Super God Gene – ตอนที่ 2255

ตอนที่ 2255

Super God Gene – ตอนที่ 2255
หานเซิ่นเป็นแค่ดยุกคนหนึ่งแต่เขาอยากจะจับกิเลนโลหิต ราชินีจิ้งจอกนั้นคิดว่านั่นความคิดที่บ้าบอสิ้นดี

กิเลนโลหิตถือเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่แข็งแกร่งที่สุดตัวหนึ่ง มันอาจจะไม่พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพด้วยซ้ำ นอกจากนั้นมันยังกำเนิดภายในไวท์โบนเฮลล์

แต่เนื่องจากเธอไม่มีอะไรจะทำ เธอจึงคิดว่าแบบนั้นก็อาจจะช่วยขจัดความเบื่อไปได้สักระยะหนึ่ง

หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไปในไวท์โบนเฮลล์อีกครั้ง เขาก็ตรงไปที่ยอดภูเขาที่เหมือนกับดอกบัว ถ้าทำอะไรกิเลนโลหิตไม่ได้จริงๆ เขาก็คิดจะฝึกวิชาโลหิตชีพจรแทนด้วยความหวังที่จะทำลายการป้องกันของปราสาท

ราชินีจิ้งจอกยืนอยู่ตรงหน้าประตูโครงกระดูกนรก เธอมองดูการเคลื่อนไหวของหานเซิ่น หานเซิ่นมีร่างโกสต์โบน ซึ่งในสายตาของกิเลนโลหิตแล้วนั่นถือเป็นสารอาหารที่สมบูรณ์แบบ บางสิ่งที่น่าสนใจจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนถ้ากิเลนโลหิตสัมผัสได้ถึงการมาของเขา

และมันก็เป็นอย่างที่ราชินีจิ้งจอกคิด เมื่อหานเซิ่นอยู่ห่างออกไปจากยอดภูเขาดอกบัวแค่ 50 ไมล์ มันก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมา

หลังจากนั้นกิเลนโลหิตก็ออกมาจากยอดภูเขาดอกบัวพร้อมกับเมฆสีแดงของมัน ดวงตาสีเลือดของมันจ้องไปที่หานเซิ่น หลังจากนั้นมันก็กระโดดเข้าหาหานเซิ่นพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ประหลาด

หานเซิ่นเห็นกิเลนโลหิตพุ่งมาหาเขาราวกับสายฟ้า พลังที่น่าสะพรึงกลัวตรงเข้ามาหาเขา และเขาไม่สามารถเทเลพอร์ได้ ดังนั้นเขาจึงเรียกใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทองออกมา

กรงเล็บของกิเลนโลหิตห่อหุ้มด้วยแสงสีแดง พวกมันพุ่งลงมาใส่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทองและทิ้งรอยลึกเอาไว้ มันเกือบจะทำลายใบเสมาในทันที ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ

โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หานเซิ่นหันหลังกลับและวิ่งหนีไป กิเลนโลหิตนั้นแข็งแกร่งกว่าที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ ถึงแม้มันจะเป็นแค่ระดับราชัน แต่มันก็อาศัยอยู่ภายในไวท์โบนเฮลล์ สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพส่วนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะมันได้

ราชินีจิ้งจอกมองดูหานเซิ่นใช้โล่สีทองในการวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เธอหัวเราะออกมา
“ตอนนี้เจ้ายังอยากจะจับมันมาฝึกให้เชื่องอีกไหม?”

หานเซิ่นเห็นว่ากิเลนโลหิตดูเหมือนจะหวาดกลัวต่อราชินีจิ้งจอก และด้วยเหตุนั้นมันจึงเลิกไล่ล่าเขา หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจอย่างมาก เขาเก็บใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทองกลับไปและพูด “ให้ข้าได้คิดวิธีที่ดีกว่านี้”

ราชินีจิ้งจอกหัวเราะ เธอกลับไปที่ปราสาทขณะที่หานเซิ่นนั่งอยู่หน้าประตูโครงกระดูกนรก เขาพยายามคิดหาวิธีที่จะรับมือกับกิเลนโลหิต

กิเลนโลหิตนั้นคำรามใส่หานเซิ่นจากระยะไกล พลังโลหิตของมันระเบิดออกในวงกว้าง ขณะที่บนท้องฟ้าเมฆสีแดงก่อตัวหนาและเข้มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นฝนก็เริ่มจะตกลงมาอย่างหนัก

หานเซิ่นนั่งอยู่ท่ามกลางสายฝนเลือด เขาจ้องมองไปที่กิเลนโลหิตและขมวดคิ้ว เขาใช้วิญญาณอสูรเนตรม่วงเพื่อตรวจดูมัน

กิเลนโลหิตนั้นคล้ายคลึงกับโกสต์โบนอย่างมาก ทั้งคู่กำเนิดภายในไวท์โบนเฮลล์เหมือนกัน แต่กิเลนโลหิตไม่ใช่หนึ่งในเผ่าโบน พลังของมันจึงต่างไปจากของขุนพลโกสต์โบนโดยสิ้นเชิง

ด้วยเหตุนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังของขุนพลโกสต์โบนเพื่อทำให้กิเลนโลหิตเชื่อง และถ้าเขาพยายามทำแบบนั้นมันก็จะถูกกลืนกิน

หานเซิ่นนั่งอยู่หน้าประตูโครงกระดูกนรกและเริ่มฝึกวิชาโลหิตชีพจร ถ้าเขาไม่สามารถทำให้เจ้ากิโลนโลหิตเชื่องได้ อย่างนั้นแล้วเขาก็ต้องพัฒนาวิชาโลหิตชีพจรไปสู่ระดับดยุกเพื่อทำลายพลังป้องกันของปราสาท

