วิชาผนึกมาร
หานเซิ่นไม่รู้ว่าบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนคืออะไร ซึ่งหลังจากที่เขาถามอวี้จิงแล้ว เขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นสมบัติจากจีโนฮอลล์ มันจะปรากฏขึ้นในจีโนฮอลล์ทุกๆศตวรรษ และเผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็จะเข้าแข่งกันเพื่อครอบครองมัน ทุกคนสามารถเข้าร่วมเพื่อทดสอบตัวเอง
บัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนจะจดชื่อของผู้ที่ติดอันดับหนึ่งในหมื่นเอาไว้โดยจะเรียงตั้งแต่ดีที่สุดไปสู่อันดับสุดท้าย
ทั้งจักรวาลจีโนจะเห็นชื่อที่อยู่บนบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน
“ถ้าข้าทิ้งชื่อเอาไว้บนสิ่งนั้นได้ และข้าจะได้ประโยชน์อะไร?” หานเซิ่นถามอวี้จิง
“ชื่อเสียงทั่วทั้งจักรวาลจีโน ทุกคนจะเห็นชื่อและเผ่าพันธุ์ของเจ้า นั่นไม่ใช่ผลประโยชน์หรอกหรอ? ด้วยพลังของเจ้า ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าต้องติดอันดับท๊อปของระดับเอิร์ลหรือมาร์ควิส ซึ่งถ้าเจ้าติดท๊อปสิบได้ล่ะก็ เจ้าก็จะกลายเป็นคนที่โด่งดัง”
อวี้จิงไม่รู้ว่าตอนนี้หานเซิ่นเป็นเอิร์ลหรือมาร์ควิสกันแน่ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาพูดออกไปแบบนั้น
“ข้าไม่สนใจ” หานเซิ่นพูดอย่างเรียบง่าย เขาไม่ได้รับอะไรจากการเข้าร่วม และชื่อเสียงก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการ
“อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจเร็วนัก มันยังมีเวลาอีกหนึ่งปีก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น บางทีเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”
อวี้จิงไม่ได้พยายามพูดโน้มน้าวหานเซิ่นอีกและหันไปถามเรื่องอื่นแทน “ศิษย์น้องหาน? เมื่อไหร่กันที่เจ้าจะทำการบรรยายเกี่ยวกับวิชาจีโนน่ะ? และเจ้าพอจะบอกข้าได้ไหมว่าเจ้าจะบรรยายเรื่องอะไร?”
“เจ้าอยากให้ข้าบรรยายเรื่องอะไรล่ะ?”
หานเซิ่นมีแผนที่จะทำการบรรยายประจำปีขณะที่ยังมีเวลาว่างอยู่ ในตอนนี้เขาไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไรต้องทำ ดังนั้นเขาก็คิดว่าจะทำมันเห็นเสร็จซะตอนนี้เลย
ปัญหาอย่างเดียวก็คือหานเซิ่นไม่รู้ว่าควรจะบรรยายเรื่องอะไรดี และเขาก็ไม่สามารถสอนวิชาใต้นภาให้กับสาธารณชนได้เช่นกัน
ภายในปราสาทนภามีผู้คนที่ศึกษาในวิชาจีโนทุกรูปแบบ ซึ่งไม่ว่าหานเซิ่นจะพูดเรื่องอะไร มันก็ต้องมีคนบางส่วนที่ไม่สนใจในสิ่งที่เขาจะบรรยาย
ผู้คนของปราสาทนภาไม่เคยเห็นวิชาจากภายในก็อตแซงชัวรี่มาก่อน ดังนั้นการพยายามบรรยายเกี่ยวกับพวกมันจึงเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์
“ข้าอยากจะให้เจ้าพูดเกี่ยวกับศาสตร์สามสิบเอ็ดวัน แต่แน่นอนว่านั่นเป็นวิชาของชาวนภา ข้าจึงไม่คิดว่าเจ้าจะได้เรียนรู้มัน” อวี้จิงพูด
“ข้าไม่ได้เรียนรู้มันจริงๆนั่นแหละ” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆ
อวี้จิงคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมา
“เอาแบบนี้ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ เจ้าพูดเกี่ยวกับวิชาผนึกมารได้ไหม?”
“วิชาผนึกมาร?” หานเซิ่นไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อน เขามาที่ปราสาทนภาเพื่อสถานหยกขาว เขาไม่ได้สนใจเรียนรู้อะไรอย่างอื่น ดังนั้นเขาจึงรู้จักวิชาที่โด่งดังไม่กี่วิชา
“วิชาผนึกมารเป็นวิชาจีโนที่มีชื่อเสียง และทุกคนก็เรียนรู้มันได้ มันไม่เหมือนกับตำราไร้อักษรที่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเรียนรู้ได้” อวี้จิงพูด
“ทุกคนเรียนรู้มันได้?”
