หลอมวิญญาณหยกที่ชั้น 7
“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยักไหล่
กระเรียนพันขนไม่เชื่อว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่เหตุการณ์ประหลาดนั้นเกิดขึ้นรอบๆตัวหานเซิ่นบ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจึงเคยชินกับมันแล้ว
“ข้าว่าจะลองขึ้นไปดูชั้นต่อไปสักหน่อย” หานเซิ่นบอกกระเรียนพันขนและคนอื่นๆก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 5
บนชั้นที่ 5 มีเพียงแค่ศิษย์ระดับมาร์ควิสเท่านั้น วิญญาณหยกที่อยู่บนกำแพงก็เป็นระดับมาร์ควิสเช่นเดียวกัน ศิษย์ของปราสาทนภาระดับมาร์ควิสมักจะมาชั้นนี้กันซะส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนั้นหน้ารูปภาพของวิญญาณหยกแต่ละภาพจึงมีศิษย์ระดับมาร์ควิสอยู่หลายคน
เมื่อลมปราณหยกปะทุขึ้นมา ไม่มีใครวิ่งออกไปข้างหน้า มันขึ้นอยู่กับว่าวิญญาณสปิริตจะเลือกใคร การขโมยเป็นสิ่งต้องห้ามภายในสถานหยกขาว
นี่เป็นเหตุผลที่ปราสาทนภาควบคุมจำนวนผู้คนที่จะเข้ามาในสถานหยกขาว เนื่องจากทรัพยากรมีอยู่จำกัด และตอนนี้มันก็มีศิษย์เกินจำนวนกว่าทรัพยากรที่มีอยู่
หานเซิ่นเดินขึ้นไปบนชั้นต่อไปอย่างไม่ลังเล ซึ่งบนชั้นที่ 6 มันก็มีศิษย์ชาวนภาอยู่ป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ละรูปภาพจะมีมาร์ควิสนั่งอยู่ 2-3 คน
บนชั้นที่ 7 มีคนอยู่น้อยกว่ามาก โดยรวมแล้วมันมีอยู่เพียงแค่ 5-6 คนเท่านั้น และหานเซิ่นก็รู้จักหนึ่งในพวกเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็คือไผ่เดียวดายที่วิวัฒนาการเป็นระดับมาร์ควิสในระหว่างการสอบ
เมื่อไผ่เดียวดายเห็นหานเซิ่น เขาก็กวักมือเรียก หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าไผ่เดียวดายจะต้องการจะพูดคุยกับเขา ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปด้วยความประหลาดใจ
“หลังจากจบนี่แล้วเจ้ามีเวลาว่างไหม?” ไผ่เดียวดายถาม
“ก็ว่างอยู่ เจ้าต้องการอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไผ่เดียวดายด้วยความสับสน
“เจ้าสนใจจะไปที่ยอดเมฆสายรุ้งเพื่อล่าคลาวด์บีสต์ไหม?” ไผ่เดียวดายพูดเข้าเรื่องในทันที
“ข้าสนใจจะล่าซีโน่เจเนอิค แต่ถ้าพวกเราไปด้วยกัน ซีโน่เจเนอิคคงจะไม่มีโอกาส” หานเซิ่นหัวเราะ
ไผ่เดียวดายยิ้มและพูดต่อ “คลาวด์บีสต์อาศัยอยู่ในยอดเมฆสายรุ้งมาเป็นล้านๆปีแล้ว แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครจับมันได้เลย ข้าอยากจะจับมันมาเป็นสัตว์ขี่ ซึ่งถ้าเจ้าสนใจ ใครก็ตามที่จับมันได้ มันก็จะเป็นของคนคนนั้น”
“ไม่มีทาง ถ้าแม้แต่ยอดฝีมือของปราสาทนภายังจับมันไม่ได้ แล้วเจ้าคิดว่าพวกเราจะจับมันได้ยังไง?”
