ความลับของไนท์โกสต์
มาร์ควิสข่านพาหานเซิ่นไปยังบ่อน้ำสีดำ 2 จุด มันเหมือนกับชาวไนท์โกสต์ที่ถูกฆ่าตาย เมื่อหานเซิ่นสแกนด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน เขาก็สัมผัสได้เฉพาะร่องรอยของทอรัสและข่าน มันมีร่องรองของไนท์โกสต์อยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตอะไรนอกเหนือไปจากนั้น
ถึงจะตรวจดูกล้องวงจรปิดทุกตัวแล้ว พวกเขาก็ยังหาตัวคนร้ายไม่เจออยู่ดี ทอรัส 2 คนนั้นตายภายในห้อง ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดบอกว่าไม่มีใครคนอื่นเข้าไปในห้องของพวกเขา และประตูห้องก็ล็อคเอาไว้ จนกระทั่งทอรัสคนอื่นพังประตูเข้าไปหลังจากที่พบว่าทอรัสทั้ง 2 หายตัวไปเป็นเวลานาน
หานเซิ่นไม่ใช่นักสืบ และเขาก็มีแผนที่จะปล่อยให้ไผ่เดียวดายเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่หานเซิ่นจะจากไป เขาก็หันกลับมาหาข่าน
“มาร์ควิสข่าน ข้าขอถามได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
สีหน้าของข่านไม่ได้เปลี่ยนไป เขาพูดอย่างใจเย็น “นั่นเป็นเพราะสินค้าที่ไนท์โกสต์สั่งเป็นสิ่งที่มีราคาแพง ด้วยเหตุนั้นข้าจึงต้องมาส่งของด้วยตัวเอง ข้าเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นหลังจากการมาถึงของข้า”
“ข้าขอถามได้ไหมว่าสินค้าที่มีราคาแพงนั่นคืออะไร?” หานเซิ่นถาม
“ต้องขอโทษด้วย แต่พวกเราจำเป็นต้องรักษาความลับของลูกค้า ถ้าเจ้าอยากจะรู้ว่าสินค้าคืออะไร เจ้าควรจะไปถามกับดยุกสลีปเลสส์เอง” ข่านพูด
หานเซิ่นพยักหน้าและเตรียมตัวจะจากไป แต่หลังจากที่เดินไปได้ 2 ก้าว เขาก็ถอยกลับมา
“สินค้าพวกนั้นถูกส่งไปแล้วหรือยัง?”
“ถูกส่งเรียบร้อยแล้ว” ข่านตอบ
“ขอบคุณที่บอก” หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เดินออกไปจากฐานของทอรัส
“เจ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างนั้นหรอ?” ลี่ตั่วถามหานเซิ่นขณะที่เดินทางกลับ
ข่านรู้ว่าหานเซิ่นเป็นใคร และเขาก็ค่อนข้างมีมารยาทกับหานเซิ่น ซึ่งนั่นทำให้เธอประหลาดใจ เพราะคนเดียวที่จะได้รับการปฏิบัติแบบนั้นจากข่านมีแค่ดยุกสลีปเลสส์เท่านั้น
แต่เมื่อลี่ตั่วลองคิดถึงท่าทางที่ข่านปฏิบัติกับหานเซิ่นดูดีๆแล้ว มันก็ดูเหมือนว่าข่านเพียงแค่หวาดระแวงมากกว่า
“ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แค่ข้าไปฆ่าเดม่อนคนหนึ่ง ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงเกลียดชังข้า” หานเซิ่นหัวเราะ
“อย่างนี้นี่เอง” ลี่ตั่วประหลาดใจ
หานเซิ่นหันมามองลี่ตั่วและพูด “ดูเหมือนว่าเจ้าจะสนิทกับข่านน่าดูเลย”
ลี่ตั่วหน้าแดง “พวกเราไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น เขาและแม่ของข้าทำการแลกเปลี่ยนกันอยู่บ่อยๆ และเขาก็เอาชนะนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเราได้ในงานประลอง นั่นเป็นสาเหตุที่ข้าได้รู้จักกับเขา”
“แม่ของเจ้าซื้ออะไรกันแน่ ถึงทำให้มาร์ควิสคนหนึ่งต้องมาส่งมันด้วยตัวเอง” หานเซิ่นถาม
“ข้าไม่รู้” ลี่ตั่วส่ายหัว
หานเซิ่นถามอีก 2-3 ถามคำถาม หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่คฤหาสน์ของดยุกพร้อมกับเป่าเอ๋อ เมื่อกลับไปถึง หานเซิ่นก็เห็นว่าไผ่เดียวดายนั้นนอนอยู่
“เจ้าพบอะไรไหม?” หานเซิ่นถาม
“มันมีปัญหาบางอย่างกับดยุกสลีปเลสส์” ไผ่เดียวดายพูดอย่างมั่นใจขณะที่ลืมตาขึ้นมา
“ปัญหาอะไร?” หานเซิ่นรีบถาม
“ข้าไม่รู้ แต่ข้าพอจะบอกได้ว่านางปิดบังอะไรบางอย่างอยู่” ไผ่เดียวดายพูด
หานเซิ่นบอกไผ่เดียวดายถึงสิ่งที่รู้และไผ่เดียวดายก็ถอนหายใจออกมา
“เท่าที่ข้ารู้ ไนท์โกสต์นั้นต้องการอาหารเพื่อจะอยู่รอด แต่พวกเขากินเฉพาะเนื้อสดๆเท่านั้น พวกเขาจะไม่กินอะไรที่ตายนานเกินกว่าหนึ่งวัน ทอรัสนำสิ่งมีชีวิตมาให้กับพวกเขา แต่เนื่องจากกฎของปราสาทนภา สิ่งมีชีวิตต้องถูกฆ่าซะก่อน ถึงนำเข้ามาบนถนนไนท์ริงสายสิบสองได้”
“เรื่องนั้นมันสำคัญยังไง?” หานเซิ่นพูด
“ไนท์โกสต์เป็นเผ่าพันธุ์ที่กินเนื้อสดๆ แต่เหตุผลที่ทำไมพวกเขาต้องกินเนื้อสดๆอยู่ ไม่ใช่เพื่อเติมเต็มกระเพาะของพวกเขา พวกเขาไม่ได้แค่กินเนื้อ พวกเขากลืนกินบางสิ่งที่พวกเราไม่อาจจะเข้าใจได้ การเปรียบเทียบที่ดีที่สุดก็คือพวกเขากินดวงวิญญาณของเหยื่อ”
“ดวงวิญญาณ?” หานเซิ่นประหลาดใจ จนถึงตอนนี้มันยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าดวงวิญญาณนั้นมีอยู่จริง
“มันก็แค่การเปรียบเทียบเท่านั้น เมื่อไนท์โกสต์กินเนื้อของเหยื่อ พวกเขาจะดูดซับสสารบางอย่างเข้าไปด้วย มันเสริมความแข็งแกร่งให้กับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งทางจิตใจ ไนท์โกสต์ระดับดยุกมีจิตใจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับราชันซะอีก” ไผ่เดียวดายพูด
หานเซิ่นประหลาดใจกับเรื่องนั้น “เหนือกว่าระดับราชันอีกอย่างนั้นหรอ? มันเป็นระดับเทพเจ้าหรือระดับครึ่งเทพกัน?”
“มันควรจะเป็นระดับครึ่งเทพ” ไผ่เดียวดายพูดต่อ
“แต่การวิวัฒนาการรูปแบบนั้นเป็นเหมือนกับการขี้โกง ยิ่งเวลาผ่านไปจิตใจของพวกเขาก็จะเริ่มสับสน และดวงวิญญาณของพวกเขาเองก็อาจจะรวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่พวกเขากลืนกินเข้าไป พวกเขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่กระหายเลือด พวกเขาจะฆ่าแม้แต่ครอบครัวของตัวเอง ด้วยเหตุนั้นปราสาทนภาจึงห้ามไม่ให้พวกเขากินสิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่”
“เจ้าคิดว่าข่านมอบบางสิ่งที่มีชีวิตให้กับดยุกสลีปเลสส์อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นเข้าใจสิ่งที่ไผ่เดียวดายกำลังคิดอยู่
ไผ่เดียวดายพยักหน้าและพูดต่อ “มันเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ปราสาทนภาจับตาดูสถานการณ์บนดาวดวงนี้มาโดยตลอด และตลอดหลายปีที่ผ่านมาทุกอย่างก็ราบรื่นดี แต่บางทีคนที่จับตาดูอยู่อาจจะทำพลาด และตอนนี้ก็มีใครบางคนใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น เป็นอย่างที่เจ้าพูด ตัวตนของข่านเป็นอะไรที่น่าสงสัย สินค้าแบบไหนกันที่จำเป็นจะต้องให้เดม่อนระดับมาร์ควิสคนหนึ่งมาคอยดูแลด้วยตัวเอง?”
“เจ้าคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมบนดาวไนท์โกสต์ไหม?” หานเซิ่นถาม
“ข้าไม่แน่ใจ พวกเราต้องไปถามจากนาง” ไผ่เดียวดายพูด
“นางจะยอมรับเรื่องนี้อย่างนั้นหรอ?” ถึงแม้การคาดเดาของไผ่เดียวดายจะถูกต้อง แต่หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าดยุกสลีปเลสส์จะยอมรับความจริงออกมา
“นางไม่มีทางเลือก” ไผ่เดียวดายพูดอย่างสงบ
หานเซิ่นไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ไผ่เดียวดายเป็นคนตัดสินใจ
ไผ่เดียวดายต้องการจะหาความจริงจากดยุกสลีปเลสส์โดยตรง แต่ผู้คนในคฤหาสน์บอกว่าเธอออกไปข้างนอก และอีก 2 ชั่วโมงกว่าที่เธอจะกลับมา