ภายในร่างกายของหานเซิ่นมีพลังโกสต์โบนระดับเทพเจ้าหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก หานเซิ่นใช้วิชาโลหิตชีพจรของเขาดูดซับมันเข้าไปอย่างช้าๆเพื่อฝึกวิชาโลหิตชีพจร

พลังระดับเทพเจ้านั้นหนาแน่นมากๆ แค่พลังเพียงนิดเดียวก็สามารถทำให้หานเซิ่นฝึกได้ตลอดทั้งเดือน มันทำให้วิชาโลหิตชีพจรพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นกัน หานเซิ่นเชื่อว่าขุนพลโกสต์โบนนั้นเกือบจะเป็นคนดี

ราชินีจิ้งจอกแวะเข้ามาเยี่ยมหานเซิ่นอยู่หลายครั้งเพื่อยั่วยวนเขา แต่หานเซิ่นไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ มันทำให้เธอรู้สึกเบื่อยิ่งกว่าที่เคยและการมาเยี่ยมของเธอก็น้อยครั้งลงเรื่อยๆ

ราชาจิ้งจอกนั้นชื่นชอบความสะอาด ด้วยเหตุนั้นสถานที่อย่างไวท์โบนเฮลล์จึงไม่ใช่ที่ที่เธอจะอยู่เป็นเวลานาน

หานเซิ่นนั่งอยู่บนกองหัวกะโหลกและฝึกวิชาโลหิตชีพจรต่อไปวันแล้ววันเล่า เมื่อไหร่ก็ตามที่กิเลนโลหิตออกมาเพื่อดูดซับพลังงานจากกระดูกและเลือดเข้าไป มันก็จะคำรามใส่หานเซิ่น แต่ดูเหมือนมันจะยังหวาดกลัวต่ออะไรบางอย่าง มันไม่เคยพยายามที่จะเข้ามาใกล้ประตูโครงกระดูกนรก มันแค่คำรามใส่หานเซิ่นจากระยะไกลเท่านั้น

ด้วยการช่วยเหลือของพลังระดับเทพเจ้า วิชาโลหิตชีพจรของหานเซิ่นนั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

‘เมื่อวิชาโลหิตชีพจรกลายเป็นระดับดยุก ธาตุของมันจะคืออะไรกันแน่’
หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของธาตุวิชาโลหิตชีพจร

เขาคิดว่าธาตุของวิชาโลหิตชีพจรนั้นเป็นอะไรที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงมากกว่า ผู้ชายไม่ควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคที่ถูกออกแบบมาเพื่อการมีลูก นั่นไม่สมเหตุสมผล

แต่วิชาโลหิตชีพจรนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงยังฝึกต่อไปและไม่ยอมแพ้กับมัน

หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งเดือน หานเซิ่นก็ได้ดูดซับพลังโกสต์โบนที่อยู่ในร่างกายหมดไปแล้ว 5 เปอร์เซ็นต์ และมันก็ถึงเวลาที่วิชาโลหิตชีพจรของเขาจะวิวัฒนาการไปสู่ระดับดยุก

‘เมื่อวิชาโลหิตชีพจรพัฒนาไปสู่ระดับดยุก หวังว่ามันจะมีธาตุที่เราเอาไปใช้ในการต่อสู้ได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

หานเซิ่นใช้วิชาโลหิตชีพจรอีกครั้ง หลังจากนั้นลมปราณสีแดงก็ปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง มันทำให้แก้มของหานเซิ่นดูแดงกล่ำ ซึ่งในที่สุดสีแดงก็ปกคลุมทั้งร่างกายของเขา และทำให้เขาดูเหมือนกับรูปปั้นสีแดง

ด้วยเหตุผลบางอย่างกิเลนโลหิตปรากฏตัวออกมาจากภูเขาดอกบัว มันจ้องมองหานเซิ่นที่กำลังฝึกวิชาโลหิตชีพจร และสายตาของมันก็เป็นอะไรที่แปลกประหลาดมากๆ

กิเลนโลหิตมักจะปรากฏตัวออกมาหลังจากที่ฝนเลือดหยุดไปแล้ว แต่ตอนนี้ฝนเลือดยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ แต่มันกลับมาออกมาจากภูเขาและจ้องมองไปที่หานเซิ่น

หานเซิ่นไม่ได้สังเกตเห็นกิเลนโลหิต นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาวิชาโลหิตชีพจรไปสู่ระดับดยุก เขาไม่มีเวลามามัวสนใจอะไรอย่างอื่นนอกจากตัวเอง

กิเลนโลหิตนั้นหวาดกลัวต่อราชินีจิ้งจอก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่มันไม่อยากจะเข้ามาใกล้ประตูโครงกระดูกนรก แต่วันนี้การกระทำของมันต่างออกไป มันเดินไปมาบนยอดเขาด้วยความลังเล หลังจากนั้นมันก็กัดฟันและเริ่มเดินมาทางประตูโครงกระดูกนรก

ตอนนี้กิเลนโลหิตค่อยๆย่องไปบนพื้นกระดูกขาวอย่างลับๆล่อๆ มันขยับตัวเข้าไปใกล้กับกองหัวกะโหลกขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่มีเจตนาที่จะทำให้หานเซิ่นรู้สึกตัว

ร่างกายของหานเซิ่นกลายเป็นคริสตัลสีเลือด ตอนนี้มันเป็นจังหวะที่สำคัญที่เขาจะกลายเป็นระดับดยุก พลังโกสต์โบนนั้นถูกดูดซับเข้าไปเรื่อยๆเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานให้กับวิชาโลหิตชีพจร มันทำให้พลังโลหิตภายในร่างกายของหานเซิ่นแข็งแกร่งขึ้น

Super God Gene

Super God Gene

Status: Ongoing
 ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท