ดยุกสลีปเลสส์แผดเสียงร้องขึ้นท้องฟ้าด้วยความโกรธ และเหล่าไนท์โกสต์คนอื่นๆก็กรีดร้องตาม พวกเขาล้มเลิกการโจมตีใส่โล่ป้องกันของหานเซิ่น และหันมาใช้กงเล็บตัดร่างกายของตัวเองแทน เลือดมากมายไหลลงมาราวกับสายฝน
ดยุกสลีปเลสส์แกว่งหอกเลือดปีศาจในมือเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์อย่างช้าๆ ลวดลายสีแดงของมันเริ่มจะเรืองแสงขึ้นมาและเลือดก็ถูกดูดเข้าไปหามัน
ดูเหมือนกับว่าเลือดจะถูกดูดไปรวมกันที่ผิวโลหะของหอก แต่ไม่ว่าเลือดจะหยดลงมาบนหอกมากสักแค่ไหน มันก็ไม่มีเลือดแม้แต่หยุดเดียวที่สูญเสียไป แสงสีแดงเริ่มจะสว่างไสวออกมาจากหอกขึ้นเรื่อยๆ และปลายหอกก็ส่องแสงสีเลือดออกมา
แสงสีเลือดดูเหมือนกับว่าสามารถทำลายทั้งดวงดาวได้เลย
ดยุกสลีปเลสส์ร้องคำราม เธอกระพือปีกและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับน้ำพุ เธอดูเหมือนกับดาวหางสีแดงที่กำลังบินข้ามท้องฟ้าไปชนเข้ากับโล่โปร่งใสสีฟ้า แสงสีแดงบนปลายหอกระเบิดออก แต่ทว่าโล่ป้องกันสีฟ้ายังไม่แตกสลาย
“มันยังมีพลังในหอกไม่มากพอ! ถ้าเจ้ารีบโจมตีเร็วเกินไป เลือดที่เจ้ารวบรวมมาก็จะสูญเสียเปล่า เจ้าเห็นลูกแก้วเลือดปีศาจที่หอกใช่ไหม? มันจะเริ่มเรืองแสงออกมาก็ต่อเมื่อพลังเข้าไปในหอกจนเต็มแล้ว เจ้าต้องจู่โจมในตอนที่มันสว่างขึ้นมา แบบนั้นหานเซิ่นและคนอื่นจะถูกทำลายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว” ข่านพูด
ดยุกสลีปเลสส์ไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นเธอจึงร้องเรียกไนท์โกสต์คนอื่นอีกครั้ง เมื่อพวกโกสต์ไนท์ได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ พวกเขาก็เริ่มจะฉีกร่างกายตัวเองอีกครั้ง
หอกเลือดปีศาจสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เลือดไหนลงมาราวกับห่าฝน พลังของหอกเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกไนท์โกสต์ก็เริ่มจะอ่อนแรงลงไปเช่นกัน หลายคนสูญเสียเลือดมากเกินไปจนร่วงลงมาบนพื้น
“ทำไมลูกแก้วถึงยังไม่เรืองแสงขึ้นมาอีก?” ดยุกสลีปเลสส์ตะโกนใส่ข่าน
“นี่เป็นอาวุธระดับราชัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดใช้งานพลังเต็มที่ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของไนท์โกสต์จำเป็นต้องตายเพื่อกระตุ้นพลังของมันให้ตื่นขึ้นมา” ข่านพูด
“ข้าจะปล่อยให้พวกเขาตายไม่ได้” ดยุกสลีปเลสส์พูด
“มันไม่มีหนทางให้ถอยกลับอีกแล้ว พวกเราต้องฆ่าหานเซิ่นในตอนนี้ ถ้าพวกเขาหนีไปจากดาวดวงนี้ได้ พวกเขาก็จะติดต่อกับทางปราสาทนภา หลังจากนั้นพวกเราทั้งหมดก็จะถูกฆ่า” ข่านพูดอย่างใจเย็น
ดยุกสลีปเลสส์กำหอกเลือดปีศาจเอาไว้แน่น เธอรู้สึกเจ็บปวด ขณะที่เห็นไนท์โกสต์หลายคนร่วงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
ไนท์โกสต์เหล่านั้นกินสิ่งมีชีวิตเข้าไป ด้วยเหตุนั้นจิตใจของพวกเขาจึงไม่ปกติ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงเชื่อฟังคำสั่งของดยุกสลีปเลสส์
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ได้ มันเป็นเพราะพวกเจ้าที่ทำให้พวกข้าต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้” ดยุกสลีปเลสส์บินมาอยู่ตรงหน้าโล่สีฟ้าและคำรามใส่หานเซิ่นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว
“ดยุกสลีปเลสส์ เจ้าเป็นคนทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้เอง” หานเซิ่นยิ้ม
