Super God Gene – ตอนที่ 2250
“สมบัติแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะใช้ก็ได้ อย่างแรกข้าไม่ใช่คนเผ่าโบน และอย่างที่ 2 ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเทคนิคโกสต์โบน แบบนั้นข้าจะควบคุมหน้ากากโกสต์โบนได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะที่มองหน้ากากโกสต์โบนที่อยู่บนกำแพง
การใช้พลังที่เหนือการควบคุมฟังดูไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก และหานเซิ่นก็ไม่ต้องการจะรับความเสี่ยงมากไปกว่านี้
“อย่าได้กังวล ข้าจะสอนเทคนิคโกสต์โบนให้กับเจ้า ในฐานะดยุก เจ้าก็ควรจะควบคุมหน้ากากโกสต์โบนพวกนี้ได้”
ราชินีจิ้งจอกเงียบไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเธอก็พูด “แต่เทคนิคเหล่านั้นเป็นหนึ่งในวิชาที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยโกสต์โบน พวกมันเป็นอะไรที่ยากจะฝึก ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้สำเร็จก่อนที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นจะเติบโตหรือเปล่า ถ้าเจ้าใช้เวลานานเกินไป มันก็อาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพไปซะก่อน การต่อสู้กับมันในตอนนั้นจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพราะถึงแม้เจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้สำเร็จและใช้หน้ากากโกสต์โบน พวกมันก็ยังด้อยกว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นอยู่ดี เพราะยังไงซะมอนสเตอร์ตัวนั้นก็กำเนิดภายในไวท์โบนเฮลล์ มันไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทั่วๆไป”
“คนที่ไม่ใช่เผ่าโบนฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้ด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เผ่าพันธุ์ไหนที่มีกระดูกอยู่ภายในร่างกายฝึกเทคนิคพวกนี้ได้ หลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนกระดูกของตัวเองให้กลายเป็นกระดูกผี พลังของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นพวกเขายังพัฒนาความต้านทานต่อธาตุความมืดขึ้นมา แต่…” เสียงของราชินีจิ้งจอกตัด
“แต่อะไร?” หานเซิ่นถาม
“แต่เมื่อกระดูกของผู้ฝึกกลายเป็นกระดูกผี พลังยีนธาตุแสงของพวกเขาจะสึกกร่อน”
ราชินีจิ้งจอกส่ายหัวอย่างช้าๆ “แต่เจ้าไม่มีทางเลือก ถ้าเจ้าไม่อยากจะตาย นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เจ้าทำได้”
หานเซิ่นกวาดสายตามองหน้ากากโกสต์โบน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาลังเลอยู่ชั่วครู่หลังจากนั้นก็เอื้อมมือออกไปจับหนึ่งในหน้ากากโกสต์โบน
“อย่าแตะต้องมัน!” ราชินีจิ้งจอกพูด แต่เธอไม่ได้เคลื่อนที่ไปหยุดเขาเอาไว้
หานเซิ่นเมินเฉยต่อคำพูดของเธอขณะที่รวบรวมพลังของตัวเอง เมื่อเขาจับไปที่หน้ากากโกสต์โบน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังอันหนาวเย็นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากสิ่งนั้น หานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปชนเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง แรงกระแทกนั้นรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้เขากระอักเลือดออกมา
“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าแตะต้องมัน จนกว่าเจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนสำเร็จ มันไม่มีโอกาสที่หน้ากากโกสต์โบนจะยอมรับเจ้า นี่ถือว่าเจ้าโชคดีที่ไม่ได้ถูกมันฆ่าในทันที” ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างไม่พอใจ
