ซากศพมังกร
การต่อสู้ของสัตว์ประหลาดทั้ง 2 ยังคงดำเนินต่อไป โชคดีที่มันไม่ได้มีผลอะไรต่อใต้ทะเลลึก
แต่ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งที่ใหญ่มหึมาร่วงลงมาสู่ท้องทะเล
หานเซิ่นรีบใช้สโคปปืนส่องดูและสังเกตเห็นว่าซีโน่เจเนอิคที่ถูกผู้คนเรียกว่าเทพเจ้ามังกรกำลังร่วงลงมา ทำให้เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ แม้แต่ก้นบึ้งของทะเลก็ได้รับผลกระทบ
ดูเหมือนว่าเทพเจ้ามังกรจะหมดสติไป ขณะที่ร่างกายของมันค่อยๆจมลง และเมื่อหานเซิ่นสังเกตที่หัวของมัน เขาก็พบว่าหัวกะโหลกของมันแตกร้าว รูปปั้นเต่าทะเลคงจะใช้ค้อนทุบใส่หัวของมันอย่างหนัก
“ว้าว! รูปปั้นเต่าทะเลนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลย?” หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ
ไม่นานหลังจากนั้นรูปปั้นเต่าก็ตามลงมา มันใช้ค้อนทุบเข้าใส่หัวของเทพเจ้ามังกรอีกครั้งจนกะโหลกแตกกระจาย หลังจากนั้นรูปปั้นเต่าก็ค้นเอาลูกแก้วสีฟ้าออกมาร่างของเทพเจ้ามังกรและว่ายน้ำจากไป
ร่างของเทพเจ้ามังกรค่อยๆจมลงมาในน้ำ จนกระทั่งมันลงมาอยู่ใกล้ๆกับจุดที่หานเซิ่นซ่อนตัวอยู่
เมื่อเวลาผ่านไปรูปปั้นเต่าก็ไม่ได้ว่ายกลับมา แต่ซิวซือและดราก้อนฟิฟทีนลงมายืนอยู่ข้างๆศพแทน
“ซิวซือ เจ้ารู้ไหมว่ามอนสเตอร์ตัวนี้คืออะไรกันแน่?” ดราก้อนฟิฟทีนถามซิวซือ
ซิวซือมองไปที่ร่างของเทพเจ้ามังกรและพูด “ข้าไม่แน่ใจ แต่พลังของมันเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ รูปปั้นเต่านั้นเอาสิ่งที่สำคัญที่สุดไปแล้ว แต่ร่างกายของมันยังเป็นอะไรที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกล็ดสีฟ้าของมัน ถ้าสิ่งที่หลงซานพูดเป็นความจริง และเกล็ดของมันเร่งการวิวัฒนาการได้ล่ะก็ อย่างนั้นพวกมันก็จะถือเป็นสมบัติอันล้ำค้า”
“ข้าก็กำลังคิดแบบเดียวกัน! มันถือเป็นโชคดีสำหรับเผ่าพันธุ์ดราก้อน หลงอิ๋งรีบเตรียมขนย้ายร่างของมันไป” ดราก้อนฟีฟทีนพูดกับหลงอิ๋ง
หลงอิ๋งพยักหน้าและว่ายเข้าไปใกล้ร่างของเทพเจ้ามังกร
หานเซิ่นมองดูการทำงานของเธอและรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ร่างของครึ่งเทพถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่าก็จริง แต่ชีวิตของตัวเองมีค่ามากกว่า
แต่เมื่อหลงอิ๋งว่ายไปข้างๆร่างของเทพเจ้ามังกรและจับหางของมัน ความแข็งแกร่งระดับดยุกของเธอก็ไม่เพียงพอที่จะยกร่างของมันขึ้นได้
หลังจากนั้นสีหน้าของหลงอิ๋งก็เปลี่ยนไป เธอกางปีกมังกรออกและปลดปล่อยเงาของมังกรออกมา แขนของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นแขนที่มีเกล็ดของมังกร เธอขยับเขยื้อนร่างของมันได้เล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่สามารถยกมันขึ้นมาได้อยู่ดี
“นายท่าน ร่างของซีโน่เจเนอิคตัวนี้หนักเกินไป พวกเราจำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือ ถ้าพวกเราต้องการจะเคลื่อนย้ายมัน” หลงอิ๋งบอกกับดราก้อนฟิฟทีน
ดราก้อนฟิฟทีนขมวดคิ้ว หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นซิวซือกับข้าจะคอยเฝ้าร่างของมันเอาไว้ ส่วนเจ้าไปตามคนมาช่วย”
“คริสตัลไลเซอร์ที่ชั่วร้ายนั่นยังอยู่แถวนี้ ทำไมนายท่านไม่ให้ข้าเป็นคนเฝ้าอยู่ที่นี่แทนล่ะ?” หลงอิ๋งไม่ต้องการจะทิ้งดราก้อนฟิฟทีนเอาไว้ที่นี่
“ไม่เป็นอะไร เจ้าไปได้แล้ว” ดราก้อนฟิฟทีนพูดพร้อมกับสะบัดมือ เขาต้องการทำเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
เมื่อเห็นว่าหลงอิ๋งจากไปแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ถ้ามันมีแค่ดราก้อนฟิฟทีนและซิวซือที่เป็นแค่มาร์ควิสล่ะก็ มันก็มีโอกาสที่เขาจะแย่งร่างของเทพเจ้ามังกรมาได้
