Super God Gene – ตอนที่ 2307
แหวนนั้นเปล่งประกายสีเงินออกมา มันมีอัญมณีสีเขียวประดับอยู่ด้านบนเหมือนกับดวงตา มันดูสง่างาม
หานเซิ่นหมุนแหวนวนไปมาซ้ำๆ สีหน้าของเขาดูเหมือนกำลังใช้สมาธิอย่างมาก
ที่หานเซิ่นเลือกแหวนนี้ เพราะเขาไม่สามารถระบุระดับของมันได้ ถ้ามันเป็นบางสิ่งที่วิญญาณอสูรเนตรม่วงไม่สามารถวิเคราะห์ได้ มันก็ต้องเป็นของดี ซึ่งมีโอกาสสูงที่มันจะเป็นสมบัติระดับเทพเจ้า
หานเซิ่นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผลที่จะตามมาเหมือนกับไป๋เวย ดังนั้นเขาจึงเลือกแหวนนี้ในทันที
แต่ขณะที่หานเซิ่นพลิกแหวนไปมา เขาก็รู้สึกตัวว่าไม่สามารถเปิดใช้พลังอะไรก็ตามที่มันมีอยู่ได้ หานเซิ่นพยายามจะใส่พลังของตัวเองเข้าไปในแหวน แต่มันกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น มันเป็นเหมือนกับแหวนธรรมดาๆ
“ทำไมมันถึงมีแหวนอยู่ที่นี่ได้? ระดับของมันคืออะไรอย่างนั้นหรอ?”
เมื่อได้เห็นแหวนวงนั้น ไป๋เวยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว มันควรจะมีแต่อาวุธอยู่ในสุสานทหารและกษัตริย์เท่านั้น เธอไม่เคยได้ยินเรื่องของอะไรอย่างอื่นถูกพบภายในนี้
“ข้าไม่รู้ เนื่องจากข้าเปิดใช้พลังของมันไม่ได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะธาตุไม่ตรงกัน”
หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็สวมแหวนใส่นิ้วและพูดต่อ “ข้าได้เลือกแหวนวงนี้ไปแล้ว ดังนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
ไป๋เวยมองไปที่แหวนบนนิ้วมือของหานเซิ่น แต่เธอไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากสุสานทหารและกษัตริย์และรีบมุ่งหน้าไปต่อที่สวนของกษัตริย์
ไป๋เวยไม่ได้สนใจอะไรอาวุธที่เธอเลือก เธอรีบออกไปจากสุสานเพื่อจะเข้าไปฝึกภายในสวนของกษัตริย์
สวนของกษัตริย์ตั้งอยู่ใจกลางของอาณาจักรกษัตริย์ หานเซิ่นและไป๋เวยเดินทางไปที่อาณาจักรของกษัตริย์ และทันใดนั้นดวงตาของหานเซิ่นก็สว่างขึ้นมา
ซีโน่เจเนอิคตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากความมืดและบินผ่านพวกเขาไป มันตัวใหญ่พอๆกับดวงดาวดวงหนึ่ง และมันก็ดูเหมือนกับไดโนเสาร์จากสมัยโบราณ ร่างกายของมันลุกโชติช่วงด้วยเปลวไฟ
“นั่นคือมังกรปีศาจเพลิง มันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่คอยตรวจตาทั่วทั้งอาณาจักรกษัตริย์” ไป๋เวยพูด
อาณาจักรกษัตริย์นั้นยิ่งใหญ่กว่าที่หานเซิ่นจินตนาการเอาไว้ มันมีสิ่งแปลกๆอีกมายมายที่ดึงความสนใจของเขาอย่างต่อเนื่อง มันมีมากซะจนเขาพบว่ามันยากจะหันหนี ที่ไหนก็ตามที่เขามองออกไปจะมีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนบินผ่านพวกเขาไป
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นบางสิ่ง เขาไม่สามารถควบคุมใบหน้าของตัวเองได้ต่อภาพที่เห็น
“มันมีอะไรอย่างนั้นหรอ?” ไป๋เวยถามอย่างหวาดหวั่น