“สิ่งเหล่านี้ทรงพลังจริงๆ” หานเซิ่นลุกกลับขึ้นมาและมองไปที่หน้ากากโกสต์โบนด้วยความยำเกรง
“แน่นอนอยู่แล้ว หน้ากากที่มีประสิทธิภาพต่ำนั้นแตกหักไปนานแล้ว อันที่เหลืออยู่ที่นี่คืออันที่เป็นที่สุดของที่สุด”
ราชินีจิ้งจอกถอนหายใจและพูด “ข้าหวังว่าเจ้าจะได้รับความยินยอมจากหน้ากากโกสต์โบนสักอันก่อนที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นจะก้าวสู่การกลายเป็นระดับเทพเจ้า ไม่อย่างนั้นเจ้าก็เตรียมตัวตายอยู่ที่นี่กับข้า”
“ข้าจะพยายาม” หานเซิ่นพูดเบาๆ
เมื่อหานเซิ่นตอบตกลง ราชินีจิ้งจอกก็เริ่มสอนเทคนิคโกสต์โบนให้กับเขา เธอเป็นภรรยาของขุนพลโกสต์โบน ดังนั้นเธอจึงรอบรู้ในเทคนิคของเขาเป็นอย่างดี เธอได้มองดูเขาใช้เทคนิคนี้มาอย่างยาวนาน และถึงแม้เธอจะไม่ได้ฝึกพวกมันด้วยตัวเอง เธอก็คุ้นเคยกับพวกมันมากพอที่จะสอนให้กับหานเซิ่น
แต่หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนที่จะฝึกเทคนิคใหม่นี้ หลังจากที่ราชินีจิ้งจอกอธิบายมันให้กับเขา เขาก็ใช้เวลาศึกษามันด้วยตัวเองอีกรอบ
เขาไม่ได้เชื่อใจราชินีจิ้งจอกอย่างเต็มที่ และเขาก็กังวลว่าการฝึกเทคนิคโกสต์โบนอาจจะมีอันตรายอย่างอื่นที่เธอไม่บอกกับเขา
ขณะที่หานเซิ่นศึกษามัน เขาก็ได้รู้ว่ามันจะลดความต้านทานต่อพลังแสงจริงๆ แต่นั่นเป็นความเสี่ยงเดียวของการฝึกฝนมัน และมันก็จะทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างที่เธอบอก มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไมขุนพลโกสต์โบนถึงได้คิดค้นวิชาและเก็บพวกมันเอาไว้เป็นความลับ
หานเซิ่นไม่คิดว่าการฝึกมันจะเป็นอะไรที่อันตราย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีแผนจะฝึกมัน เขาได้คิดวิธีการอื่นที่จะทำให้หน้ากากโกสต์โบนยอมรับเขา
พลังของหน้ากากโกสต์โบนนั้นเป็นแนวเดียวกับพลังของเทคนิคโกสต์โบน ถ้าหานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจำลองพลังของหน้ากากโกสต์โบน เขาก็อาจจะหลอกให้เหล่าหน้ากากเชื่อว่าเขามีเทคนิคโกสต์โบน
การได้รับการยินยอมจากหน้ากากโกสต์โบนด้วยวิธีการแบบนั้นอาจจะปกป้องเขาจากราชินีจิ้งจอก ถ้าเธอมีแผนที่จะใช้เทคนิคโกสต์โบนมาลอบกัดเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างนั้นการใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจำลองพลังของเทคนิคโกสต์โบนก็จะทำให้เขาไม่ทิ้งจุดอ่อนเอาไว้
หานเซิ่นอยู่ภายในห้องโถงเล็กด้านข้างและแกล้งทำเป็นว่าเขากำลังฝึกเทคนิคโกสต์โบนอยู่ แต่ในความจริงแล้วเขากำลังใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรเนตรม่วงเพื่อมองดูหน้ากากโกสต์โบน
ขณะที่หานเซิ่นสังเกตพลังของหน้ากากโกสต์โบน เขาก็พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้กิเลนโลหิตตัวนั้นเชื่อง เขาอยากจะได้มันมาเป็นของตัวเอง
ถ้าราชินีจิ้งจอกบอกความจริงกับเขา อย่างนั้นแล้วการทำให้กิเลนโลหิตยอมเชื่อฟังก็ควรจะเป็นเรื่องง่าย หลังจากที่เขาได้รับพลังของหน้ากากโกสต์โบนมาแล้ว หานเซิ่นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอีก
ลูกกุญแจที่ใช้เปิดประตูไปสู่ไวท์โบนเฮลล์นั้นห้อยอยู่ที่คอของราชินีจิ้งจอก ดังนั้นนอกซะจากเธอจะเปิดประตูด้วยตัวเอง มันก็ไม่มีใครเข้าไปได้
…
ภายในฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลู เอ็ดเวิร์ดกำลังกลุ้มใจ