หานเซิ่นรู้ว่าวิชาที่เรียนรู้ได้ทุกคนคงจะเป็นอะไรที่ห่วย วิชาที่ดีที่สุดนั้นโดยปกติแล้วมักจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เรียนรู้มันได้ วิชาที่ฝึกฝนได้ทุกคน ถึงแม้พวกมันจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม แต่พวกมันก็จะแย่ลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป
อวี้จิงพูด “วิชาผนึกมารเป็นวิชาลับของปราสาทนภา ชาวนภาทุกคนเรียนรู้มันได้ แต่คนนอกจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนถึงจะเรียนรู้มันได้ แต่มันก็เป็นวิชาที่ยากจะเรียนรู้ได้อยู่ดี มันมีทั้งหมด 11 ขั้นอีกด้วย ศิษย์ของปราสาทนภาทั่วไป ถ้าทำได้ดี พวกเขาจะฝึกได้ถึงขั้นที่ 3 หรือขั้นที่ 4 แม้แต่ข้าเองที่มุ่งเน้นฝึกฝนมันมาเป็นเวลาหลายปีก็เพิ่งจะฝึกได้ถึงขั้นที่ 5 เท่านั้น ข้าจะซาบซึ้งอย่างมากถ้าเจ้าบรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ และข้าก็มั่นใจว่าศิษย์หลายๆคนของปราสาทนภาก็คงจะซาบซึ้งเช่นเดียวกัน”
“ข้าจะลองเอาไปคิดดู ยังไงก็ตามวิชาผนึกมารคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามเบาๆ
หานเซิ่นยังเหลือสิทธิ์ในการเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งถ้าวิชาผนึกมารเป็นอะไรที่เหมาะสมกับเขา เขาก็คิดว่าการฝึกมันคงไม่เสียหายอะไร
อวี้จิงรีบอธิบายเกี่ยวกับมันให้หานเซิ่นฟัง โดยหวังว่าเขาจะรู้สึกสนใจขึ้นมา
หลังจากที่หานเซิ่นได้ยินเกี่ยวกับมัน เขาก็พูดขึ้นมา
“ถ้าฉันเริ่มฝึกมันในตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะบรรยายมันได้ วิชาจีโนนี่ดูซับซ้อนเกินไป ฉันคงจะเรียนรู้มันในเวลาสั้นๆไม่ได้”
วิชาผนึกมารเป็นอะไรที่ซับซ้อน เขาไม่สามารถเรียนรู้มันได้ในเวลาอันสั้น จากยอดฝีมือทุกคนในปราสาทนภา มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่สำเร็จขั้นที่ 11 ซึ่งก็คือผู้นำของปราสาทนภา หรืออย่างน้อยถ้านับเพียงแค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่
อวี้จิงพูดว่าตำราของวิชาผนึกมารมีมากกว่า 30 ล้านคำ ซึ่งแค่จะอ่านให้จบก็จำเป็นต้องใช้เวลานานและมันต้องใช้เวลานานยิ่งไปอีกเพื่อจะฝึกมัน ด้วยเหตุนั้นมันอาจจะต้องใช้เวลาหลายปีก่อนที่เขาจะทำการบรรยายเกี่ยวกับมันได้
“ข้าก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเจ้าจะพูดแบบนั้น วิชาผนึกมารนั้นยากเกินไปจริงๆ ข้าไม่มีอาจารย์และมันก็เป็นอะไรที่ยากจะเรียนรู้ได้” อวี้จิงยิ้มแห้งๆออกมา
หลังจากที่อวี้จิงจากไปแล้ว หานเซิ่นก็ตัดสินใจไปที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอตำราของวิชาผนึกมาร ชาวนภาทุกคนสามารถเรียนรู้มันได้ แต่ถ้าคนนอกอย่างเขาต้องการจะเรียนรู้มัน พวกเขาก็ต้องทำคุณงามความดีซะก่อน
แต่หานเซิ่นไม่ได้เอาวิชาจีโนนี้มาเพื่อจะบรรยายเกี่ยวกับมัน เขารู้สึกสนใจเกี่ยวกับวิชานี้ขึ้นมา หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของอวี้จิง
วิชาผนึกมารไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ แต่มันพลังที่มุ่งเน้นไปที่การปิดผนึก ซึ่งวิชาจีโนแบบนี้ถือว่าหาได้ยาก วิชาเต่าที่หานเซิ่นคิดค้นขึ้นมาก็เป็นวิชาประเภทผนึกเหมือนกัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่มีประโยชน์อย่างมาก
หลังจากที่คิดค้นวิชาเต่าขึ้นมาแล้ว หานเซิ่นก็พบว่าตัวเองกำลังมองหาวิชาปิดผนึกอีกตัว
วิชาผนึกมารสามารถใช้ได้ตั้งแต่บารอนจนไปถึงยอดฝีมือระดับเทพเจ้า เมื่อร่างกายแข็งแกร่งขึ้น วิชานี้ก็จะพัฒนาขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมันจะมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อวิวัฒนาการเป็นระดับเทพเจ้าได้แล้ว
ตำราของวิชาผนึกมารจะถูกแบ่งออกเป็นขั้นๆ คนส่วนใหญ่จะสามารถเอาตำราไปได้แค่ทีละขั้นเท่านั้น แต่โชคดีที่หานเซิ่นได้รับอนุญาตให้เอาพวกมันทั้ง 11 ขั้นไปได้โดยผู้นำของปราสาทนภา
หลังจากกลับไปที่เกาะ หานเซิ่นก็เริ่มอ่านพวกมันอย่างละเอียด มันใช้เวลาหลายวันก่อนที่เขาจะอ่านมันจนจบ โชคดีที่หานเซิ่นมีความทรงจำที่ดี ถ้าเขาเกิดลืมว่าอะไรมาก่อนมาหลังล่ะก็ มันก็จะเป็นอะไรที่สูญเปล่า
“นี่เป็นวิชาจีโนที่ทรงพลัง” หลังจากที่หานเซิ่นอ่านมันจนจบ เขาก็เริ่มที่จะรู้สึกชอบมันมากขึ้นไปอีก