หานเซิ่นนึกถึงอวี้ซ่านซินขึ้นมา เขาไม่เชื่อว่าจะมีซีโน่เจเนอิคตัวไหนที่ชายคนนั้นไม่สามารถจัดการได้ ถ้าบางสิ่งอยู่เหนือพละกำลังของชายคนนั้น หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาส
“ทรัพยากรของปราสาทนภาถูกป้องกันเป็นอย่างดี มันมีเพียงแค่อาจารย์ระดับมาร์ควิสเท่านั้นที่จะไปยังยอดเมฆสายรุ้งได้ ด้วยเหตุนั้นจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครจับคลาวด์บีสต์ได้” ไผ่เดียวดายพูดอย่างเป็นกันเอง
“นั่นหมายความว่าคลาวด์บีสต์โชคดี ถ้าพวกเราทั้งคู่ไปที่นั่น มันต้องเรียกพวกเราว่าพ่ออย่างแน่นอน” หานเซิ่นหัวเราะ
“ข้าไม่รู้ว่ามันจะเรียกพ่อหรือเปล่า แต่ข้าแน่ใจว่ามันต้องคุกเข่า” ไผ่เดียวดายพูดอย่างจริงจัง
หานเซิ่นถามไผ่เดียวดายเกี่ยวกับคลาวด์บีสต์ และหลังจากที่ได้ยินมัน เขาก็คิดว่าคลาวด์บีสต์ฟังดูคล้ายกับคลาวด์บีสต์ที่เขาเคยเห็นในก็อตแซงชัวรี่
หานเซิ่นเคยเห็นคลาวด์บีสต์มาก่อน และเขาก็อยากจะได้รับวิญญาณอสูรของมันมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยได้มันมา
‘รอบนี้คลาวด์บีสต์จะมอบวิญญาณอสูรให้กับเราหรือเปล่านะ? แต่ถึงจะได้ มันก็คงจะแตกต่างไปจากวิญญาณอสูรที่ได้รับในก็อตแซงชัวรี่’ หานเซิ่นคิด
หานเซิ่นมองไปรอบๆชั้นที่ 7 มันมีรูปภาพอยู่มากมายที่ไม่มีใครนั่งอยู่ข้างหน้า หานเซิ่นเลือกรูปภาพของแฟรี่หยกและนั่งลง
หานเซิ่นรอจนกระทั่งลมปราณหยกปะทุขึ้นมาและแฟรี่หยกก็บินออกมาจากกำแพง หลังจากนั้นมันก็เข้าไปในร่างของหานเซิ่นเหมือนกับชั้นที่ 4
หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา ครั้งนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่อยู่ชั้นที่ 4 มาก ถ้าหานเซิ่นไม่ได้มีวิชากายหยกล่ะก็ เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะทนต่อความหนาวเย็นในตอนนี้ได้หรือเปล่า
หานเซิ่นรีบใช้วิชากายหยก หลังจากนั้นแฟรี่หยกก็ออกมาจากร่างกายของเขาและกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณ
หานเซิ่นเก็บมันขึ้นมา แต่เขาไม่ได้กินมันเข้าไปทันที เขาเดินไปหารูปภาพของแฟรี่หยกอีกรูป และเมื่อเขาไปอยู่ตรงหน้ามัน แฟรี่หยกก็ออกมาจากกำแพงและเข้าไปในร่างของเขา ขณะเดียวกันคนอื่นๆยังไม่มีใครสกัดวิญญาณหยกดวงแรกเสร็จเลย
‘วิชากายหยกมีประโยชน์ในสถานหยกขาวมากจริงๆ ถึงกายหยกของเราจะยังเป็นแค่ระดับเอิร์ล แต่เราก็สกัดวิญญาณหยกพวกนี้ได้ง่ายมากๆ ถ้าเราพัฒนามันไปสู่ระดับมาร์ควิสได้ล่ะก็ เราก็คงจะได้รับลูกแก้ววิญญาณหยกมากตามที่ต้องการ’ หานเซิ่นรู้สึกอวดดีขณะที่เดินเข้าไปหารูปภาพวิญญาณหยกอีกภาพ
เนื่องจากมันไม่มีรูปภาพของแฟรี่หยกอีกแล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงเลือกนั่งลงตรงหน้ารูปของเสือหยกแทน
โฮก!
การคำรามของเสือทำให้ดวงวิญญาณของหานเซิ่นสั่นคลอน มันเกือบจะทำให้เขากระอักเลือดออกมา
ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ามันจะง่ายเหมือนกับแฟรี่หยก แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะทำให้เลือดของเขาตกอยู่ในความระส่ำระสาย โชคดีที่หานเซิ่นมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาไม่ได้ตื่นตระหนกและใช้สมาธิกับการส่งเลือดกลับเข้าไปในหลอดเลือด หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังทั้งหมดเพื่อสกัดวิญญาณเสือหยก
เสือหยกเป็นวิญญาณที่กำเนิดขึ้นโดยลมปราณหยก แต่หานเซิ่นกลับพบว่ามันยากที่จะสกัดได้ มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างวิญญาณแฟรี่หยก
เสือหยกคำรามใส่เขา ทำให้หัวของเขารู้สึกปวดจนเลือดเกือบจะไหลออกมาจากจมูก
แต่ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถสกัดวิญญาณเสือหยกได้สำเร็จ เขาลืมตาขึ้นและสังเกตว่าลมปราณหยกหายไปแล้ว ศิษย์คนอื่นๆก็เช่นเดียวกัน เหลือเพียงแค่ไผ่เดียวดายคนเดียวที่ยังอยู่ต่อเพื่อรอเขา
เสือหยกกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณ และหลังจากที่หานเซิ่นเก็บมันไปแล้ว เขาก็หันมาถามไผ่เดียวดาย “นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว?”
“สถานหยกขาวปิดตัวไปตั้งแต่ 5 ชั่วโมงก่อนแล้ว” ไผ่เดียวดายตอบ
หานเซิ่นตกใจ เขาใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อสกัดวิญญาณแฟรี่หยก 2 ดวง แต่เขาต้องใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมงเพื่อสกัดวิญญาณเสือหยกแค่ดวงเดียว
นั่นหมายความว่าวิญญาณแฟรี่หยกประสานกับกายหยกของเขาได้ดีกว่า แต่วิญญาณเสือหยกและวิชากายหยกไม่เข้ากัน และนั่นเป็นเหตุผลที่มันใช้เวลานานขนาดนั้น