สัมผัสหินอัญมณี
“ท่านดรีมบีสต์ต้องการสิ่งใดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่คิดว่ารอยยิ้มของมันดูเป็นมิตรนัก
ดรีมบีสต์ไม่ได้พูดอะไร แต่มีแสงวาบขึ้นมาจากดวงตาสีฟ้าของมัน ทันใดนั้นร่างกายที่หนักอึ้งของหานเซิ่นก็เริ่มบินออกไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น
หานเซิ่นบินเข้าไปและร่วงลงในทะเลสาบ โดยปกติแล้วการร่วงลงในทะเลสาบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาหนักอึ้ง ทำให้เขาไม่สามารถขึ้นจากน้ำได้ เขาไม่สามารถลอยตัวได้ด้วยซ้ำ
ดรีมบีสต์เข้ามาหาหานเซิ่นที่กำลังดิ้นรนและหัวเราะออกมา
“เลิกแสแสร้งได้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าใช้ชีวิตในน้ำได้ มันมีหินอัญมณีชิ้นหนึ่งอยู่ใต้พื้นทราย มันคืออาหารของข้า เจ้าลงไปในน้ำและนำมันขึ้นมาให้กับข้า ข้าจำเป็นต้องกินพวกมัน 10 ชิ้นต่อวัน ถ้าเจ้านำพวกมันขึ้นมาไม่ครบ ข้าจะมอบฝันร้ายให้กับเจ้า”
“และอีกอย่างหนึ่ง ข้ารักในความสะอาด บางคนอาจจะพูดว่าข้ารักความสะอาดมากจนเกินไป ดังนั้นอย่าได้ทำให้น้ำสกปรก ถ้าเจ้าทำแบบนั้น ข้าจะมอบฝันร้ายหนึ่งร้อยความฝันให้กับเจ้า” ครีมบีสต์พูด
หลังจากที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็หยุดแกล้งทำเป็นดิ้นรนและรีบดำลงไปในน้ำในทันที
เขาสามารถหายใจใต้น้ำได้ เขาแค่ต้องการจะได้รับคะแนนความสงสาร แต่น่าเสียดายที่มันใช้ไม่ได้ผลกับดรีมบีสต์
ทะเลสาบของดรีมบีสต์นั้นใสสะอาดและสามารถมองเห็นก้นบึ้งได้อย่างง่ายดาย หานเซิ่นคาดเดาว่ามันลึกประมาณ 10 เมตร
แต่น่าแปลกที่หานเซิ่นไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆอยู่ในน้ำ มันไม่มีแม้แต่พวกสาหร่าย ในทะเลสาบนั้นใสสะอาดราวกับหินอัญมณีที่ถูกเจียระไนมาเป็นอย่างดี
เมื่อหานเซิ่นไปถึงก้นทะเลสาบและเท้าของเขาสัมผัสกับพื้นทราย เม็ดทรายก็กระเด็นและฟุ้งขึ้นมาเหมือนกับหมอก
“นี่คือวันแรกของเจ้า ดังนั้นข้าจะแค่ตักเตือน ถ้าเจ้าแตะทรายอีกแม้แต่เม็ดเดียวล่ะก็ ข้าจะส่งเจ้าเข้าไปดินแดนแห่งความฝัน” เสียงของดรีมบีสต์ดังเข้ามาในหูของหานเซิ่น
“ถ้าท่านไม่ให้ข้าเหยียบบนพื้นทราย แล้วข้าจะหาหินอัญมณีได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นรีบถาม
“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า ไม่ใช่ของข้า” ดรีมบีสต์พูด
หานเซิ่นรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขัดขืน ดังนั้นเขาจึงยกขาขึ้นจากก้นของทะเลสาบ เม็ดทรายนั้นเบามากๆและคลื่นน้ำเพียงเล็กน้อยก็มากพอที่จะทำให้ทรายฟุ้งขึ้นมาเหมือนกับหมอง
หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายไปสัมผัสกับพื้นทราย และนั่นคือวิธีที่เขาจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ทรายฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง
โดยปกติแล้วนั่นจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับหานเซิ่น แต่ตอนนี้หานเซิ่นมีกุญแจหัวใจนภาล็อคตัวของเขาอยู่ ภายใต้น้ำหนักอันมหาศาล การลอยตัวในสภาพนั้นจึงเป็นเรื่องยาก และทำให้ทำให้ร่างกายของเขาได้รับความเจ็บปวด
หานเซิ่นใช้พลังทุกอย่างเพื่อช่วยสนับสนุนร่างกาย เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะจมไปที่ก้นทะเลสาบแล้ว
แต่การพยายามลอยตัวอยู่อย่างนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบาก และเขายังต้องพยายามมองหาหินอัญมณีอีก พื้นทรายนั้นเรียบสนิทและไม่มีร่องรอยหรือก้อนหินอะไรเลย หานเซิ่นมองหาอยู่สักพัก แต่เขาก็ไม่เจออะไรที่ดูจะเป็นหินอัญมณีไปได้
จากที่ดรีมบีสต์พูด หินอัญมณีจะซ่อนอยู่ภายใต้พื้นทราย ดังนั้นเขาต้องเก็บพวกมันขึ้นมาจากพื้นทราย
แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าหินอัญมณีซ่อนอยู่ไหนกันแน่ เขาใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนรอบๆ แต่มันก็ไม่มีอะไรให้เห็น