หานเซิ่นหายตัวไปต่อหน้าต่อตาของเขา เอ็ดเวิร์ดพยายามจะใช้ทุกวิถีทางที่เขาคิดออกเพื่อหาตัวหานเซิ่น แต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผล สำหรับเขาแล้วนี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่
“เขาเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง แต่ถึงเขาจะกลายเป็นดยุกได้สำเร็จ โอกาสที่เขาจะมีชีวิตรอดบนดาวไอซ์บลูได้ก็ถือว่าต่ำ หรือบางทีเขาอาจจะถูกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งฆ่าตายไปแล้ว?” อัศวินไอซ์บลูพูดขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
เอ็ดเวิร์ดสายหัว “ไม่ ถ้าเขาถูกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งกินเข้าไป มันก็ต้องเหลือร่องรอยที่ตรวจจับได้ ราชาอัศวินไอซ์บลูเองก็ได้ใช้กองกำลังภายในหน่วยอัศวินเพื่อค้นหาตัวหานเซิ่น แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่ถูกพบตัว เจ้านี่มีอะไรมากกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้”
“มันไม่มีหนทางอื่นที่จะหาตัวเขาแล้วอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูถามอย่างเป็นกังวล
“บางที…” เอ็ดเวิร์ดแตะริมฝีปากของเขาและพูดอย่างช้าๆ “ถ้ากุนซือไวท์เข้าร่วมการสำรวจ บางทีเขาอาจจะหาหานเซิ่นเจอ”
“พลังของเขาถูกจำกัดไม่ใช่หรอ? เขาใช้พลังได้เพียงแค่สิบครั้งตลอดชั่วชีวิต และตอนนี้เขาก็ใช้ความสามารถไปถึง 8 ครั้งแล้ว เขาจึงเหลืออีกแค่ 2 ครั้งเท่านั้น เจ้าคิดว่าเขาจะใช้หนึ่งในพลังที่เหลืออยู่เพื่อค้นหามาร์ควิสแค่คนเดียวอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูมองไปที่เอ็ดเวิร์ด
“เขาต้องการสิ่งเดียวกันกับที่พวกเราต้องการ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มาที่ระบบจักรวาลเคออสตั้งแต่แรก”
“แต่ถ้าพวกเราบอกกุนซือไวท์ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังตามหา สถานการณ์ก็อาจจะซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม” อัศวินไอซ์บลูพูด
“เจ้าคิดว่าเขายังไม่รู้เรื่องหรือยังไง? ในตอนที่ราชาอัศวินไอซ์บลูพยายามจับตัวหานเซิ่น กุนซือไวท์ก็ต้องรู้สึกตัวถึงเป้าหมายของพวกเราแล้ว เขาแค่ไม่พูดอะไรเท่านั้น” เอ็ดเวิร์ดตอบ
“เจ้าคิดว่าเขาจะพยายามตามหาหานเซิ่นด้วยตัวเองอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูตกใจ
“เขาจะไปตามลำพังถ้าทำได้ แต่พลังของเขาไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ เขาคงจะทำอะไรไม่ได้มาก และด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องพึ่งพาคราม ดังนั้นถึงแม้เขาจะรู้ว่าหานเซิ่นอยู่ที่ไหน เขาก็ยังจำเป็นต้องพึ่งพาราชาอัศวินไอซ์บลูหรือพวกเราเพื่อต่อสู้แทนเขา”Super God Gene – ตอนที่ 2251
หานเซิ่นมองไปที่หน้ากากโกสต์โบนและเห็นมันสร้างการเชื่อมต่อกับพลังโกสต์โบนที่เขาจำลองขึ้นมา
“หน้ากากโกสต์โบนนี้เป็นหนึ่งในอันที่อ่อนแอ แต่การได้รับการยอมรับจากมันในหนึ่งเดือนก็ถือเป็นความก้าวหน้าที่ยอดเยี่ยม พวกเขายังคงพอมีเวลา ฝึกฝนต่อไปเพื่อสร้างความมั่นใจกับเหล่าหน้ากาก และ…”
ราชินีจิ้งจอกหันไปชี้ที่หน้ากากอีกอันหนึ่ง “ถ้าเจ้าสร้างการเชื่อมต่อกับหน้ากากโกสต์โบนนี้แทนล่ะก็ การฆ่าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็ควรจะเป็นอะไรที่ง่ายดาย”
หานเซิ่นมองหน้ากากที่ราชินีจิ้งจอกชี้ เขาใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบมัน เขาพบว่ามันเป็นหน้ากากโกสต์โบนที่ทรงพลังที่สุดจริงๆ พลังของมันเหนือกว่าหน้ากากอื่นอยู่พอสมควร
