Super God Gene – ตอนที่ 2269
“น้องชายคนดีของข้า นี่เจ้าไร้เดียงสาจริงๆอย่างนั้นหรอ? เจ้าคงจะไม่ได้คิดหรอกนะว่าพลังของกิเลนโลหิตจะต่อกรกับคนอย่างข้าได้?”
ราชินีจิ้งจอกยิ้มให้กับหานเซิ่นและกิเลนโลหิตขณะที่เธอมายืนอยู่หน้าภูเขา
“พี่สาว ท่านระแวงเกินไปแล้ว ท่านลืมความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างพวกเราไปแล้วอย่างนั้นหรอ? ทำไมข้าถึงต้องทำร้ายพี่สาวคนสวยด้วย ในตอนที่ข้ารู้ว่าท่านถูกปล่อยเป็นอิสระ ข้าก็อยากจะใช้โอกาสนี้เฉลิมฉลองร่วมกับท่าน ข้าแค่คิดว่าควรจะพากิเลนโลหิตไปร่วมเฉลิมฉลองด้วยเท่านั้นเอง” หานเซิ่นพูด
“ถ้าเจ้ามาที่นี่เพื่อเพื่อเฉลิมฉลองร่วมกับพี่สาวจริงๆ เจ้าก็ควรจะนำของขวัญอย่างหนึ่งมาให้กับพี่ไม่ใช่หรอ? ไม่อย่างนั้นล่ะก็พี่สาวคนนี้ก็จะโกรธเอา” ราชินีจิ้งจอกพูดขณะที่ยังคงยิ้มแย้ม
หานเซิ่นรู้ว่าของขวัญอะไรที่ราชินีจิ้งจอกพูดถึง เขาจึงล้วงเอาสิ่งของบางอย่างออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นวันสำคัญของท่าน ในฐานะน้องชาย ข้าก็ต้องการมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับท่าน”
ราชินีจิ้งจอกมองดูสิ่งของที่อยู่ในมือของหานเซิ่น หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองกุนซือไวท์ “พวกเจ้าคิดยังไงกับของขวัญที่น้องของข้านำมามอบให้?”
“พวกเราไม่รู้อะไร มีเพียงแค่เอ็ดเวิร์ดคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร” กุนซือไวท์สารภาพด้วยสีหน้าที่ดูแย่เล็กน้อย
ราชินีจิ้งจอกยื่นมือออกมา และหานเซิ่นก็วางของสิ่งนั้นในฝ่ามือของเธอ ราชินีจิ้งจอกมองแผ่นจารึกคริสตัลในมืออย่างละเอียด แต่มันดูไม่มีอะไรพิเศษ
“นี่คือสิ่งที่เจ้าได้มาจากเมืองโกสต์โบนจริงๆอย่างหรอ?” ราชินีจิ้งจอกมองตรงไปที่หานเซิ่น
“จริงแท้แน่นอน” หานเซิ่นพูด
ราชินีจิ้งจอกมอบแผ่นจารึกให้กับกุนซือไวท์ “กุนซือไวท์ เจ้าคิดยังไงกับมัน?”
หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ กุนซือไวท์ก็พูดขึ้นมา “ข้าไม่รู้ว่ามันมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับสิ่งนี้กันแน่ แต่ข้าพอจะบอกได้ว่ามันเก่าแก่มากๆ มันต้องเป็นสิ่งของโบราณอย่างแน่นอน เพียงแค่อายุของมันก็ทำให้มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ”
กุนซือไวท์ระบุอย่างชัดเจนว่าเขาไม่รู้จริงๆว่านี่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นนำออกมาจากเมืองโกสต์โบนหรือไม่ แต่ว่ามันเป็นของที่เก่าแก่เกินกว่าจะเป็นสิ่งที่เพิ่งถูกทำขึ้นมา
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘แน่นอนอยู่แล้วว่ามันเก่าแก่ ฉันอุส่ากลับไปเอามันมาจากโบราณสถานคริสตัลไลเซอร์ภายในสหพันธ์เชียวนะ’
ราชินีจิ้งจอกยิ้มและหันไปหาหานเซิ่น “น้องชายดีต่อพี่สาวจริงๆ เข้ามาเดินร่วมกับพี่เร็วเข้า”
“แน่นอนพี่สาวของข้า” หานเซิ่นยิ้ม
ราชินีจิ้งจอกพบว่ามันน่าสงสัยที่หานเซิ่นยอมมอบมันมาง่ายๆแบบนั้น ตอนนี้เธอยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าแผ่นจารึกนี้เป็นของจริงหรือเปล่า ด้วยเหตุนั้นเธอจึงต้องพาหานเซิ่นไปที่อนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเธอด้วย
ราชินีจิ้งจอกใช้พลังเชือกเส้นหนึ่งเพื่อรัดตัวหานเซิ่นและกิเลนโลหิตไว้ เธอยิ้มและพูด “อย่าโทษที่ข้าต้องทำแบบนี้ น้องชายของพี่เพิ่งจะทำตัวไม่ดีเมื่อไม่นานมานี่ ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือก”
“โอ้ ข้าขอโทษที่ทำให้พี่สาวต้องกังวล” หานเซิ่นยิ้ม
“รังนกที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้คืออะไรกัน?”