เธอเคยเห็นหานเซิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายต่างๆนาๆ แต่เธอไม่เคยเห็นเขาทำหน้าแบบนั้นมาก่อน
“นั่นคืออะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่ชี้ออกไป
หานเซิ่นชี้ออกในบริเวณระบบจักรวาลที่ไม่มีกลางวันกลางคืน มันมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ยักษ์ที่เหมือนกับดวงดาวอยู่ แต่แทนที่จะเป็นดวงดาว มันเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ลอยตัวอยู่ในอวกาศ
มันเป็นหอคอยโบราณที่ลอยอย่างไม่ปกติอยู่ในอวกาศราวกับเป็นภาพลวงตาที่ประหลาด มันดูเก่าแก่และลึกลับ มันดูเหมือนกับว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมาอยู่ในโลกนี้ เพราะมันไม่เข้ากันกับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆ
หอคอยนั้นทำมาจากหินสีดำและมันมีอยู่ทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน มีระฆังสีดำห้อยลงจากทุกมุมของหอคอย แต่ระฆังนั้นไม่สั่นไหวแม้แต่นิดเดียว มันห้อยอยู่กลางอากาศอย่างไร้การเคลื่อนไหวใดๆ
มันไม่ได้เป็นเพราะรูปลักษณ์ของหอคอยที่ทำให้หานเซิ่นตกใจ แต่ที่เขาตกใจนั้นเป็นเพราะว่าหอคอยดูเหมือนกับหอคอยแห่งโชคชะตาไม่มีผิด
แต่หอคอยนี้ทำขึ้นมาจากหินสีดำ ขณะที่หอคอยแห่งโชคชะตาทำขึ้นมาจากโลหะ ส่วนอย่างอื่นทุกอย่างเหมือนกันหมด และเมื่อหานเซิ่นเห็นคำว่า “โชคชะตา” เขียนเอาไว้บนด้านข้างของหอคอย เขาก็รู้สึกแน่นท้องขึ้นมา ตัวอักษรนั้นไม่ได้ถูกเขียนด้วยภาษาสากลของจักรวาลจีโนเช่นกัน มันถูกเขียนด้วยภาษาโบราณของสหพันธ์
ไป๋เวยมองตามนิ้วของหานเซิ่นไปที่หอคอยเก่าแก่ที่ลอยอยู่ในอวกาศ หลังจากหยุดคิดชั่วขณะ เธอก็พูดขึ้นมา “นั่นคือหอคอยศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา มีเพียงแค่คนที่สร้างความดีความชอบต่อเผ่าพันธุ์เท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปศึกษาภายในนั้น”
“หอคอยศักดิ์สิทธิ์?” หานเซิ่นหันไปมองไป๋เวยด้วยความสับสนและหวังว่าเธอจะอธิบาย
ไป๋เวยส่ายหัว “ข้าไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับหอคอยศักดิ์สิทธิ์ ข้ารู้แค่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในตอนที่พวกเขากลับออกมา แต่มีเพียงแค่คนของเอ็กซ์ตรีมคิงที่สร้างความดีความชอบเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน และไม่มีใครที่กลับออกมาพูดถึงสิ่งที่พวกเขาได้เห็นภายในนั้น ข้าจึงไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่กันแน่”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ไป๋เวยก็พูดต่อ “มันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น แต่ข้าได้ยินว่ามันมีวิชาจีโนลึกลับวิชาหนึ่งอยู่ภายใน มันเป็นวิชาที่จะช่วยเหลือใครก็ตามที่เรียนรู้มันอย่างมาก แต่ผู้คนที่ออกมามักจะได้เรียนรู้วิชาจีโนที่แตกต่างกัน มันจึงยากจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหอคอยกันแน่ ข้าไม่รู้ว่าข่าวลือพวกนี้เป็นความจริงหรือไม่ มันมีแค่คนที่เข้าไปเท่านั้นที่รู้ถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน”
“มันคือสิ่งที่บรรพบุรุษของเอ็กซ์ตรีมคิงทิ้งเอาไว้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่พยายามเก็บซ่อนความตกใจเอาไว้
“ข้าไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น ตำนานเล่าว่าหอคอยศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่มาตั้งแต่ก่อนที่ซีโน่เจเนอิคสเปชจะถูกค้นพบด้วยซ้ำ มันเป็นเหมือนกับสถานหยกขาวของปราสาทนภา ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผลของการมีอยู่ของพวกมัน”
‘หอคอยแห่งโชคชะตานี้เกี่ยวข้องกับหอคอยแห่งโชคชะตาของเราอย่างนั้นหรอ? แต่จากประวัติศาสตร์ของที่นี่ หอคอยนี่อยู่มาตั้งแต่ก่อนมันจะมีมนุษย์คนไหนๆกำเนิดขึ้นมาอีก ถ้าอย่างนั้นทำไมมันถึงได้มีตัวอักษรโบราณของสหพันธ์อยู่ได้?’ หานเซิ่นไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถคิดหาคำตอบได้
หานเซิ่นอยากจะเข้าไปดูในหอคอยด้วยตาตัวเอง แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใกล้หอคอย มันต้องใช้พลังจิตใจของเขาอย่างมากเพื่อละสายตาไปจากหอคอยโบราณนั้น
สวนของกษัตริย์ไม่ใช่ดวงดาวดวงหนึ่ง แต่มันเป็นแผ่นดินที่ลอยตัวอยู่ในอวกาศ ถึงอย่างนั้นมันก็ดูกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่าดวงดาวดวงหนึ่ง
ต้นไม้ขนาดยักษ์ตั้งอยู่ที่ใจกลางของเกาะ ต้นไม้ที่ใหญ่มหึมาปกคลุมทั้งดินแดนด้านล่าง มันใหญ่โตเกินกว่าที่หาคำมาบรรยายได้
ลำต้นของต้นไม้เป็นสีดำ ขณะที่ใบเป็นสีเหลือง มันดูงดงามมากๆ
หลังจากเข้าไปใกล้ๆสวนของกษัตริย์ หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของต้นไม้กษัตริย์ แม้แต่ใบไม้ใบหนึ่งของมันก็ใหญ่โตยิ่งกว่าสนามฟุตบอลทั้งสนาม
สัญลักษณ์ประหลาดสลักอยู่บนใบไม้ทุกใบ ขณะที่หานเซิ่นเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าจริงๆแล้วสัญลักษณ์ที่เห็นก็คือเส้นใบของใบไม้
แต่เส้นใบของใบไม้แต่ละใบเป็นเอกลักษณ์ และพวกมันทั้งหมดก็มีพลังลึกลับบางอย่างอยู่
“ต้นไม้กษัตริย์คือแหล่งที่มาของวัฒนธรรมของเอ็กซ์ตรีมคิง สัญลักษณ์บนต้นไม้ถูกใช้ในภาษาอย่างเป็นทางการของเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเราจะใช้ภาษาสากลของจักรวาลก็ต่อเมื่อพวกเราติดต่อกับคนนอกเท่านั้น” ไป๋เวยอธิบาย
หานเซิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในสวนของกษัตริย์พร้อมกับไป๋เวย
ภูเขาและแม่น้ำต่างก็อยู่ภายใต้ต้นไม้กษัตริย์ มันยากที่จะบรรยายถึงความงดงามของที่แห่งนี้
เมื่อพวกเขาเข้าไปในสวนของกษัตริย์ หานเซิ่นก็มองไปรอบๆอย่างตกตะลึง มันมีมังกรจริงๆอาศัยอยู่ใกล้ๆกับภูเขาและแม่น้ำ พวกมันดูน่าสะพรึงกลัวราวกับสิ่งมีชีวิตจากสมัยโบราณกาล
“พวกมันไม่ใช่มังกรจริงๆ พวกมันเป็นแค่รากของต้นไม้กษัตริย์เท่านั้น” ไป๋เวยพูด