ตอนที่ 778 : ล้างสังหารหุ่นเชิด
ร่างกายของหุ่นเชิดวัชระแกร่งกล้า โดยเฉพาะที่ศีรษะ มันสามารถต้านรับการโจมตีของอุปกรณ์เต๋าได้ด้วยซ้ำ
กระนั้นตอนนี้ ฉินหยุนได้ระเบิดศีรษะของมันออกเป็นเสี่ยงด้วยนิ้วเพียงสอง!
ผู้คนจากเขตแดนลึกล้ำต่างนิ่งค้าง! พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้ ว่าเหตุใดฉินหยุน ผู้ซึ่งยังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ กลับกลายเป็นมีพลังลึกล้ำชวนสะพรึงเช่นนี้ได้
สาเหตุว่าทําไมพวกเขาไม่ทราบเรื่องฉินหยุนก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ นั่นก็เพราะฉินหยุนฝึกฝนตะวันทมิฬ เขาไม่ได้ทําให้แก่นเต๋าลึกล้ำถือกําเนิดขึ้น
และแม้ศีรษะหุ่นเชิดวัชระจะแตกออกเป็นเสียงกระจัดกระจาย มันก็ยังไม่ได้ร่วงโรยที่เท่านี้ เพราะแก่นของมันไม่ได้อยู่ที่ศีรษะ ดังนั้นจึงยังสามารถโจมตีต่อ
ตอนนี้ ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำจึงเข้าควบคุมหุ่นเชิดโดยตรง หุ่นเชิดพลันแปรเปลี่ยน สองหมัดโรมรันออกนับไม่ถ้วนเกิดเสียง “ตึง ตึง ตึง” ดังขึ้นรัวไม่หยุด มันประหนึ่งสายฟ้าอสนีบาตฟาดฟันออกซึ่งหน้า พลังหมัดแปรเปลี่ยนเปรียบดั่งสายฟ้าเข้าปกคลุมพื้นที่กว้าง
ฝูงชนที่รับชมต่างต้องยืนขึ้น ที่พวกเขาได้เห็นตอนนี้ คือสายฟ้าทองคําได้ปกคลุมพื้นที่ และคล้ายกับร่างของฉินหยุนได้ถูกทะลวงผ่านโดยหมัดพลังสายฟ้าทองคําจํานวนมหาศาล กระนั้นแล้ว เขาก็ยังยืนนิ่งที่เดิมเช่นก่อนหน้า และร่างกายหาได้ฉีกขาดอันใดไม่
“นั่นเป็นภาพติดตา!” ผู้หนึ่งร้องตะโกนขึ้น
หุ่นเชิดวัชระโจมตีเพียงแต่ภาพติดตาของฉินหยุน ส่วนฉินหยุนตัวจริงนั้นเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ฉินหยุนใช้งานก้าวเท้าเก้าสมบูรณ์ เงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์พร้อมเลือนหายโดยหมดจดไปชั่วครู่
“ฉินหยุนอยู่บนฟ้า!”
คนหนึ่งเห็นร่างเงาปรากฏ อีกฝ่ายเผยตัวขึ้นบนฟากฟ้า และช่วงเวลานี้ ฉินหยุนได้ทะยานร่างลงอย่างดุดันจากฟากฟ้าเบื้องบน! ขณะเขาทะยานตัวลงมา หุ่นเชิดวัชระจึงต่อยหมัดขึ้นสู่ท้องฟ้า สายฟ้าอสนีบาตทองคํามวลหนาจึงทะลักขึ้นสูงคิดกลืนกินฉินหยุน
ตู้ม
ฉินหยุนสะบัดฝ่ามือ ทําการสะกดพลังอสนีบาตทองคํานั้นลง พลังฝ่ามือระเบิดออก เกิดเป็นสายลมกระโชกรุนแรงส่งเสียงร้องโหยหวนประหนึ่งมังกรโศกา
ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์
แม้เป็นเพียงห้าฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ ทว่าด้วยกําลังของฉินหยุนตอนนี้ มันมากเกินพอที่จะทําลายล้างหุ่นเชิดวัชระจนสิ้น
ตู้ม