“อะไรกันที่ทำให้หน้ากากโกสต์โบนนี้แตกต่างไปจากอันอื่น?” หานเซิ่นถามและแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่สังเกตเห็นถึงพลังของมัน
ราชินีจิ้งจอกพูด “พวกมันทั้งหมดเป็นหัวกะโหลกของซีโน่เจเนอิคระดับครึ่งเทพเหมือนกันก็จริง แต่สิ่งมีชีวิตบางตัวก็แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นๆ หน้ากากโกสต์โบนอันนั้นทำมาจากกะโหลกของปีศาจจากขุมนรก โกสต์โบนต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากกับหน้ากากอันนั้น พลังของมันเกือบจะอยู่ในระดับเทพเจ้า มันเป็นหน้ากากโกสต์โบนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้”
“ไม่เห็นต้องกังวลเลย ที่ข้าต้องฆ่าเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวหนึ่ง ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งสักไหน พลังของหน้ากากโกสต์โบนระดับครึ่งเทพก็เพียงพอที่จะฆ่ามันอย่างแน่นอน ข้าจะใช้แค่หน้ากากโกสต์โบนที่ข้าได้รับการยอมรับเรียบร้อยแล้วนี่”
หานเซิ่นยกมือขึ้นเพื่อชี้ไปที่หน้ากากโกสต์โบนที่เขาสร้างการเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว และหน้ากากก็บินเข้ามาอยู่ในมือของเขา
ก่อนที่หานเซิ่นจะมีพลังโกสต์โบน เพียงแค่แตะต้องหน้ากากก็ทำให้เขากระเด็นไปชนกับกำแพง แต่ตอนนี้เขาสามารถถือหน้ากากโกสต์โบนอยู่ในมือและสัมผัสถึงพลังของมันได้
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรเนตรม่วงเพื่อตรวจดูหน้ากากอย่างละเอียด หลังจากนั้นเขาก็สวมมันบนใบหน้าของเขา
เมื่อหานเซิ่นสวมหน้ากากกับใบหน้า พลังก็หลั่งไหลเข้าไปในร่างกายของเขา พลังงานใหม่นี้รวมเข้ากับพลังโกสต์โบนที่หานเซิ่นจำลองขึ้นมาและเพิ่มพลังของพวกมันอย่างมหาศาล
ทันใดนั้นใบหน้าของหานเซิ่นก็ซีดไป เขาอยากจะถอดหน้ากากออก แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะทำแบบนั้น จิตใจที่แข็งแกร่งคำรามออกมาจากหน้ากากและเข้าไปในตัวหานเซิ่น มันขัดขวางหานเซิ่นจากการเคลื่อนไหว พลังโกสต์โบนเป็นเหมือนกับคลื่นสึนามิที่กำลังซัดผ่านเขา ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำและออร่าของผีก็ห้อมล้อมตัวของเขา
จิตใจของหน้ากากเข้าข่มจิตใจของหานเซิ่น มันเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆกำลังตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของมัน
“ร่างกายนี่ไม่ถือว่าดีที่สุด แต่มันก็ไม่ได้แย่จนเกินไป”
“เจ้าก็คือขุนพลโกสต์โบน?” หานเซิ่นตระหนักว่าหน้ากากโกสต์โบนนี้เป็นของใครกันแน่ แต่เขาไม่ได้หวาดกลัว เขารู้อยู่แล้วว่ามันมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับหน้ากากพวกนี้ แต่เขาแค่ยังระบุถึงมันไม่ได้เท่านั้น อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้รู้สึกถูกทำให้หลงทาง
วิญญาณของขุนพลโกสต์โบนภายในหัวของหานเซิ่นพูด
“ใช่ ข้าคือราชาโกสต์โบน ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของเจ้าที่ทำให้เข้าสิงร่างกายของเจ้าได้ ถ้าเจ้ามีบางสิ่งที่อยากจะทำก่อนตาย ข้าจะช่วยเหลือเจ้าในเรื่องนั้น”
หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อหยุดการจำลองพลังโกสต์โบน ซึ่งทำให้พลังของหน้ากากโกสต์โบนที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขาถูกหยุดไป
ขุนพลโกสต์โบนดูประหลาดใจ “เจ้าไม่ได้ฝึกเทคนิคโกสต์โบน! แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ใช้พลังของมันได้?”
