Super God Gene – ตอนที่ 2068

ตอนที่ 2068

วิญญาณหยก
หานเซิ่นไปยังสถานหยกขาวที่ 2 พร้อมกับกระเรียนพันขนและคนอื่นๆ

เมื่อพวกเขาไปถึงชั้นแรก พวกเขาก็เห็นศิษย์คนอื่นยืนเฝ้ารูปภาพของอสูรหยกแต่ละรูปที่อยู่บนกำแพง

กระเรียนพันขนอธิบาย “เมื่อสถานหยกขาวเปิดขึ้น อสูรหยกในรูปภาพจะออกมาในร่างวิญญาณ ถ้าเจ้าสกัดพวกมันได้ เจ้าก็จะได้รับลูกแก้ววิญญาณหยก”

ยวิ๋นซู่ซางยิ้มและพูด “สถานหยกขาวที่ 2 มีทั้งหมด 7 ชั้น ยิ่งขึ้นไปบนชั้นที่สูง วิญญาณหยกก็จะแข็งแกร่งขึ้น แน่นอนว่าลูกแก้ววิญญาณหยกที่จะได้รับก็จะดีขึ้นด้วยเช่นกัน เอิร์ลส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้นที่ 4 หรือต่ำลงมา แต่เจ้าที่เป็นมาร์ควิสน่าจะล่าวิญญาณหยกชั้นที่สูงกว่านั้นได้”

“ในตอนที่อยู่ในซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณและทะเลโบราณหวนคืน มันมีสถานการณ์พิเศษที่ทำให้ข้าต่อสู้กับมาร์ควิสได้ โดยปกติแล้วข้าไม่มีพลังจะทำอะไรแบบนั้น ข้าขอลองทดสอบที่ชั้นที่ 4 ก่อน”

หานเซิ่นไม่อยากจะเสี่ยง จนกว่าเขาจะรู้ว่าวิญญาณหยกคืออะไร

พวกเขาเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 4 มันไม่ได้มีคนอื่นอยู่บนชั้นนี้มากนัก ต่างจาก 3 ชั้นที่มีผู้คนยืนเฝ้ารูปภาพอยู่หลายคน บนชั้นนี้รูปภาพส่วนใหญ่ไม่มีใครเฝ้าอยู่

ยวิ๋นซู่อีชี้ไปที่รูปภาพของวิญญาณหยกและพูด “มันมีวิญญาณหยกอยู่มากมาย ซึ่งแต่ละตัวจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป และพวกมันก็ให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันด้วย อย่างเช่นเสือหยกนี่ ถ้าเจ้าได้รับลูกแก้ววิญญาณหยกของมัน มันก็จะทำให้พละกำลังของเจ้าเพิ่มขึ้น ส่วนนกตัวนี้ดีต่อการเพิ่มความเร็ว เจ้าควรจะเลือกวิญญาณหยกที่ตรงกับความต้องการของเจ้า”

“แบบนี้นี่เอง” หานเซิ่นพบว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจ และเขาก็เริ่มตรวจดูวิญญาณหยกรอบๆ สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่ภาพของแฟรี่ตัวหนึ่ง เขาถามด้วยความสงสัย “แล้วแฟรี่นี่ล่ะ?”

“วิญญาณหยกนั่นมีความสามารถที่สมดุล มันไม่ได้โดดเด่นด้านไหนเป็นพิเศษ แต่มันจะเพิ่มทุกๆอย่างทีละนิดแทน” ยวิ๋นซู่อีพูด

“ถ้าอย่างนั้นข้าเลือกนางล่ะกัน” หานเซิ่นไม่ได้มีความชอบวิญญาณหยกไหนเป็นพิเศษ และเขาก็แค่คิดว่าแฟรี่หยกดูสวยดีเท่านั้นเอง

ก่อนที่สถานหยกขาวจะเปิดขึ้น พวกเขาแต่ละคนก็จะเลือกรูปภาพวิญญาณหยกของตัวเอง ยวิ๋นซู่อีเลือกรูปภาพของนกชนิดหนึ่ง ซึ่งมันอยู่ถัดไปจากหานเซิ่น

ไม่นานหลังจากนั้นสถานหยกขาวก็เปิดขึ้น ลมปราณหยกเริ่มหลั่งไหลออกมาจากกำแพงหยก เมื่อเทียบกับลมปราณหยกของสถานหยกขาวแรกแล้ว มันเข้มข้นกว่ามาก การดูดซับมันเข้าไปจึงเป็นอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่า

ไม่นานวิญญาณหยกก็เริ่มมีชีวิตขึ้นมา พวกมันออกมาจากกำแพงในร่างหยกกึ่งโปร่งใส แต่น่าแปลกที่มีเพียงแค่รูปภาพที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่เท่านั้นที่จะมีวิญญาณหยกออกมา

หานเซิ่นมองไปที่วิญญาณหยกตรงหน้าและสังเกตถึงความงดงามของมัน ด้วยร่างที่ดูกึ่งโปร่งใสทำให้มันดูเหมือนกับแฟรี่ที่ออกมาสู่โลกนี้จริงๆ