“อย่างน้อยวันนี้เราก็ฝ่าฝืนกฎได้” หานเซิ่นใช้มือขุดพื้นทราย และหลังจากที่ขุดอยู่สักพัก เขาก็พบหินอัญมณีทรงกลมที่ใสสะอาด
“ท่านดรีมบีสต์ นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการใช่หรือไม่?” หานเซิ่นถามขณะที่ถือหินอัญมณีอยู่ในมือ
“ใช่ ข้าจะกินมัน 10 ชิ้นต่อวัน ถ้าเจ้าขาดแม้แต่ชิ้นเดียว เจ้าก็จะมีฝันร้ายไปตลอดการ และเมื่อกี๊เจ้ายังจงใจทำลายพื้นทราย ดังนั้นข้าจะลงโทษเจ้าโดยการให้เจ้าทำงานต่ออีกหนึ่งเดือน” เสียงของดรีมบีสต์ดังขึ้นในหูของเขา
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แต่มันเป็นความผิดของเขาที่ฝ่าฝืนกฎ
ในพื้นทรายมีหินอัญมณีอยู่จริงๆ แต่การจะหาพวกมันโดยไม่สัมผัสพื้นทรายเลยเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
แต่หานเซิ่นได้เรียนรู้วิชาที่อ่อนโยนมาจากราชากงล้อจันทรา เขาสามารถส่งพลังเข้าไปในน้ำโดยไม่ทำให้ผิวน้ำกระเพื่อม ดังนั้นมันก็ไม่น่าจะยากเกินไปที่จะไม่ทำให้ทรายฟุ้งขึ้นมา
หานเซิ่นใช้วิชาจันทราที่อ่อนโยนในการมองหาหินอัญมณีที่อยู่ในพื้นทรายอย่างระมัดระวัง
ร่างกายของหานเซิ่นยังคงถูกล็อคด้วยกุญแจหัวใจนภา แต่เวลาอยู่ในน้ำเขาต้องบังคับให้หัวอยู่ข้างล่างและเท้าอยู่ข้างบน และใช้พลังที่อ่อนโยนเพื่อเก็บหินอัญมณีขึ้นมา เขาต้องอยู่ในท่านั้นวันละเป็น 10 ชั่วโมงติดต่อกันกว่าที่จะหาหินอัญมณีได้ครบ
เมื่อหานเซิ่นขึ้นมาจากทะเลสาบ เขาก็ไม่ต้องการจะเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ดูเหมือนว่าถ้าข้าต้องการจะกินมากขึ้น มันก็ควรที่จะไม่เป็นไร” ดรีมบีสต์ที่นอนพักอยู่ใต้ต้นไม้ยิ้มให้กับหานเซิ่นขณะที่พูดออกมา
หานเซิ่นไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะบ่นอะไร เขาแค่นอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้ๆกับทะเลสาบ
หานเซิ่นรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรงไปหมดราวกับว่าร่างกายของเขาไร้ซึ่งกระดูก
ชีวิตที่น่าเศร้าของหานเซิ่นเริ่มตั้งแต่วันนั้น ทุกๆวันเขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในทะเลสาบเพื่อมองหาหินอัญมณี และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีเวลาเหลือ เขาก็จะนอนพัก เขาไม่มีเวลาฝึกวิชาเลยแม้แต่น้อย
หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมผู้นำของปราสาทนภาถึงต้องการให้เขามาที่นี่ แต่มันเกี่ยวข้องกับอี๋ซา ดังนั้นมันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่มีผลร้ายต่อเขา
และอีกอย่างผู้นำของปราสาทนภาก็ใช้พลังชีวิตของตัวเองเพื่อมอบกุญแจหัวใจนภาให้กับหานเซิ่นถึง 2 ครั้ง ซึ่งถ้าเขาต้องการจะทำร้ายหานเซิ่นจริง เขาก็คงจะไม่ทำอะไรแบบนั้น
หานเซิ่นตั้งใจทำงานอย่างหนักในทะเลสาบ แต่ดรีมบีสต์ดูเหมือนจะไม่ชอบเขาขึ้นมาเลยสักนิดเดียว ถ้าเขาตื่นสาย มันก็จะเตะเขาลงไปในน้ำ
และดรีมบีสต์ก็มักจะพูดเสมอว่าหินอัญมณีสดๆเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมอย่างโน้นอย่างนี้ ดังนั้นหานเซิ่นไม่สามารถจะเก็บพวกมันขึ้นมาเผื่อวันต่อๆไปได้
‘เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันกลายเป็นเทพเจ้าและแข็งแกร่งกว่าแกเมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะให้แกตามหาหินอัญมณีบ้าง ฉันจะมัดขาของแกและให้แกเลียพื้นทรายด้วยลิ้น’ หานเซิ่นคิดกับตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยว
“เป็นความคิดที่ดีหนิ จากวันนี้ไปข้าจะให้เจ้าใช้ลิ้นของตัวเองเพื่อตามหาหินอัญมณี แต่ถ้าลิ้นของเจ้าสัมผัสกับหินอัญมณีล่ะก็ ข้าจะตัดมันออก” ดรีมบีสต์พูดด้วยโทนเสียงที่ไร้ซึ้งอารมณ์ใดๆ
หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกสิ้นหวังและคิดกับตัวเอง
‘เวรจริงๆ! เจ้านี่ก็อ่านจิตใจได้ด้วยอย่างนั้นหรอ?’