“ร่างกายของข้าไม่ใช่ร่างกายโกสต์โบน ดังนั้นทำไมเจ้าถึงต้องการใช้มัน?” หานเซิ่นถามอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก
“เจ้าเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง การจะเปลี่ยนร่างกายของเจ้าให้กลายเป็นร่างกายโกสต์โบนนั้นไม่ต้องพยายามอะไรมาก และใช่ ข้าจะใช้ร่างกายของเจ้า!”
ขุนพลโกสต์โบนพูดด้วยเสียงแข็ง เขาหยุดพยายามจะข่มจิตใจของหานเซิ่น แต่พลังโกสต์โบนจากหน้ากากโกสต์โบนนั้นทรงพลังขึ้นไปอีก
พลังโกสต์โบนสีดำแทรกตัวเข้าไปในทุกเซลล์ของหานเซิ่น และทำให้ยีนของเขาดูต่างไปจากเดิม
หานเซิ่นใช้กายหยกและเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นรูปปั้นหยก พลังโกสต์โบนแทรกซึมเข้าไปในตัวของเขาอย่างช้าๆ แต่พวกมันไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างร่างกายของเขาได้
“เจ้าฝึกร่างกายคงกระพัน? นี่ถือเป็นอะไรที่หายากมากๆ”
ขุนพลโกสต์โบนดูจะประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เสียงของเขาฟังดูละโมบและพลังโกสต์โบนของหน้ากากโกสต์โบนก็ทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก
ร่างกายหยกของหานเซิ่นแข็งแกร่ง แต่มันไม่สามารถต้านทานพลังของขุนพลโกสต์โบนได้ พลังที่กำลังแทรกซึมเข้ามาในตัวของเขาเป็นพลังระดับเทพเจ้า ร่างกายหยกของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นกระดูก
หานเซิ่นไม่สามารถต้านทานพลังของขุนพลโกสต์โบนได้ แต่ในขณะเดียวกันขุนพลโกสต์โบนก็ไม่สามารถเอาชนะจิตใจของเขาได้เช่นกัน
“ขุนพลโกสต์โบน เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเมืองที่ตั้งอยู่ในทะเลทรายแห่งหนึ่งที่ถูกเรียกว่าเมืองโกสต์โบนหรือเปล่า?” จู่ๆหานเซิ่นก็ถามขึ้นมา
“เจ้าเคยไปที่นั่น?” ขุนพลโกสต์โบนพูด
“ที่แห่งนั้นมีชื่อว่าเมืองโกสต์โบน แต่ทำไมรูปปั้นของเจ้าถึงได้ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู? รูปปั้นภายในปราสาทนั่นเป็นของใครกัน? นั่นคือผู้นำของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“เจ้ากำลังจะตายอยู่แล้ว เจ้าจะสนใจเรื่องนั้นไปอีกทำไม? ขุนพลโกสต์โบนถามด้วยความสงสัย
“ไหนๆถ้าข้าจะตาย ข้าก็ไม่อยากจะจากโลกนี้ไปโดยมีคำถามค้างคาใจ” หานเซิ่นพูด
“ข้าจะบอกเจ้าเอง มันก็คือสถานที่ที่ท่านผู้นำหลับใหล” ขุนพลโกสต์โบนอธิบายขณะที่เขายังคงพยายามเปลี่ยนแปลงร่างกายของหานเซิ่น
“มันคือสุสานหรืออะไรทำนองอย่างนั้นหรอ? แล้วรูปปั้นที่อยู่ในปราสาทนั่นเป็นของใครกัน? ทำไมมันถึงได้ไปอยู่ในนั้น?” หานเซิ่นถาม
ขุนพลโกสต์โบนพูดอย่างเย้ยหยัน “บางทีเขาสมควรได้รับมัน?”