ห้าฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ได้เข้ากลืนกินอสนีบาตทองคํา ก่อนจะพุ่งตรงต่อเข้าหาร่างหุ่นเชิดวัชระ เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขนาดทุกผู้คนที่ได้รับฟังต้องหูดับไปชั่วครู! ร่างหุ่นเชิดวัชระเกิดขึ้นซึ่งรอยปริแตกจํานวนมาก มันราวกับก้อนน้ำแข็งที่พร้อมแตกออกทุกเมื่อ
ตู้ม ตู้ม
ฉินหยุนลงมืออีกครั้งด้วยสองฝ่ามือ ทําการทําลายร่างหุ่นเชิดวัชระโดยสมบูรณ์ ร่างหุ่นเชิดวัชระกลับกลายเป็นผลึกแก้วสีทองประหนึ่งเม็ดข้าว พวกมันถูกสายลมรุนแรงที่ยังไม่สงบพัดพากระจัดกระจาย
ประกายแสงสีทองเหล่านี้ยามเคลื่อนผ่านดูงดงามยิ่ง กระนั้น หลายคนต่างอดไม่ได้ที่จะต้องเทียบเปรียบ ว่าประกายแสงสีทองเหล่านี้ มันไม่ต่างจากหมอกเลือดของมนุษย์ เพราะหากเป็นผู้คนถูกโจมตีรุนแรงเช่นนั้น ร่างคงระเบิดแตกสลายกลายเป็นละอองเลือด
ฉินหยุนชนะ เขาใช้พลังอันเหนือล้ำบดขยี้หุ่นเชิดวัชระไปได้ ฝูงชนต่างโห่ร้องตะโกนยินดี เจี้ยนสือเทียนถอนหายใจยาวโล่งอก กระทั่งเขายังต้องลอบตระหนกต่อกําลังของฉินหยุนในเวลานี้
หลงเฉิ่งขวง อวี้เสินเจิน และคณะอัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ำล้วนพูดกล่าวกันไม่ออก พวกเขาได้เพียงแต่กําหมัดเอาไว้แน่น
“หุ่นเชิดจากเขตแดนลึกล้ำได้แค่นี้หรือ? ขยะคล้ายยังมีค่าเสียกว่า!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าวเย้ยหยันเสียงดัง
ขณะเจี้ยนสือเทียนคิดถอนม่านพลัง หุ่นเชิดวัชระอีกเก้าตัวพลันบุกโจมตีใส่ฉินหยุน ฝูงชนต่างโห่ร้องเสียงดัง แม้เก้าผู้เข้าแข่งขันถอนตัวไปแล้ว อีกฝ่ายกลับปล่อยหุ่นเชิดเอาไว้บนเวทีประลองยุทธ์ เห็นได้ชัดว่าเพื่อผนึกกําลังโจมตีใส่ฉินหยุนในตอนนี้!
“พวกเจ้าคิดทําอะไร?” เจี้ยนสือเทียนจับจ้องกลุ่มคนจากเขตแดนลึกล้ำพร้อมตะโกนกราดเกรี้ยว
“ข้าเสียการควบคุม… หุ่นเชิดเหล่านี้มีสติปัญญาของพวกมันเอง พวกมันเห็นฉินหยุนทําลายพรรคพวก ดังนั้นจึงละทิ้งการควบคุมของข้าและโจมตีใส่ฉินหยุน!” ชายชราจากเขตแดนลึกล้ำตะโกนดัง “เร่งรีบเปิดม่านพลัง!”
ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำและตระกูลหลงต่างเผยยิ้มชั่วร้ายที่ใบหน้า เห็นเช่นนี้ ผู้คนย่อมทราบว่าเรื่องราวเป็นอีกฝ่ายจงใจกระทํา
หุ่นเชิดวัชระทั้งเก้าตัวบุกโจมตีใส่ฉินหยุน พวกมันเปรียบดังแสงสีทองวูบไหวเคลื่อนไปมาอย่างไร้รูปแบบ ทั้งยังรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าจนแทบไม่อาจเห็นร่าง
ตู้ม ตู้ม ตู้ม..
หุ่นเชิดวัชระทั้งเก้าพร้อมใจโจมตีฉินหยุนไม่หยุดพักราวคลุ้มคลั่ง และฉินหยุนไม่อาจต้านรับ เขาได้เพียงแต่ต้องหลบด้วยความยากลําบาก
หลงเฉิ่งขวงเวลานี้ค่อยเผยยิ้มโฉดชั่วกล่าวคํา “ฉินหยุนมันต้องตาย!”
คํากล่าวนี้ยิ่งกระจ่างชัด ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำ คือผู้ควบคุมหุ่นเชิดให้บุกโจมตีใส่ฉินหยุนและฉินหยุนย่อมทราบเรื่องดี เขากระทั่งยินดีภายในใจด้วยซ้ำ
“หากจําไม่ผิด หุ่นเชิดวัชระพวกนี้ล้ำค่ามากกระมัง?” ฉินหยุนพลันทะยานร่างขึ้นฟ้า
หุ่นเชิดวัชระทั้งเก้าจึงกระโดดขึ้นตามติด
“หยุนเอ๋อ เอาเลย!” ฉินหยุนร้องตะโกน
หลิงหยุนเอ็อพลันปลดปล่อยแรงโน้มถ่วง ตัวหลิงหยุนเอ๋อเวลานี้ นางสามารถปลดปล่อยแรงโน้มถ่วงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้า แรงสะกดรุนแรงได้กดทับเข้าใส่บรรดาหุ่นเชิดวัชระ
ครืน!
หุ่นเชิดวัชระทั้งเก้าไม่คิดว่าจะมีพลังเช่นนี้ปรากฏ พวกมันถูกโจมตีโดยพลังแรงโน้มถ่วงจนร่างต้องร่วงหล่นแนบติดกับพื้น ฝูงชนต่างร้องตะโกนตระหนกตกใจ หุ่นเชิดวัชระทั้งเก้าบุกโจมตีฉินหยุนพร้อมกัน ตอนนี้ไม่เพียงแต่โจมตีพลาด พวกมันกระทั่งร่างร่วงหล่นกับพื้น!
ทันทีที่พวกมันร่างร่วงหล่นกับพื้น ฉินหยุนจึงใช้วิชายุทธ์โทเทมต้นไม้ ปลดปล่อยพลังลึกล้ำผ่านตะวันทมิฬ ควบแน่นเกิดขึ้นเป็นกรงเล็บพฤกษาจํานวนมากปรากฏจากพื้นเวที
ในพริบตา หุ่นเชิตวัชระทั้งเก้าจึงถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยรากไม้สีดํา แต่ละรากไม้ได้รัตพันรอบตัวพวกมันเอาไว้ประหนึ่งบอลลูกใหญ่
และทันใดนี้เอง กลุ่มก้อนพลังงานสีดําพลันฟุ้งกระจายจากร่างฉินหยุน สภาพของเขาตอนนี้ประหนึ่งเทพอสูร! พร้อมกันนี้ พื้นดินจึงเริ่มสั่นไหวขึ้นทีละน้อย! ฉินหยุนปลดปล่อยความสามารถเทวะแผ่นดินไหว ควบแน่นพลังปรากฏที่ในมือ จากนั้นจึงโจมตีเข้าใส่บอลรากไม้สีดําที่เบื้องล่าง!
ครืน!
เสียงดังสนั่นบังเกิดพร้อมแผ่นดินสะท้านสะเทือน แรงระเบิดแผ่ขยายจากพื้นเวทีประลองยุทธ์ รากไม้แตกออกเป็นเสี่ยง ระเบิดเอากลุ่มก้อนพลังงานสีดําพร้อมประกายแสงสีทองระยิบระยับปกคลุมทั่วทั้งลานประลองยุทธ์
เจี้ยนสือเทียนที่คิดถอนม่านพลังออก กระนั้นยามได้เห็นเรื่องราวไม่เป็นดังที่คิด เขาจึงหยุดมือ
ฝูงชนผู้รับชมด้านนอกเวทีประลองยุทธ์เพียงได้เห็น ว่าพื้นที่ภายในม่านพลัง มันมีแต่พลังงานสีดําฟุ้งกระจายพร้อมหมอกแสงสีทอง
ใบหน้าบรรดาผู้อาวุโสจากเขตแดนลึกล้ำกระตุกด้วยความปวดร้าวในหัวใจ พวกเขาทราบชัดเจนดี ถึงการเชื่อมต่อกับหุ่นเชิดวัชระที่ขาดหายไป หุ่นเชิดวัชระทั้งสิบตัวที่มีมูลค่าไม่อาจประเมินได้ ตอนนี้ทั้งหมดถูกฉินหยุนทําลายสิ้น
เมื่อใดพวกเขากลับสู่เขตแดนลึกล้ำ พวกเขาก็ไม่ทราบแล้วว่าควรรายงานต่อเบื้องบนอย่างไร! หลงเฉิ่งขวงและกลุ่มอัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ำล้วนกายแข็งที่อ เพราะแม้เป็นราชันยุทธ์ คิดทําลายหุ่นเชิดวัชระเหล่านั้นก็ไม่มีทางทําได้ง่าย
กลุ่มก้อนพลังงานสีดําที่เวทีประลองยุทธ์เริ่มกระจาย ผลึกแก้วสีทองราวเมล็ดข้าวได้ลอยฟุ้งในอากาศก่อนร่วงหล่นลงมาเชื่องช้า พวกมันราวกับสายฝนทองคําที่เคลื่อนคล้อยลงมาอย่างงดงามยิ่ง
หลังจากเจี้ยนสือเทียนปิดม่านพลังและขึ้นบนเวที เขาสัมผัสได้ถึงพลังสั่นไหว และยังมีพลังอีกประเภทหนึ่งที่อาจารย์จารึกย่อมคุ้นเคย
“นี่มัน… พลังแปรธาตุหรือ? นี่เขาถึงขั้นใช้พลังแปรธาตุต่อสู้ได้?”
“มันจะเป็นอักขระแปรธาตุที่ชวนสะพรึงเพียงใด? หรือเขาเชี่ยวชาญโทเทมแปรธาตุ?”
“เป็นไปได้ ฉินหยุนต้องมีโทเทมแปรธาตุในครอบครอง!”
“ไม่ว่าหุ่นเชิดวัชระแข็งแกร่งเพียงใด พวกมันก็ต้องอาศัยการเกื้อหนุนจากอักขระโทเทมภายในร่าง และฉินหยุนใช้งานพลังแปรธาตุผสานรวมกับพลังสั่นไหว ถ่ายเทพลังเข้าสู่ร่างหุ่นเชิด นี่จึงเป็นการทําลายอักขระโดยสมบูรณ์จากภายใน!”
“วิธีการใช้พลังที่ปราดเปรื่องนัก!”
ฉินหยุนย่อมไม่มีโทเทมแปรธาตุ ทว่าเขามีอักขระจันทราแปรธาตุ และยังแกะสลักอักขระเหล่านั้นไว้ในกระดูกเมื่อนานมาแล้ว เดิมเขาเพียงใช้เพื่อทําให้การสร้างอุปกรณ์ง่ายดายขึ้น เป็นเขาไม่คาดคิด ว่ามันจะส่งผลต่อหุ่นเชิดเหล่านี้จนกระทั่งทําลายพวกมันได้หมดสิ้น!
“ฉินหยุน เจ้าตัวบัดซบ จงนําหุ่นเชิดวัชระกลับคืนแก่พวกเรา!” ชายชราจากเขตแดนลึกล้ำกล่าวออกด้วยโทสะ
“เจ้าคิดว่ามีสิทธิ์อันชอบธรรมอันใดอย่างนั้นหรือ?” เจี้ยนสือเทียนแค่นเสียงดังขึ้น
ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำพลันชะงักฝีปาก เพราะเมื่อครู่ เป็นพวกเขาลอบเร้นควบคุมหุ่นเชิดวัชระให้โจมตีใส่ฉินหยุน ทุกคนล้วนได้เห็นว่าฉินหยุนถูกปิดล้อม เป็นเขาป้องกันตนเองและสู้กลับจนทําลายหุ่นเชิดหมดสิ้น
หลงเฉิ่งขวงแค่นเสียงกล่าว “ไม่แปลกใจที่ฉินหยุนทําลายหุ่นเชิดวัชระเหล่านั้นได้ เป็นมันมีเล่ห์กลให้ใช้งานมากมาย! มันก็ได้แต่อาศัยพลังแปรธาตุจัดการพวกหุ่นเชิด!”
อวี้เสินเจินกัดฟันแน่น “ฉินหยุนทําพวกเราสูญเสียหุ่นเชิดวัชระอันล้ำค่าไปมาก ข้าต้องได้ฉีกกระชากร่างมั่นที่บนเวทีประลองยุทธ์!”
ฉินหยุนผ่านพ้นเข้าร่วมรอบถัดไป และคนที่ผ่านเข้ารอบ ก็มีน้อยกว่าห้าสิบ!
ฉินหยุนลงจากเวทีประลองยุทธ์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม อันที่จริงเมื่อครู่นี้ เขาทําลายหุ่นเชิดวัชระเพียงหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกแปด ได้ถูกส่งเข้าไปภายในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวันเพื่อให้เหยาเพิ่งช่วยสลายจิตสํานึกที่ฝังในตัวพวกมัน
หรือก็คือ ภายหลังเขาค่อยดัดแปลงพวกมันสักเล็กน้อย หุ่นเชิดวัชระที่มูลค่านับไม่ถ้วนเหล่านี้จะกลายเป็นของเขา! สาเหตุที่เขายินดีจนเผยยิ้ม ก็เพราะเขาชื่นชอบยามที่ศัตรูส่งมอบของขวัญให้แก่เขาถึงที่
เจี้ยนสือเทียนตะโกนดัง “พรุ่งนี้พวกเราค่อยเริ่มงานหลัก นั่นจึงเป็นการประลองยุทธ์ระหว่างผู้เข้าแข่งขันระดับยอดยุทธ์!”
ฉินหยุนมองทางหยางเย่ว์ พบว่าดวงตาของนางเผยความยินดีและนับถือออกมา
เจี้ยนรั่วหยานก้าวเดินเข้ามาพร้อมยิ้มกล่าว “พี่หยุน เหมือนพวกเราจะไม่อาจใช้หลักการคิดทั่วไปกับท่านได้! ตัวท่านยังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ กระนั้นกลับมีพลังอันเลิศล้ำได้เพียงนี้”
ตามปกติแล้ว ยามที่ผู้ใดก็ตามฝึกฝนแก่นเต้ลึกล้ำ และก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ผู้นั้นย่อมปลดปล่อยออร่าพลังลึกล้ำอ่อนจางออกมา ทว่าฉินหยุนไม่มีออร่าดังกล่าว ดังนั้นผู้คนจึงคิดว่าเขายังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ มีแต่เสี้ยนหลิงหลงและอีกไม่กี่คนที่ทราบว่าเขาเลื่อนระดับพลังได้สําเร็จแล้ว ทั้งยังเป็นพลังเลิศล้ำเกินกว่าที่คาดคิดไว้เสียด้วย
“ฉินหยุน ไม่คิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงนี้! การแข่งขันวันรุ่งขึ้น จงอย่าได้พบข้า ไม่เช่นนั้น ข้าจะทําให้เจ้าร้องไห้วิ่งกลับบ้าน!” เจี้ยนหนันหู่กล่าวพร้อมหัวเราะดังก่อนจะเดินจากไป
เฉินหยุนตามเปาเฉิงโฉ่งและคณะเข้าพักที่คฤหาสน์เซียนดาบ
วันรุ่งขึ้นมาถึงรวดเร็ว
วันนี้ฟ้ายังไม่สาง กระนั้นฉินหยุนกลับออกไปยังพื้นที่การแข่งขัน และรับชมบริเวณที่นั่งผู้ชมอันหนาแน่น เขาได้ทราบ ว่าผู้คนเหล่านี้เมื่อวานไม่ได้จากไปที่ใด เพียงแต่อยู่ที่นี่ เพราะหากพวกเขาออกไป วันนี้คิดเข้ามาอีกครั้ง ก็จําเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงลิบ
ฉินหยุนยืนข้างเวทีประลองยุทธ์ รับชมผู้เข้าแข่งขันอื่นที่มาถึง เจี้ยนรั่วหยาน และเจี้ยนหนั่นหูต่างก็มาถึงแต่เช้าตรู่ ทันทีที่พบเห็นฉินหยุน พวกเขาจึงเข้ามาสนทนาด้วย
“สุดท้ายนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่จะได้ต่อสู้กัน ดาบต้นกําเนิดของข้าหิวกระหายมายาวนานแล้ว เวลานี้แทบไม่อาจอดรนทนได้ไหว!” เจี้ยนหนันหู่นําดาบต้นกําเนิดของตนเองออกมา
ดาบต้นกําเนิดควบแน่นเกิดขึ้นจากแก่นเต๋าลึกล้ำ มันคืออุปกรณ์ลึกล้ำอันแข็งแกร่งที่ทัดเทียมอุปกรณ์เต๋า ในการแข่งขันเช่นนี้ที่ผู้เข้าร่วมไม่อาจใช้งานอาวุธ ผู้ฝึกตนดาบจึงเปรียบดังตัวตนที่แหกกฎเกณฑ์ ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจว่ากล่าวอันใดได้
ฟ้าสาง ผู้คนต่างมาที่นี่
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ยืนด้วยกัน เพื่อรอคอยการจับไข่มุกเลือกคู่ต่อสู้ และนี้ก็เป็นวิธีการซึ่งฉินหยุนชื่นชอบเป็นที่สุด เพราะเขาสามารถเลือกได้ว่าคู่ต่อสู้ของตนเองจะเป็นใคร
และได้เห็นเจี้ยนหนันหู่ที่กระเหี้ยนกระหายการต่อสู้ ฉินหยุนจึงตัดสินใจให้อีกฝ่ายได้สู้กับหลงเฉิ่งขวง!