ราชินีจิ้งจอกสังเกตหานเซิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เธอไม่เห็นรังนกนั่น สิ่งนั้นสลายพลังเชือกของเธอได้ ซึ่งนั่นทำให้เธอประหลาดใจอย่างมาก
“ข้าซ่อนมันเอาไว้ที่ไหนสักแห่งในไวท์โบนเฮลล์ ถ้าท่านหามันเจอ ข้าก็จะมอบมันให้กับท่านเป็นของขวัญ” หานเซิ่นยิ้ม
ราชินีจิ้งจอกไม่มีอารมณ์จะตามหามัน แค่เธอค้นตัวหานเซิ่น นั่นก็มากพอแล้ว การซ่อนมันเอาไว้ในไวท์โบนเฮลล์ก็เหมือนกับการเก็บมันเอาไว้ในโกดังส่วนตัวของเธอ เธอมีเวลาอีกมากที่จะตามหามันในภายหลัง
ราชินีจิ้งจอกพาหานเซิ่นและคนอื่นๆออกไปจากไวท์โบนเฮลล์ หลังจากนั้นเธอก็เปิดประตูของปราสาทและพาพวกเขาออกไป
“มันเป็นเวลานานแล้วที่ข้าไม่ได้สูดอากาศที่สดชื่น” ราชินีจิ้งจอกยืนใต้ท้องฟ้าและมองขึ้นไปบนดวงดาวขณะที่พูดออกมา
หานเซิ่นและกุนซือไวท์ยืนอยู่ข้างๆกัน แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกัน กุนซือไวท์และราชาอัศวินไอซ์บลูเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีไปกว่าหานเซิ่น
อารมณ์ของราชินีจิ้งจอกเปลี่ยนแปลงไปกับสายลม และมันไม่สามารถบอกได้ว่าหลังจากผ่านไปอีกสักชั่วโมง เธอจะฆ่าพวกเขาหรือเปล่า
“ไปกันเถอะ! พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่อนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์ มาดูกันสิว่าผู้นำเซเคร็ดจะทิ้งอะไรเอาไว้” ราชินีจิ้งจอกพูดขณะที่มองกุนซือไวท์
“คราม เจ้าเป็นคนนำทาง” กุนซือไวท์สั่ง
“นายท่าน…” ครามพูดด้วยใบหน้าที่ซีดเฝือก
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ในตอนนี้ความอยู่รอดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” กุนซือไวท์ยิ้มแห้งๆออกมา
“กุนซือไวท์เป็นคนฉลาด แต่อย่าได้กังวลไป ข้าไม่ชอบการฆ่าฟัน เมื่อข้าได้สมบัติของผู้นำเซเคร็ดแล้ว พวกเจ้าทุกคนจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย” ราชินีจิ้งจอกยิ้ม
ราชาอัศวินไอซ์บลูและคนอื่นๆฉลาดเกินกว่าที่จะเชื่อคำสัญญาของราชินีจิ้งจอก แต่พวกเขาก็ไม่อยู่ในสถานะที่จะขัดคำสั่งของเธอได้ พวกเขาจึงทำตามที่ราชินีจิ้งจอกบอก
และถึงพวกเขาจะไม่บอกตำแหน่งของอนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์กับราชินีจิ้งจอก ในที่สุดแล้วเธอก็หามันเจออยู่ดี
ทั้งฮาร์ดเดอร์และราชาอัศวินไอซ์บลูหันไปมองที่กุนซือไวท์ มันใช้เวลาหนึ่งวินาที่ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่ากุนซือไวท์เป็นคนเดียวที่รู้ว่าอนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน
ฮาร์ดเดอร์กำลังครุ่นคิดขณะที่พวกเขาเดินทางไป ท่ามกลางทุกคนที่อยู่ที่นี่ เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าหานเซิ่นขโมยแผ่นหินมาจากเมืองโกสต์โบน และแผ่นคริสตัลที่หานเซิ่นมอบให้กับราชินีจิ้งจอกนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่เขาขโมยออกไป
‘ข้ายอมรับว่าหานเซิ่นนั้นใจถึง เขากล้ามากที่มอบโบราณวัตถุของปลอมให้กับราชินีจิ้งจอก แต่ว่ามันเป็นของปลอม และไม่ช้าก็เร็วนางก็จะรู้ความจริง เมื่อพวกเราไปถึงที่อนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์ และเมื่อเป็นอย่างนั้นเขามีแผนจะทำอะไรกันแน่ นี่เขามีหนทางที่จะหนีไปจากสถานการณ์นี้หรือยังไง’ ฮาร์ดเดอร์มองไปที่หานเซิ่นเพื่อดูว่าเขามีพฤติกรรมอะไรที่น่าสงสัยหรือเปล่า
โอกาสในการหนีไปได้ของหานเซิ่นดูไม่ดีนัก ราชินีจิ้งจอกนั้นใช้พลังเชือกของเธอรัดตัวเขาและกิเลนโลหิตเอาไว้ แถมเธอยังจับตามองเขาเป็นพิเศษ มันจึงไม่มีทางที่เขาจะหนีไปได้
ด้วยการนำทางของคราม พวกเขาเดินทางผ่านภูเขาและป่าไม้อย่างรวดเร็ว ซีโน่เจเนอิคมากมายขวางเส้นทางของพวกเขา แต่ราชาอัศวินและครามก็สามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีศัตรูตัวไหนที่แข็งแกร่งเกินไป
พวกเขาเดินทางอยู่ 4 วัน และในที่สุดกุนซือไวท์ก็ชี้ออกไปข้างหน้าพร้อมกับพูด “ที่นี่แหละ!”
ทุกคนมองไปทางที่กุนซือไวท์ชี้ออกไป พวกเขาทุกคนดูแปลกใจ และแม้แต่หานเซิ่นเองก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“นี่น่ะหรออนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า?” ราชินีจิ้งจอกขมวดคิ้ว
กุนซือไวท์ชี้ไปที่ต้นไม้แก่ต้นหนึ่ง ต้นไม้นั้นหนามากๆและมันต้องใช้คนถึง 4 คนจับมือกันเพื่อโอบมัน แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้นแล้ว มันก็ดูเหมือนกับต้นไม้ปกติ และนี่ยังไม่ได้พูดถึงความจริงที่ว่ามันได้ตายไปแล้ว มันไม่มีใบไม้แม้แต่ใบเดียวอยู่บนต้นและกิ่งมากมายของมันก็หัก มันตั้งอยู่ตามลำพังท่ามกลางส่วนที่โล่งแจ้งของป่า
ในป่าดงดิบที่พวกเขายืนอยู่ในขณะนี้ ต้นไม้แบบนั้นถือเป็นอะไรที่เห็นได้ทั่วไป กุนซือไวท์บอกพวกเขาว่ามันคืออนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์ แต่ภาพที่ดูธรรมดาๆนั้นทำให้พวกเขายากจะเชื่อได้
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนต้นไม้ แต่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอะไรที่พิเศษ
“ผู้นำของเซเคร็ดไม่ต้องการจะเก็บสมบัติของเขาเอาไว้ในที่ที่ถูกพบได้ง่าย แต่ถ้าท่านมองดูใกล้ๆ ท่านจะเห็นถึงความจริงที่น่ามหัศจรรย์ของต้นไม้ต้นนี้” กุนซือไวท์พูด