แต่เขาก็ยังคงต้องคำนึงถึงน้ำหนักของร่างเทพเจ้ามังกร เพราะแม้แต่หลงอิ๋งที่เป็นดยุกยังไม่สามารถยกมันขึ้นได้ และถึงแม้หานเซิ่นจะเรียกหอคอยแห่งโชคชะตาออกมา เขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถดูดมันเข้าไปได้
‘เราจะขโมยมันมาได้ยังไง?’ หานเซิ่นใช้สโคปของปืนไรเฟิลเพื่อสังเกตร่างของเทพเจ้ามังกร แต่เขาไม่สามารถบอกอะไรได้มาก เขาไม่สามารถบอกได้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เห็นอยู่นั้นจริงๆแล้วเป็นของดี
“หลงซานและคนอื่นๆบอกว่าเกล็ดของมันเร่งการวิวัฒนาการได้ ดังนั้นอย่างน้อยๆเกล็ดของมันก็ต้องเป็นของดี แต่มันมีเกล็ดอยู่มากเกินไป และถ้าหลงอิ๋งเกิดกลับมา เราก็คงจะหนีไปไม่รอดแน่นอน แถมซิวซือและดราก้อนฟิฟทีนก็ยังคงอยู่ที่นี่ แค่พวกเขาก็เป็นอะไรที่น่ารำคาญมากพอแล้ว” หานเซิ่นรู้สึกลังเล
ครั้งนี้ซิวซือเดินเข้าไปตรงหน้าร่างของเทพเจ้ามังกรและสังเกตที่บริเวณคอของมัน
“ข้าไม่รู้ว่าซีโน่เจเนอิคตัวนี้มาจากที่ไหนกันแน่ แต่เมื่อดูจากลักษณะของมันแล้ว ข้าคิดว่ามันต้องเป็นมังกรชนิดหนึ่ง และนอกจากลูกแก้วมังกรที่รูปปั้นเต่านั้นเอาไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เหลืออยู่ก็คือเกล็ดของมัน เจ้าเห็นด้วยไหม?”
เมื่อได้ยินซิวซือพูดอย่างนั้น หานเซิ่นก็ใช้สโคปส่องไปในทิศทางที่เธอมองออกไป เขาสังเกตเห็นเกล็ดๆที่คอของเทพเจ้ามังกรที่ดูกลับตาลปัตรกับเกล็ดอันอื่นๆ เกล็ดอันอื่นมีสีฟ้าอ่อน แต่เกล็ดอันนี้เข้มมากจนเกือบจะเป็นสีดำ แถมมันยังมีรูปร่างที่แตกต่างออกไปจากเกล็ดอื่นๆอีกด้วย
เกล็ดอื่นๆดูเหมือนกับพัดและมีขนาดพอๆกับใบหินเจียร แต่ทว่าเกล็ดที่กลับตาลปัตรมีขนาดพอๆกับจานและมีรูปทรงเหมือนกับหัวใจ
“ซีโน่เจเนอิคครึ่งเทพตัวนี้ต้องเป็นมังกรชนิดหนึ่งไม่ผิดแน่ และนั่นก็คือเกล็ดกลับตาลปัตร” ดราก้อนฟิฟทีนเดินเข้าไปและพยายามจะแกะเกล็ดนั้นออกมา
แต่เขาพบว่าไม่สามารถแกะมันออกมาได้ เทพเจ้ามังกรถูกฆ่าตายและพลังชีวิตของมันก็ดับไปแล้ว ดังนั้นเนื้อหนังของมันควรจะอ่อนลง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่มาร์ควิสคนหนึ่งจะแกะเกล็ดกลับตาลปัตรออกมา
ดราก้อนฟิฟทีนขมวดคิ้ว พลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในร่างกายของเขาขณะที่เขากางปีกออก ร่างกายของเติบโตขึ้น 3 ฟุต และกล้ามเนื้อของเขาก็แข็งราวกับเหล็ก มีเกล็ดสีดำปรากฏขึ้นบนร่างของเขา
‘ดราก้อนฟิฟทีนนี่ก็เป็นซีโน่เจเนอิคด้วยอย่างนั้นหรอ? นี่ดราก้อนทุกคนเป็นซีโน่เจเนอิคกันหมดเลยหรือยังไง?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ขณะที่สังเกตการณ์อยู่นั้น หานเซิ่นก็ประเมินว่าดราก้อนฟิฟทีนอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าดราก้อนเธอร์ทีนซะอีก ดราก้อนนั้นแข็งแกร่งตั้งแต่เกิด และไม่ว่าดราก้อนเลือดบริสุทธิ์คนไหนก็แข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกันของเผ่าพันธุ์อื่นๆ
กรงเล็บของเขากลายเป็นมีดที่แหลมคม และดราก้อนฟิฟทีนก็ใช้พวกมันตัดเนื้อรอบๆเกล็ดจนกระทั่งมันหลุดออกมา
“ทนดูไม่ไหวแล้ว” หานเซิ่นเล็งปืนไรเฟิลไปที่ดราก้อนฟิฟทีนและเหนี่ยวไกออกไป เขาออกมาจากเปลือกหอยและวิ่งเข้าไปหาร่างของเทพเจ้ามังกร
แต่ดูเหมือนกับว่าดราก้อนฟิฟทีนจะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาหันมาสะบัดมือใส่กระสุน กระสุนนั้นถูกกรงเล็บของเขาตัดจนขาดครึ่งอย่างง่ายดาย
ขณะเดียวกันนั้นดราก้อนฟิฟทีนก็สะบัดมืออีกข้างใส่หานเซิ่น กรงเล็บของเขาทำให้น้ำสั่นไหวจนกลายเป็นใบมีดมากมายพุ่งเข้าใส่หานเซิ่น