ช็อคปราสาทนภา
เหล่าผู้อาวุโสและยอดฝีมือระดับราชันเริ่มมารวมตัวกันเป็นวงกลม
“ผู้อาวุโสหก ครั้งนี้อย่าได้พยายามขโมยลูกศิษย์คนใหม่ไปอีก ครั้งนี้ข้าควรจะได้เลือกลูกศิษย์ดีๆก่อนบ้าง! ข้าต้องการเด็กคนนี้” ผู้อาวุโสสี่พูดเมื่อเห็นผู้อาวุโสหกเดินเข้ามา
“ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับว่าใครเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นอาจารย์ของนาง ในปราสาทนภาแห่งนี้ข้าคือคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าอัจฉริยะแบบนี้ต้องตกเป็นไปศิษย์ของคนอื่น มันก็คงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดาย อีกอย่างข้าไม่รังเกียจที่จะทำงานหนักเพื่อรับลูกศิษย์เพิ่มอีกสักคน ข้าไม่ต้องการปล่อยให้พรสวรรค์ของนางต้องสูญเปล่า” ผู้อาวุโสหกพูด
“เจ้ามันน่าไม่อาย” ผู้อาวุโสสี่ฟังดูโกรธ
“หยุดเถียงกันได้แล้ว ท่านผู้นำก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเราควรจะถามความเห็นของเขาว่าใครกันที่คู่ควรจะเป็นคนดูแลเด็กคนนี้” ผู้อาวุโสอีกคนแนะนำขึ้นมา
“ท่านผู้นำ! บอกพวกเรามาว่าใครกันที่คู่ควรจะรับเด็กคนนี้ไป ในตอนที่พวกเราประชุมกันครั้งก่อน ท่านพูดมันเอาไว้อย่างชัดเจนว่า…” ผู้อาวุโสสี่รีบพูดขึ้นมา
ผู้นำของปราสาทนภายิ้มกลบเกลื่อนและพูด “ในตอนนี้ข้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางมากนัก อย่างนั้นแล้วทำไมไม่ให้ข้าดูแลนางไปก่อน เพื่อดูว่าพรสวรรค์ที่แท้จริงของนางคืออะไรกันแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจอีกที?”
ผู้อาวุโสแต่ละคนต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าผู้นำจะหน้าด้านแบบนี้ มันเห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากจะรับเป่าเอ๋อไปเป็นลูกศิษย์เช่นเดียวกัน
“ท่านผู้นำ แบบนี้มันไม่เหมาะสม ท่านบอกว่าไผ่เดียวดายจะเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของท่าน และท่านจะไม่รับลูกศิษย์คนไหนเพิ่มอีก” ผู้อาวุโสสี่พูดขึ้นมา
ผู้อาวุโสคนอื่นรีบพูดเสริม “ใช่แล้ว! ท่านมีลูกศิษย์อยู่แล้ว แบบนั้นท่านจะรับลูกศิษย์เพิ่มได้ยังไง? นี่ท่านจะผิดคำพูดของตัวเองอย่างนั้นหรอ?”
พวกเขารู้ว่าถ้าผู้นำของปราสาทนภารับเป่าเอ๋อไปล่ะก็ พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้เป่าเอ๋อเป็นลูกศิษย์ ดังนั้นพวกเขาจึงพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ข้ารับลูกศิษย์ไม่ได้อีกแล้ว แต่ลูกศิษย์ของข้ายังไม่มีลูกศิษย์” ผู้นำของปราสาทนภายิ้ม
“ลูกศิษย์ของท่านเพิ่งจะเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง แบบนั้นเขาจะรับลูกศิษย์ได้ยังไง!” ผู้อาวุโสสี่เริ่มขึ้นเสียง
ผู้อาวุโสคนอื่นๆก็คิดว่าท่านผู้นำโลภมากเกินไปเช่นกัน เขาต้องการใช้ไผ่เดียวดายเป็นตัวแทน แบบนั้นเขาก็จะเป็นอาจารย์ปู่ของเป่าเอ๋อ
การพูดคุยเริ่มเปลี่ยนเป็นการโต้เถียงที่รุนแรง ซึ่งมันไม่มีใครยอมถอย
น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์เป็นพืชระดับเทพเจ้า คนๆนั้นจะต้องมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ถึงจะได้รับการยอมรับจากพวกมัน เนื่องจากเป่าเอ๋อสามารถทำให้น้ำเต้าเป็นหมื่นๆลูกเคลื่อนไหว อย่างนั้นแล้วเธอก็ต้องยอดเยี่ยมในทุกด้านที่เธอฝึก ถ้าเธอไม่ขี้เกียจ มันมีโอกาสสูงมากๆที่เธอจะกลายเป็นไผ่เดียวดายคนที่ 2 ซึ่งเธออาจจะก้าวข้ามเขาไปเลยก็ได้
“น่าสนใจ” อวี้ซ่านซินยืนอยู่บนหอคอยของเมืองหยก เขาหลี่ตาขณะที่จ้องไปยังเป่าเอ๋อ ดรีมบีสต์เองก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน มันมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยท่าทางตกใจ
หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อและเดินหน้าต่อไป มือของเขาสั่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมากเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ น้ำเต้าทั้งหมดต่างก็มอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันให้กับเป่าเอ๋อ
หานเซิ่นไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี เพราะตอนนี้ทุกคนในปราสาทนภาต่างก็ตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น หานเซิ่นพยายามคิดหาคำอธิบาย โชคดีที่ยีนของเป่าเอ๋อเหมือนกับของเขา และการบอกคนอื่นไปว่าเธอเป็นลูกสาวของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ปลอดภัยมากที่สุด
แต่ตอนนี้เป่าเอ๋อมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาไม่คิดว่าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นจุดเด่นได้อีกต่อไป
“บ้าเอ้ย! พวกน้ำเต้ามันเป็นบ้าอะไร? นี่พืชพวกนี้สูญเสียสติของมันไปแล้วอย่างนั้นหรอ”
“ว้าว! วิชาจีโนของหานเซิ่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากแล้ว แต่ลูกของเขาก็ด้วยอย่างนั้นหรอ? นี่มันบ้าชัดๆ?”
“ไม่รู้ว่าหานเซิ่นยังต้องการผู้หญิงอยู่ไหม ข้าอยากที่จะมีลูกกับเขาแบบนั้นมั่งจัง ข้ายินดีที่จะจ่ายเงินให้กับเขา ตราบใดที่เขาทำให้ข้าตั้งท้อง”
“เจ้าฝันต่อไปเถอะ ที่ลูกสาวของเขามีพรสวรรค์แบบนั้น แสดงว่าแม่ของนางต้องมีพรสวรรค์เช่นเดียวกัน”
“นี่มันน่ากลัวจริงๆ น้ำเต้าทุกลูกพ่นลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา นี่นางจะมีธาตุสักกี่ธาตุกันแน่?”
“นางต้องเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่สัมพันธ์ต่อทุกธาตุ นางจะฝึกอะไรก็ได้ที่นางต้องการ”
“ข้าไม่เข้าใจ คริสตัลไลเซอร์นั้นธรรมดาๆ แล้วหนึ่งในพวกเขามีลูกสาวแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
ภูเขา แม่น้ำ อวกาศ พระอาทิตย์ พระจันทร์ ธาตุทุกธาตุปรากฏขึ้นมาและเข้าไปในหน้าผากของเป่าเอ๋อ
ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของน้ำเต้าไม่ได้ทำให้คนๆนั้นแข็งแกร่งขึ้น แต่มันจะเสริมพรสวรรค์ของคนๆนั้น
กระเรียนพันขนก็ได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ซึ่งมันทำให้พรสวรรค์ในการใช้ดาบของเขาเหนือกว่าศิษย์ของปราสาทนภาคนอื่นๆ ตอนนี้ที่ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ต่อคิวเข้าไปในหน้าผากของเป่าเอ๋ออย่างไม่หยุด ตัวเป่าเอ๋อเองไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนอื่นรู้ว่านี่มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากขนาดไหน
มันมีลมปราณศักดิ์สิทธิ์มากเกินไปจนหานเซิ่นต้องหยุดเดินเพื่อรอให้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในหน้าผากของเป่าเอ๋อจนหมดก่อน
เขากังวลว่าเป่าเอ๋อจะรับลูกปราณศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนี้ได้หรือไม่ แต่เธอดูจะไม่เป็นอะไร เธอยังคงยิ้มอย่างร่าเริง ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจอย่างมาก
หานเซิ่นยืนอยู่บนเถาวัลย์น้ำเต้าเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมงเพื่อรอให้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดหายเข้าไปในตัวเป่าเอ๋อ ตอนนี้ร่างกายของเป่าเอ๋อถูกห่อหุ้มด้วยออร่าศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เธอเกือบจะดูเหมือนกับแฟรี่
หานเซิ่นคิดว่าถ้าเป่าเอ๋อตดออกมาในตอนนี้ มันก็คงจะเป็นลมปราณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
‘ทำไมตอนที่ฉันเดินข้าม น้ำเต้าพวกนี้ถึงไม่มอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับฉันบ้างเลย?’ หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แต่เขาก็ตื่นเต้นกับอนาคตที่สดใสของเป่าเอ๋อ
หลังจากที่พวกน้ำเต้าปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมาหมดแล้ว พวกมันก็กลับสู่สภาพปกติ หานเซิ่นจึงเตรียมที่จะพาเป่าเอ๋อเดินออกไปจากถนนนภานี้ แต่ขณะที่เขากำลังจะทำแบบนั้น เป่าเอ๋อก็ดึงเสื้อของหานเซิ่นและกระโดดลงจากอ้อมแขนของเขา เธอเอามือตบเถาวัลย์น้ำเต้าและพูด
“น้ำเต้าเอ๋ย ไม่เห็นพ่อของฉันหรือยังไง? พวกแกควรจะแบ่งของดีๆให้กับเขาบ้าง ได้โปรดมอบของขวัญให้กับพ่อของฉันด้วย”
ผู้นำของปราสาทนภาและพวกผู้อาวุโสคิดว่านั่นเป็นอะไรที่ตลก เธอโชคดีมากแล้วที่ได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนั้น แต่ตอนนี้เธอกลับขอเพิ่มเพื่อจะมอบให้กับหานเซิ่น
ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ แต่ความเอาใจใส่ของเด็กหญิงคนนี้ก็เป็นอะไรที่น่าชื่นชม
แต่วินาทีต่อมาดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้าง น้ำเต้าทั้งหมดหยุดเรืองแสงไปแล้ว แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเป่าเอ๋อ พวกมันก็เรืองแสงขึ้นมาอีกครั้ง