แฟรี่หยกเริ่มบินไปรอบๆขณะที่เข้ามาหาหานเซิ่น

หานเซิ่นใช้วิชากายหยกและนั่งอยู่นิ่งๆไม่เคลื่อนไหว

การฆ่าวิญญาณหยกเป็นกระบวนการที่แตกต่างจากการฆ่าซีโน่เจเนอิค วิญญาณหยกนั้นจริงๆแล้วเป็นแค่แก่นแท้ของลมปราณหยกที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เขาสามารถทำลายพวกมันได้ แต่เขาไม่สามารถฆ่าพวกมันด้วยวิธีการปกติได้ๆ

การฆ่าวิญญาณหยกจำเป็นต้องปล่อยให้พวกมันเข้าสิง และใช้พลังกับความแข็งแกร่งทางจิตใจเพื่อต่อสู้ ซึ่งถ้าคนที่ถูกสิงสามารถเอาชนะและสกัดวิญญาณหยกได้สำเร็จ มันก็จะกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณหยก

แฟรี่หยกบินตรงเข้าไปในร่างของหานเซิ่น ตัวตนของมันเป็นเหมือนกับหมอกที่กำลังเข้าไปในร่างของเขา

ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกหนาวไปทั่งตัว ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าไปในทุกเซลล์ของเขาจนเกือบจะทำให้เขากลายเป็นน้ำแข็ง

หานเซิ่นรีบใช้วิชากายหยกเพื่อสลายความหนาวเย็นภายในร่างกาย และเมื่อเขาเดินลมปราณของวิชากายหยกจนครบหนึ่งรอบ ความรู้สึกหนาวเย็นก็เริ่มออกมาจากร่างกายของเขาและหายไปในที่สุด

หลังจากนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็สั่นไหว และแฟรี่หยกก็ออกมาจากร่างของเขา แต่มันไม่ได้กลับเข้าไปในรูปภาพ มันกลายเป็นหินหยกกึ่งโปร่งใสที่มีขนาดพอๆกับเล็บหัวแม่มือ

หานเซิ่นเอื้อมมือไปจับมันและสังเกตได้ถึงลมปราณหยกที่หนาแน่น ซึ่งมันต้องเป็นลูกแก้ววิญญาณหยกของแฟรี่หยกอย่างแน่นอน

หานเซิ่นกลืนมันเข้าไป หลังจากนั้นเขาก็ใช้วิชากายหยกอีกครั้ง เขารู้สึกอุ่นๆในกระเพาะและมันก็ไหลเวียนไปยังแขนขา หานเซิ่นรู้สึกสบายอย่างมาก ร่างกายของเขาอบอุ่นราวกับกำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน

พลังของลูกแก้ววิญญาณหยกถูกดูดซับไปอย่างรวดเร็ว หานเซิ่นสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของวิชากายหยก แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

สถานหยกขาวยังคงดำเนินต่อไป และกระเรียนพันขนกับพี่น้องยวิ๋นก็ยังคงต่อสู้อยู่กับวิญญาณหยก พวกเขานั่งอยู่กับที่ราวกับว่าพวกเขาถูกแช่แข็งไป

ยวิ๋นซู่อีเพิ่งวิวัฒนาการมาเป็นเอิร์ลได้ไม่นาน การต่อสู้กับวิญญาณหยกบนชั้นที่ 4 จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ สีหน้าของเธอดูซีดเซียวกว่าคนอื่นๆ

หานเซิ่นใช้วิชากายหยกเพื่อปล่อยแสงเทพใส่เธอ เขาต้องการช่วยเธอต่อสู้กับวิญญาณหยก เมื่อแสงของวิชากายหยกเข้าไปในร่างของยวิ๋นซู่อี สีหน้าของเธอก็ดูดีขึ้นมาก ไม่นานหลังจากนั้นนกหยกก็บินออกมาจากตัวของเธอและกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณหยก

ยวิ๋นซู่อีลืมตาขึ้นและเก็บลูกแก้ววิญญาณหยกไป เธอโค้งคำรับต่อหานเซิ่นและพูด “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”

“ไม่จำเป็นต้องทำตัวมีมารยาทอะไรขนาดนั้น” หานเซิ่นพูดอย่างเป็นกันเอง

ยวิ๋นซู่อีหน้าแดงและไม่พูดอะไรอีก

หลังจากนั้นกระเรียนพันขนและยวิ๋นซู่ซางก็สกัดวิญญาณหยกของตัวเองได้สำเร็จ แต่เมื่อลืมตาขึ้น พวกเขาก็ประหลาดใจที่เห็นว่าหานเซิ่นและยวิ๋นซู่อีกำลังพูดคุยกันอยู่

พวกเขาคาดเอาไว้แล้วว่าหานเซิ่นจะรวดเร็วกว่าพวกเขาในการสกัดวิญญาณหยก แต่ความเร็วของยวิ๋นซู่อีคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ

ยวิ๋นซู่อีบอกพวกเขาว่าหานเซิ่นช่วยเหลือเธอ กระเรียนพันขนและยวิ๋นซู่ซางรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้

“ปกติแล้วการยืนมือเข้าไปช่วยคนอื่นขณะที่อยู่ในระหว่างถูกวิญญาณหยกสิงจะทำให้วิญญาณหยกแตกสลาย เขาช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่ทำลายวิญญาณหยกอย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ”

Super God Gene

Super God Gene

Status: Ongoing
 ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท