Super God Gene – ตอนที่ 2290
หานเซิ่นสงสัยว่าผู้นำเซเคร็ดกำลังเล่นตลกอะไรกับพวกเขาอยู่หรือเปล่า พวกเขาถูกล้อมโดยซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าจำนวนมาก และหานเซิ่นก็เพิ่งจะกลายเป็นดยุกเมื่อเร็วๆนี้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่หานเซิ่นรู้จักก็ไม่มีโอกาสจะต่อกรกับซีโน่เจเนอิคทั้งหมดนี้ได้
“มันเป็นกับดัก!” หานเซิ่นไม่มีหนทางไหนที่จะต่อต้านกองกำลังที่ถูกส่งออกมาได้
ถึงแม้หานเซิ่นจะดูดซับโลหิตชีพจรระดับเทพเจ้าทั้ง 13 ที่ได้รับมา เขาก็จะได้รับแค่ความสามารถของพวกมันเท่านั้น แต่ระดับของเขาเองไม่ได้เลื่อนขึ้นไปสู่ระดับเทพเจ้า และเขาก็ยังคงจะถูกฆ่าตายอยู่ดี
นอกไปจากเขายังไม่มีเวลาไปดูดซับโลหิตชีพจรระดับเทพเจ้าทั้ง 12 ที่มีอยู่เลย
‘ขลุ่ยหยกที่อยู่ในมือของราชินีจิ้งจอกคือกุญแจที่จะผ่านการทดสอบนี้อย่างนั้นหรอ? บางทีมันอาจจะเล่นเสียงเพื่อกล่อมซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าทั้งหมด มันอาจจะเป็นสิ่งที่กำราบพวกมันได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อสู้’
หานเซิ่นคิด แต่มันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้พวกเขาไม่มีขลุ่ยนั่นอยู่
กุนซือไวท์และครามเองก็ตกใจกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่เช่นกัน พวกเขาถูกซีโน่เจเนอิคที่ทรงพลังจำนวนมากล้อมอยู่ ถึงแม้ผู้ปกครองของเอ็กซ์ตรีมคิงจะมาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อช่วยพวกเขา มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวทั้งหมดมารวมตัวกันในลานกว้าง และมันก็กลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างแออัดเมื่อพวกมันเข้ามาข้างใน เหล่าซีโน่เจเนอิคมองมาที่กลุ่มของพวกเขา และสายตาของพวกมันก็ทำให้หานเซิ่นหรือแม้แต่กุนซือไวท์หวาดกลัว
ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าบีบเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้พวกหานเซิ่นต้องขยับไปที่ใจกลางของลานกว้าง มันไม่มีหนทางให้หนีไป แต่ทันใดนั้นแมวหยกก็ไอออกมา 2 ครั้ง
หลังจากที่แมวหยกไอออกมา ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าก็หยุดเดิน พวกมันไม่ได้เข้ามาใกล้พวกเขามากกว่านั้น แต่พวกมันก็ไม่ได้เดินถอยไปเช่นกัน พวกมันเพียงแค่ยืนประจำที่และจ้องมองกลุ่มของหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
แมวหยกมองไปที่หานเซิ่นและยิ้ม “ไม่ต้องกลัว พวกมันจะยังไม่โจมตีพวกเจ้า พวกเจ้ามีเวลาหนึ่งวันในการไปที่ไหนก็ได้ภายในเมืองแห่งนี้ สำหรับวันนี้พวกมันจะยังไม่ทำอะไรพวกเจ้า ซึ่งถ้าพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่หลังจากผ่านไปสิบวัน พวกเจ้าก็จะผ่านการทดสอบ”
