ตอนที่ 66 อย่าแอ๊บ
ปิยะตกใจพลัน ทันใดนั้นก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น ตอนที่นิทัศน์ พลอดรักกับปาลีในคืนนั้น ปาลีก็ร้องเพลงแบบนี้
ฝีเท้าเริ่มเร่งความเร็วขึ้น ปิยะเดินเข้าไปในห้องของนิทัศน์ทันที
กลับเห็นปาลีกำลังนั่งคร่อมบนตัวของนิทัศน์ และโยกย้ายส่าย สะโพก ส่วนนิทัศน์หรี่ตาลง พร้อมเผยสีหน้าฟิน และทั่วทั้งห้องก็ เผยกลิ่นอายไร้อาลัยขึ้น
เกิดเสียง “ตึ้ง” ตะกร้าที่คาดบนไหล่ร่วงตกลงบนพื้น ปิยะจ้อง มองชายหญิงที่พลอดรักกับบนเตียงอย่างบ้าคลั่ง และเธอก็นิ่งอึ้ง
เมื่อได้ยินเสียงประตูดังขึ้น ปิยะและวารีที่อยู่บนเตียงก็ดึงสติก ลับมา เมื่อหันหน้ามองเห็นปิยะที่พุ่งตัวเข้ามา ทั้งสองคนก็ตกใจ ช็อก
จากนั้นวารีก็จ้องมองปิยะด้วยสายตาเคียดแค้น ความรู้สึกของผู้ หญิงด้วยกันบอกเธอ ระหว่างนิทัศน์กับปิยะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ ปกติ เมื่อเห็นศัตรูความรักจ้องมองจนดวงตาแดงก่ำ ปกติแล้ววารี ควรร้องเขินอายออกมา และรีบจากนิทัศน์ไป พร้อมถือผ้าห่ม ปกปิดเรือนร่างเปลือยกายของตัวเอง
แต่วารีไม่เป็นเช่นนั้น เธอเกิดมาบนภูเขาใหญ่แห่งนี้ เดิมทีไม่ได้ เขินอายเหมือนผู้หญิงภายนอกมากขนาดนั้น การพุ่งเข้ามาของ ปิยะมาได้เวลาพอดี เธอรู้ดีว่านิทัศน์เป็นผู้ชายของวารี
ดังนั้นวารีเลยอกฝายไหล่ผึ้ง และโยกย้ายส่ายสะโพกต่อไปโดย ไม่สนใจคนด้านข้าง เพื่อเอาอกเอาใจนิดทัศน์ เธอยังส่งเสียงร้อง ออดอ้อนด้วย
นิทัศน์อยากผลักเธอออกไป แต่ตัดใจกับความรู้สึกสบายข้างใน ไม่ได้ เลยนอนพิงต่อไป พร้อมเสวยสุขกับความรู้สึกฟิน
เพราะถึงยังไงคนอย่างนิทัศน์ก็ไม่ต้องอธิบายให้ผู้หญิงคนไหน
ด้วย
นิทัศน์ เจ้าคนเลวทราม…”
เมื่อเห็นชายหญิงบนเตียงไม่สนใจตัวเอง ปิยะก็ตัวสั่นเทา
เพื่อเขา เธอไม่กลัวความลำบากขืนข่ม ยอมเดินเก็บสมุนไพร ทั่วทั้งภูเขา แต่เขากลับนอนพลอดรักกับผู้หญิงคนอื่นในห้องอย่าง สบายใจ
แต่เธอจะทำอะไรได้?
เธอไม่ได้เป็นอะไรกับนิทัศน์ และต่อให้เธอเป็นเลขาผู้หญิงที่เป็น ครั้งคราวของเขา เธอก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะโต้เถียงกับเขา ไม่ว่า เขาจะพลอดรักกับผู้หญิงคนไหน
อยู่ต่อไปก็ยิ่งอัปยศ
ปิยะหันหลัง พร้อมยกมือมาปิดปากไม่ให้ได้ยินเสียงร้องไห้ และ เดินจากไป
“พี่นิทัศน์ พี่สาวคนนั้น เธอคงไม่โกรธใช่ไหม? จะให้วารีไปตาม ” เธอให้ไหมค่ะ? ในเวลานี้วารีแสร้งแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาต่อหน้าของนิทัศน์ ใบหน้าเรียวเล็กที่เนียนนุ่มเผยสีหน้าจริงจัง
เมื่อนิทัศน์ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ สิ่งที่เขาไม่ชอบ ที่สุดคือกล้าแสร้งแกล้งทำต่อหน้าเขา มือข้างซ้ายยื่นออกมาจับ คางของวารีไว้ พร้อมหรี่ตาลงด้วยแววตาอันตราย และพูดอย่าง เย็นซาว่า : “ผู้หญิง อย่าแอบทำเป็นฉลาด เพราะส่วนใหญ่ คน ฉลาดมักซวยเพราะความฉลาด หากเธอยังอยากอยู่ข้างกายผม ก็ ต้องเชื่อฟัง”
วารีที่รอฟังนิทัศน์พูดว่า “วารี อย่าไปสนใจผู้หญิงคนนั้น พวกเรา มาสนุกกันต่อเถอะ” นั้น กลับถูกนิทัศน์หักหน้า และยังจับคางเธอ จนเจ็บปวด
วารีเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา และรีบร้องขอด้วยความหวาด กลัว : “พี่นิทัศน์ เจ็บค่ะ…วารีไม่กล้าแล้ว วารีจะเชื่อฟังคุณค่ะ”
” เข้าใจก็ดีแล้ว”
เมื่อนิทัศน์พอใจ คลายมือออก และผลักวารีออกจากบนตัวเขา จากนั้นก็เปิดหน้าต่าง และให้วาเหยียบบนเก้าอี้ไม้นั่งลงบน หน้าต่าง และเขาก็สอดใส่จากข้างหลัง “ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”
วารีกูกนิทัศน์กระทําอย่างป่าเถื่อนจนเจ็บปวด แต่ก็ยังร้องเพลง บนภูเขาต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน : “เรียกร้องหาพี่ชายคนรัก น้อง สาวรอคอยเจ้าทั้งวัน ทำไหมเจ้ายังไม่มา พี่ชายคนรัก…
“ร้องเพลงให้ดังๆหน่อย! ” นิทัศน์ออกแรงดันสุดแรง จนมีเสียงร้องเจ็บปวดแฝงด้วย
หลังจากที่ปิยะเดินจากไปโดยไม่โวยวาย ทำให้เขารู้สึกไม่ สบายใจ ไม่รู้ทำไหม นิทัศน์มีความรู้สึกแปลกๆ นับตั้งแต่มา หมู่บ้านชาลา ความรักที่ปิยะมีต่อเขาก็ค่อยๆจืดจางลง
ถึงแม้ว่านิทัศน์ไม่เคยรักผู้หญิงที่เคยนอนกับเขาด้วยอย่าง จริงจัง แต่เขากลับขอร้องผู้หญิงเหล่านั้นให้รักเขาใจเดียวอย่าง อันธพาล ไม่ว่าจะเป็นปิยะมินา สุดา และวารีที่จะต้องด้วย
ดังนั้นเลยรู้สึกเหมือนกับปิยะมีความรักต่อตัวเองน้อยลง นิทัศน์ ทนไม่ไหวแล้ว หัวใจและเกียรติยศความเป็นผู้ชายของเขาไม่ อนุญาตให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นเขาเลยให้ปาลีนั่งบน หน้าต่าง และตั้งใจให้เธอร้องเพลงเสียงดังออกมา
แต่ข้างหลังหน้าต่างเป็นบ้านของตระกูลภูผา ซึ่งเป็นสถานที่ที่
ปาลีพักอยู่