คำพูดของหานเซิ่นทำให้เธอโกรธยิ่งกว่าเดิม เธอกรีดร้องเพื่อเร่งให้เหล่าไนท์โกสต์สังเวยเลือดมากขึ้นอีก
“เร็วๆเข้า เรืองแสงออกมาสักที” ดยุกสลีปเลสส์มองไปที่ลูกแก้วเลือดปีศาจโดยหวังว่ามันจะเรืองแสงออกมาในเร็วๆนี้
“หานเซิ่น! โล่ของเจ้าจะป้องกันมันได้ไหม? พลังของหอกนั่นดูเหมือนจะเป็นระดับราชัน” ชายที่ได้รับบาดเจ็บพูดกับหานเซิ่น
โล่ป้องกันของหานเซิ่นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันดูเหมือนกับแก้วบางๆเท่านั้น เขาจึงไม่คิดว่ามันจะป้องกันการโจมตีของพลังระดับราชันได้
“มันควรจะไม่เป็นไร” หานเซิ่นพูด ความจริงแล้วหานเซิ่นเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
ใบเสมาของราชาแมลงปีศาจเป็นวิญญาณอสูรราชันกลายพันธุ์ นั่นหมายความว่าพลังของมันอยู่ในระดับเดียวกับครึ่งเทพ ซึ่งมันสูงกว่าหอกระดับราชันของดยุกสลีปเลสส์ ดังนั้นมันควรจะป้องกันได้
แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น หานเซิ่นไม่เคยได้ทดสอบพลังป้องกันของใบเสมามาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามันจะรับการโจมตีได้มากขนาดไหน
“นั่นหมายความว่ายังไง?” ดวงตาของชายที่ได้รับบาดเจ็บเบิกกว้าง ขณะมองไปที่หานเซิ่น
“หมายความว่ามันน่าจะป้องกันได้ไง” หานเซิ่นหัวเราะออกมา
“นี่เจ้าต้องล้อเล่นแน่ๆ” ชายคนนั้นกุมขมับตัวเอง เขาดูหดหู่ขณะที่พูดออกมา
“ข้ามักจะโชคร้ายอยู่เสมอ ดังนั้นอย่าได้หวังพึ่งโชค”
“แต่ทางเลือกเดียวของเราในตอนนี้ก็คือลองเสี่ยงกับมันดู หรือว่าเจ้ามีความคิดอะไรที่ดีกว่าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยังคงหัวเราะ
“โอ้ไม่นะ! ดูเหมือนว่าข้าคนนี้ต้องมาตายอยู่ที่นี่” ชายที่ได้รับบาดเจ็บพูด
“เจ้าชื่ออะไร?” จู่ๆหานเซิ่นก็ถามขึ้นมา
“ชื่อของข้าคือซีเหมินยง ในเวลาแบบนี้เจ้ายังมีเวลามาถามชื่อของข้าอีกอย่างนั้นหรอ? ทำไมเจ้าไม่เอาเวลาไปคิดหาหนทางที่จะหลบหลีกพลังที่น่ากลัวนั่น?” ซีเหมินยงพูด
ในตอนนี้ดูเหมือนกับว่าทั้งดวงดาวไนท์โกสต์นั้นท่วมไปด้วยเลือด กลิ่นของมันปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แม้แต่ท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีแดง
ครึ่งหนึ่งของพวกไนท์โกสต์ได้ตายไป มันถือเป็นราคาที่สูงเกินไปเพียงเพื่อจะแลกกับพลังระดับราชัน
ใบหน้าของดยุกสลีปเลสส์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ขณะที่เธอจ้องมองไปที่หานเซิ่น
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับขุมนรก พื้นดินเต็มไปด้วยร่างของไนท์โกสต์จำนวนมากที่ตายจากการเสียเลือด ขณะที่ไนท์โกสต์ทุกตัวบนท้องฟ้าก็สั่นไหวราวกับว่าพวกเขาสามารถขาดใจตายได้ทุกเมื่อ
ดยุกสลีปเลสส์อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด แต่เธอก็ไม่ทางเลือกอื่นอีกแล้ว
ตูม!
ในที่สุดลูกแก้วก็เรืองแสงขึ้นมา แสงสีแดงส่องสว่างขึ้นทั่วทั้งหอกเลือดปีศาจ ทำให้ดูเหมือนกับว่าดยุกสลีปเลสส์กำลังถือเลเซอร์สีแดงอยู่ในมือ
“ไปลงนรกซะ!” ดยุกสลีปเลสส์แทงหอกเข้าใส่โล่โปร่งใสสีฟ้า แสงสีแดงที่น่าตกใจพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
หานเซิ่นพยายามจะหลบ แต่แสงสีแดงนั้นน่ากลัวเกินไป และดูเหมือนกับว่ามันล็อคเป้ามาที่เขา แสงสีแดงเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่เพิ่งจะปะทุขึ้นมา มันไม่มีที่ไหนให้พวกหานเซิ่นหนีไปได้ แม้แต่ชั้นบรรยากาศก็ถูกฉีกขาดด้วยแสงสีแดงนั่น