ขุนพลโกสต์โบนดูเหมือนจะรู้สึกดูถูกเหยียดหยามต่อจักรพรรดิมนุษย์ แต่เขาไม่ได้บอกว่าอีกฝ่ายจริงๆแล้วเป็นใครกันแน่
“ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นใครกัน? ทำไมรูปปั้นของเขาถึงไปอยู่ในปราสาท?” หานเซิ่นถามต่อ
“เจ้าเป็นคนที่กำลังจะตาย เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรไปมากกว่านั้น!”
ขุนพลโกสต์โบนไม่อยากจะพูดอะไรอีก ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือเปลี่ยนร่างกายของหานเซิ่นให้กลายเป็นกระดูก
ร่างกายของหานเซิ่นเปลี่ยนจากดำเป็นขาว เขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตกระดูกขาว ซึ่งดูแปลกประหลาดอย่างมาก
พลังกระดูกดำดูชั่วร้ายมากๆ แต่ตอนนี้เมื่อมันเปลี่ยนเป็นกระดูกขาว มันก็ดูไม่ชั่วร้ายอีกต่อไป
“ข้าพบแผ่นหินพิเศษภายในปราสาท เจ้ารู้ไหมว่ามันคืออะไร?”
หานเซิ่นถาม เขามีคำถามมากมาย และดูเหมือนว่ามีเพียงแค่ขุนพลโกสต์โบนเท่านั้นที่จะคลายความสงสัยให้กับเขาได้
ขุนพลโกสต์โบนนิ่งไปชั่วขณะ แม้แต่พลังโกสต์โบนที่กำลังเปลี่ยนแปลงร่างกายของหานเซิ่นก็ถูกหยุด เห็นได้ชัดว่าคำถามนั้นทำให้ขุนพลโกสต์โบนรู้สึกอึ้งไป
“เจ้าพบโบราณวัตถุ? ทำไมเจ้าถึงมีมันอยู่ได้?” ขุนพลโกสต์โบนรีบถาม
“ข้ามีมันติดตัวอยู่ในตอนนี้ โบราณวัตถุนั่นคือะไร? มันใช้ทำอะไรได้?” หานเซิ่นถาม
“ฮ่าๆ! พระเจ้าคงกำลังช่วยเหลือข้าอยู่แน่ๆ ด้วยโบราณวัตถุนี้ ข้าจะเข้าถึงสมบัติที่อยู่ภายในอนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์นั่นได้ ยุคสมัยของโกสต์โบนมาถึงแล้ว”
ขุนพลโกสต์โบนหัวเราะราวกับคนบ้าภายในหัวของหานเซิ่น
เอ็ดเวิร์ดพูดต่อ “พวกเราแค่ต้องรอโอกาสเท่านั้น ราชาอัศวินไอซ์บลูจะหมดความอดทนในที่สุด และเขาก็จะไปหากุนซือไวท์ เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเราก็แค่ตามพวกเขาไป”
…
ภายในปราสาท หานเซิ่นกำลังดูเหมือนผีขึ้นเรื่อยๆ เนื้อหนังของเขาเริ่มที่จะโปร่งใสและกระดูกของเขาก็ค่อยๆกลายเป็นสีดำ
ขณะที่หานเซิ่นกำลังฝึก เขาก็ได้ยินกำแพงสั่นไหว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นหน้ากากโกสต์โบนอันหนึ่งกำลังสั่นอย่างรุนแรง