“พวกเราจะถูกไล่ล่าโดยซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าหนึ่งร้อยตัว แบบนั้นพวกเราจะเอาชีวิตรอดในเมืองแห่งนี้ถึงสิบวันได้ยังไง?” หานเซิ่นอยากจะต่อรองเงื่อนไขที่ดีกว่า
แมวหยกยิ้ม “พวกมันไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าจริงๆ พวกมันเป็นแค่ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่ผู้นำเซเคร็ดสร้างขึ้นมาเท่านั้น พวกมันแต่ละตัวจะปลดปล่อยการโจมตีระดับเทพเจ้าได้แค่ครั้งเดียว หลังจากที่โจมตีพวกมันจะตายไป ดังนั้นพวกเจ้ายังมีโอกาสอันเล็กน้อยที่จะรอดชีวิตได้ พยายามเข้าล่ะ! โอ้ ข้าเกือบลืมบอกพวกเจ้าไปเลย ถ้าเจ้าต่อสู้กับร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวหนึ่ง ตัวอื่นๆจะถอยออกไป ในเวลาเวลาหนึ่งจะมีแค่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวเดียวเท่านั้นที่จะโจมตีพวกเจ้า ตัวอื่นๆจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง”
“การทดสอบเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชีวิตรอด พวกเจ้ามีเวลาหนึ่งวันเต็มๆในการซ่อนตัว พวกเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนก็ได้ภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์”
แมวหยกนอนลงไปหลังจากที่พูดจบ และดูเหมือนกับว่ามันจะหลับใหลอีกครั้งหนึ่ง
หานเซิ่นพยายามจะถามคำถามอีก 2-3 คำถาม แต่รูปปั้นแมวหยกไม่ตอบสนอง ทั้งหมดที่ถูกทิ้งเอาไว้ก็คือร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่กำลังมองมาที่พวกเขา
“ไปกันเถอะ! พวกเรามีเวลาแค่วันเดียว นี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเราจะเอาชีวิตรอด” กุนซือไวท์พูด หลังจากนั้นเขาก็เดินไปในฝูงซีโน่เจเนอิค
ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวแยกตัวออกเพื่อสร้างเส้นทางให้กับเขา
หานเซิ่นตามกุนซือไวท์ออกไปจากลานกว้าง ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าทั้งหนึ่งร้อยตัวมองดูพวกเขาเดินจากไป แต่ไม่มีตัวไหนที่ไล่ตามพวกเขา
“กุนซือไวท์ เจ้ามีแผนอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
กุนซือไวท์ส่ายหัว “ข้ามั่นใจว่าการออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หนทางเดียวที่พวกเราจะมีชีวิตรอดได้ถึงสิบวันได้ก็คือซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าหาพวกเราไม่เจอ แต่ข้าไม่คิดว่าผู้นำของเซเคร็ดจะสร้างเกมส์ซ่อนหาขึ้นมาเพราะความเบื่อ เขาต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างอยู่ ดังนั้นไม่ว่าพวกเราจะซ่อนที่ไหน พวกเราก็คงจะถูกเหล่าซีโน่เจเนอิคหาเจออยู่ดี”
“นี่เจ้าท่านหมายความว่ายังไง? พวกเราควรจะซ่อนตัวหรือไม่ซ่อนตัวกันแน่?”
ครามถามด้วยความสับสน กุนซือไวท์บรรยายผลลัพธ์ของตัวเลือกทั้ง 2 แต่มันไม่มีตัวเลือกไหนที่ฟังดูดี
หานเซิ่นหัวเราะ “กุนซือไวท์อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว พวกเราจำเป็นต้องซ่อนตัวเป็นเวลาสิบวัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็จะถูกหาพบ นั่นหมายความว่าพวกเรามีหนทางเดียว”
“ะหนทางนั่นคืออะไร?” ครามยังไม่เข้าใจ
หานเซิ่นอธิบาย “ที่รูปปั้นแมวหยกบอกยังไม่ชัดเจนพอหรือยังไง? ถ้าพวกเราต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่ง ตัวอื่นก็จะไม่เข้ามายุ่งกับพวกเราจนกระทั่งการต่อสู้นั้นสิ้นสุด ดังนั้นพวกเราก็แค่ต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคตัวเดียวเป็นเวลาสิบวัน ถ้าพวกเราทำอย่างนั้น ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นก็เหมือนไม่มีตัวตน”
“อย่างนี้นี่เอง แต่พวกเราจะต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคแค่ตัวเดียวเป็นเวลานานขนาดนั้นได้ยังไง? นี่รูปปั้นแมวหยกบอกไม่ใช่หรือว่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่อยู่ที่นี่เป็นแค่ร่างโคลน และพวกมันจะตายหลังจากการโจมตีหนึ่งครั้ง?” ครามถาม
“นั่นเป็นบางสิ่งที่เจ้าต้องถามจากกุนซือไวท์ กุนซือไวท์คิดแผนการนี้ขึ้นมา ข้าแน่ใจว่าเขาคงจะไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้ว” หานเซิ่นมองไปที่กุนซือไวท์
“ข้ามีความคิดบางอย่างอยู่ แต่การจะอยู่รอดให้ถึงสิบวัน พวกเราทั้ง 4 จำเป็นต้องร่วมมือกัน” กุนซือไวท์เริ่มอธิบายแผนการของเขา
เมื่อหานเซิ่นและครามได้ยินมัน พวกเขาก็คิดเหมือนกันว่ามันเป็นอะไรที่เสี่ยงเกินไป แต่ทว่าพวกเขาไม่มีความคิดอื่นที่ดีกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงจะทำ
พวกเขาทั้ง 4 ไม่ได้ออกไปจากลานกว้างเพื่อซ่อนตัว พวกเขาแค่ลองพยายามออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมาที่ลานกว้าง พวกเขาใช้เวลาหนึ่งวันซ่อนตัวอยู่ภายในเมืองแห่งนี้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าสุดท้ายแล้วมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์
มันไม่สำคัญว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์จะใหญ่โตสักแค่ไหน เพราะยังไงมันก็เป็นแค่เมืองๆหนึ่ง ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าสามารถใช้ประสาทสัมผัสของมันในการหาตัวพวกเขาได้ มันมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ที่นี่เป็นร้อยตัว ดังนั้นการจะหากลุ่มของหานเซิ่นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
แผนการของกุนซือไวท์อคือการใช้เวลาหนึ่งวันที่มีเพื่อเตรียมพร้อม
กุนซือไวท์คิดที่จะใช้เทคนิคในการปิดผนึกของเขากับหนึ่งในซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ขณะที่มันยังคงไม่เคลื่อนไหว มันก็จะใช้การโจมตีระดับเทพเจ้าไม่ได้ แบบนั้นพวกเขาก็จะสามารถดึงการต่อสู้ให้ผ่านไปสิบวันได้
แน่นอนว่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้านั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้มันจะใช้การโจมตีระดับเทพเจ้าได้แค่ครั้งเดียว แต่มันก็เป็นพลังระดับเทพเจ้าอยู่ดี กุนซือไวท์ไม่สามารถปิดผนึกพลังนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว เขาจำเป็นต้องรวมพลังกับหานเซิ่น กิเลนโลหิตและครามเพื่อช่วยเขาในการปิดผนึก
หลังจากนั้นตราบใดที่พวกเขาไม่โจมตีร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวอื่น ร่างโคลนก็จะยืนนิ่งอยู่ในลานกว้างต่อไป
“จำเอาไว้ว่าผนึก 4 สัญลักษณ์ของข้าจำเป็นต้องใช้คน 4 คนถึงจะทำงานได้ ดังนั้นเมื่อการปิดผนึกเริ่มต้นแล้ว พวกเราจะเคลื่อนไหวไม่ได้ พวกเจ้าต้องส่งพลังเข้าไปผนึกเรื่อยๆ ถ้าพวกเราสูญเสียพลังของใครไป ผนึกก็จะถูกทำลาย”
กุนซือไวท์พูดอย่างจริงจัง หลังจากนั้นเขาก็ส่งพลังงานเข้าไปในตัวหานเซิ่น ครามและกิเลนโลหิต สัญลักษณ์แห่งแสงประหลาดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของพวกเขา