงขนาดอดใจคอยไม่ไหวลงมือฆ่าปิดปากเขาเสียเดี๋ยวนี้

เฉี่ยนลวี่ก็นับว่าหลักแหลม เข้าใจขึ้นมาอย่างทันทีทันใด “หากมีเพียงเขาที่ถูกทางหนานฮวาซื้อตัวไป เดิมทีอีกฝ่ายก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องฆ่าคนต่ำต้อยอย่างเขาเพื่อปิดปากเลยสักนิด ดูแล้วการคาดการณ์ของท่านหญิงก่อนหน้านี้ยังคงนับว่ายอดเยี่ยม ไม่ว่าพวกเขาอยู่ในเมืองฉู่ หรือกระทั่งอยู่ในเมืองหลวงก็ล้วนมีแต่คนคอยแฝงตัวอยู่ภายใน”

หากว่ากองทัพของหนานฮวามีคนซื้อตัวของหูเฉิงไว้ เช่นนั้นแม้ว่าคนผู้นี้จะเหลือรอด เปิดเผยเรื่องราวออกไป แต่อย่างไรก็คงไม่กระทบถึงพวกเขาอยู่ดี แต่จู่ๆ กลับมีคนลงมือฆ่าปิดปากเขาในเวลานี้ แสดงว่า…

เขาอาจจะไม่ใช่คนผู้นั้นที่เกี่ยวข้องกับทางหนานฮวาโดยตรง แต่คงจะเป็นคนที่ได้รับคำสั่งมาจึงทำงานร่วมกับคนหนานฮวา

ลงมือเพื่อชิงตัวฉู่สวินหยางไป?

นี่นับเป็นแผนการที่เยี่ยมยอดเสียจริง

เหยียนหลิงจวินไม่ปริปากพูดอันใด เพียงแต่กล่าวออกไป “เจ้าก็ตามพวกอิ้งจื่อไปทางนั้นเถิด ข้าต้องไปดูทางฉางโจวเสียหน่อย เมื่อครู่เพิ่งสอบถามข่าวสารจากในเมือง ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ฉู่ฉีเฟิงก็ยังไม่กลับมา เรื่องนี้…”

เมื่อดูจากการเดินทางแล้ว เวลานี้ฉู่ฉีเฟิงควรจะคุ้มกันเสบียงกลับมาแล้ว แต่เขากลับยังเดินทางมาไม่ถึง

“เจ้าค่ะ!” เฉี่ยนลวี่รับคำสั่ง “นายท่านโปรดวางใจ พวกบ่าวจะคอยคุ้มกันท่านหญิงอย่างดี ไม่ปล่อยให้ได้รับอันตรายใดใดแน่นอนเจ้าค่ะ”

เหยียนหลิงจวินไม่พูดอะไรอีก เดินไปลากม้าของหูเฉิงแล้วพลิกกายขึ้นหลังม้าทะยานออกไปทันที

เฉี่ยนลวี่ก็ไม่ชักช้า รีบเร่งไล่ไปตามทางที่รถม้าหายไป

ตั้งแต่ฉู่ฉีเฟิงและฉู่ฉีเหยียนมาถึงแคว้นฉู่ ข่าวที่รุ่ยชินอ๋องได้รับบาดเจ็บจากพิษของแมลงนั้นก็ปิดไว้ไม่มิดอีกต่อไป

ทางด้านหนานฮวาล่วงรู้ถึงข่าวนี้ ก็ออกคำสั่งโจมตีเมืองอย่างทันที

แต่ฉู่ฉีเฟิงและฉู่ฉีเหยียน ไม่ว่าฝ่ายไหนต่างล้วนแตะต้องได้ยาก ฉู่ฉีเฟิงนำทหารอารักขาที่ประตูเมือง ในขณะเดียวกันฉู่ฉีเหยียนกลับไม่ได้เข้าไปในเมือง แต่กลับอ้อมโจมตีอยู่ทางด้านหลัง นำกำลังคนจากค่ายทหารหมินเจียงเข้ามาโอบล้อมศัตรู เพื่อปลุกระดมขู่ขวัญให้กองทัพหนานฮวาในแคว้นฉู่แตกพ่ายไป ทั้งนี้ก็ได้ถอนกำลังทหารไปประจำอยู่ด้านหลังมาหลายคืนแล้ว

เพราะว่าแม้จะยืนหยัดอยู่ในเมืองก็ไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไร ดังนั้นหลังจากประสบชัยชนะในครั้งแรก กองทัพซีเยว่ที่พักฟื้นอยู่ในเมืองมาตลอดก็เริ่มออกมาประจำอยู่ที่ด้านนอกเมืองอีกครั้ง เพื่อคอยเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับชาวหนานฮวา

การสัญจรด้วยรถม้านั้นไม่นับว่าสะดวก จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธี ทำได้เพียงแบกคนหลบหนีข้ามภูเขาสูงชัน อ้อมเป็นวงกลมใหญ่ จวบจนยามรุ่งอรุณ คนกลุ่มนี้จึงค่อยย้อนกลับไปถึงกองทัพทหารของหนานฮวา

ในตอนที่ฉู่สวินหยางได้สติฟื้นขึ้นมา ท้องฟ้าก็กำลังสว่างอยู่สลัวๆ

ตัวนางนั้นพิงอยู่กับเก้าอี้ตัวหนึ่ง ไม่มีเชือกใดผูกมัดอยู่ ทั้งยังไร้ซึ่งทหารจำนวนมากคอยคุ้มกัน คิดดูแล้วคนพวกนั้นคงจะมั่นใจในฤทธิ์ยาลับของตนเองเป็นอย่างมาก

เมื่อพบว่านางฟื้น บ่าวที่สวมชุดสีดำเฝ้าในกระโจมคนหนึ่งก็ถอนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ ไม่นานนัก ด้านนอกก็ปรากฏเสียงฝีเท้ากระจายเข้ามา

“ท่านแม่ทัพ!” ทหารที่ประจำอยู่ด้านนอกแหวกกระโจมเปิดให้

ปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่งใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนา บนร่างสวมชุดสีน้ำตาลเดินเข้ามาในกระโจม

ฉู่สวินหยางกวาดสายตาไปบนร่างของเขาหนึ่งที กลับไม่มีท่าทีประหลาดใจแม้แต่น้อย เพียงแต่กล่าวออกไป

“บ่าวและหมอหลวงที่เดินทางมากับข้าเล่า?”

—————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน