Super God Gene – ตอนที่ 2679
ไม่นานผู้ชมก็เริ่มจะสังเกตเห็นว่าเชลได้รับบาดแผลน้อยลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป แถมบาดแผลที่เขาได้รับก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ หลังจากผ่านไปสักพักบาดแผลเกือบทั้งหมดของเขาก็หายไป
“เขาแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้… นี่มันมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ตามเผ่าพันธุ์ต่างๆกี่คนกันแน่?”
หลี่เคอเอ๋อพึมพำด้วยความประหลาดใจ ทั้งหานเซิ่น ดอลลาร์และตอนนี้เชลอีกคนหนึ่ง พวกเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ความจริงแล้วเผ่าพันธุ์ของพวกเขาแทบจะไม่เป็นที่พูดถึง แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีพรสวรรค์ที่น่ากลัว แม้แต่ในเผ่าเวรี่ไฮก็ถือว่าหาได้ยาก
เวรี่ไฮหลายคนก็มีความคิดที่เหมือนกัน คนของเผ่าเวรี่ไฮทั่วไปนั้นไม่ได้เหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆมากนัก มันไม่มีพวกเขาคนไหนที่แข็งแกร่งไปกว่าหานเซิ่นหรือเชล
ส่วนเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นจะมีความสามารถที่สุดยอดก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเพียงแค่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์แล้วจะทำให้พวกเขามีพลังในระดับที่กำลังถูกแสดงอยู่ในตอนนี้ แต่ทว่าในตอนที่ตัวไหมของพวกเขากลายเป็นระดับเทพเจ้า พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตัวเองไปอย่างก้าวกระโดด
นี่เป็นเรื่องจริงกับเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อด้วยเช่นกัน ในตอนนี้พวกเธอไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับหานเซิ่น พวกเธอไม่สามารถเอาชนะเขาได้ เอ็กซ์ควิสิทนั้นเคยพ่ายแพ้เขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเธอจะเรียนรู้ทุกสิ่งจากหานเซิ่นขณะที่เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า ถึงแม้ตอนนั้นพวกเธอจะยังไม่ได้กลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่จิตใจของพวกเธอก็จะแข็งแกร่งเหมือนอย่างของหานเซิ่นที่เป็นระดับเทพเจ้า
ในตอนที่ม่อฟางรู้สึกตัวว่าไม่สามารถสยบเชลได้ เขาก็ใช้สมาธิทั้งหมดไปที่คู่ต่อสู้และดวงตาที่สามของเขาก็เปิดออก มันกลายเป็นดวงตาหยินหยางของไท่เก๊กที่กระจ่างใสราวกับคริสตัล
เมื่อดวงตาที่สามเปิดออก ออร่าของม่อฟางก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาไม่ได้กลายเป็นเครื่องจักรที่ไร้ซึ่งชีวิตเหมือนอย่างเอ็กซ์ควิสิท แต่เขายังคงมีพลังที่จะทำให้ทุกคนตื่นกลัว
ในขณะเดียวกันดวงตาของครึ่งเทพทั้งสามคนก็สูญเสียโฟกัสไป พวกเขากลายเป็นเพียงหุ่นเชิดที่เคลื่อนไหวตามจิตใจของม่อฟาง มันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายม่อฟาง
ครึ่งเทพทั้งสามคนรู้สึกแย่ พวกเขาถูกเลือกมาเป็นตัวไหม แต่พวกเขากลับตกอยู่ในสภาพที่น่าอัปยศแบบนี้ มันเป็นไปได้สูงที่เจ้านายของพวกเขาจะเลือกตัวไหมคนใหม่
ในจังหวะที่ม่อฟางเปิดเนตรเวรี่ไฮ สถานการณ์ก็พลิกกลับ เชลที่เพิ่งจะชิงความได้เปรียบกลับมาได้ ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง
ตอนนี้ตัวไหมทั้งสี่กำลังต่อสู้กับเชล ไม่ได้เป็นกลุ่มที่ประกอบไปด้วยม่อฟางและครึ่งเทพอีกสามคนอีกต่อไป ตอนนี้มันกลายเป็นกลุ่มของม่อฟางสี่คน ตัวไหมทั้งสามยังคงใช้พลังดั้งเดิมของพวกเขา แต่ร่างกายของพวกเขาถูกควบคุมโดยจิตใจของม่อฟางโดยสมบูรณ์
แต่ถึงแม้จะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันแบบนั้น ดวงตาของเชลก็ยังคงไร้ซึ่งความกลัว
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด พวกเขาทั้งสี่คนมีพลังที่แตกต่างกัน และม่อฟางก็ใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้นเพื่อสร้างรูปแบบการโจมตีจำนวนนับไม่ถ้วน
ถึงแม้เชลจะยังไม่พ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะโต้กลับ การต่อสู้ดำเนินต่อไปและบาดแผลก็เริ่มจะสะสมตามร่างกายของเชลอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้จิ้งจอกสาวเดินเข้ามาหาหานเซิ่นที่กำลังอยู่ระหว่างการพักฟื้นอย่างเงียบๆ
“อ้า หานเซิ่นนะหานเซิ่น… ในที่สุดเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือของข้า” จิ้งจอกสาวคนนั้นยกมือขึ้นและเตรียมตัวจะฟันมันลงมาใส่หลังของหานเซิ่น
หานเซิ่นยังคงอยู่ระหว่างการทำสมาธิ แต่เขาสามารถบอกได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวได้ เขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของจิ้งจอกสาว แต่ในจังหวะที่เขาเตรียมตัวจะลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับเธอ เขาก็ได้ยินเสียงตะโกน
เสียงนั่นออกมาจากปากของเชลและดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ถึงแม้เชลจะกำลังต่อสู้กับม่อฟาง แต่เขาก็จับตาดูหานเซิ่นอยู่ตลอด ในตอนที่เขาเห็นว่าจิ้งจอกสาวแอบเข้ามาโจมตีหานเซิ่น เขาก็ปล่อยเสียงคำรามของสิงโตออกมา
ทันใดนั้นร่างกายของเชลก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า กล้ามเนื้อทั้งร่างกายของเขาปูดบวมเป็นมัดๆ และแสงสีแดงก็ก่อตัวขึ้นมาราวกับเป็นไฟรอบร่างกายของเขา ผมสีทองที่หยักศกของเขาตั้งตรงในเปลวไฟ เขาดูเหมือนกับเทพปีศาจหัวสิงโต
เชลกำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือนกับม่อฟาง แต่ตอนนี้การกลายร่างของเชลทำให้ม่อฟางต้องถอยออกไป การถอยออกไปอย่างกะทันหันทำให้เสียจังหวะในการโจมตี เชลวิ่งเข้าไปในทิศทางของหานเซิ่นและชกหมัดใส่จิ้งจอกสาว
จิ้งจอกสาวตกใจ เธอรีบเทเลพอร์ตหายไปราวกับหมอกเมฆ
“เชล! นี่เจ้าจะต่อสู้กับข้าเพื่อศัตรูจริงๆอย่างนั้นหรอ?” จิ้งจอกสาวขมวดคิ้ว
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าข้าจะปกป้องเขาเป็นเวลาสิบชั่งโมง ใครที่กล้าแตะต้องตัวเขาจะกลายเป็นศัตรูของข้า” เชลมายืนอยู่ตรงหน้าหานเซิ่นขณะที่เขาดูเลือดเย็นราวกับเทพปีศาจ
ม่อฟางจ้องมองเชลด้วยความประหลาดใจ พลังและออร่าของเชลในตอนนี้ดูแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เขาตกอยู่ในการต่อสู้ที่ยากลำบากก่อนหน้านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง
“ม่อฟาง เจ้ากับข้ามาร่วมมือกันเป็นยังไง?” จิ้งจอกสาวพูดกับม่อฟาง เธอไม่สามารถเอาชนะเชลได้ด้วยตัวเธอเอง
“เอาสิ” ม่อฟางไม่อยากจะพ่ายแพ้หรือทิ้งการต่อสู้นี้ไป ดังนั้นเขาจะต้องใช้ประโยชน์จากทุกโอกาสที่เข้ามา
จิ้งจอกสาวไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างกายของเธอเรืองแสงสีแดงออกมาและก่อตัวเป็นชุดเกราะโลหะสีแดงทั้งชุด มันห่อหุ้มร่างกายทั้งร่างของเธอเหลือก็แต่บริเวณหางจิ้งจอกที่โบกไปมาอยู่ด้านนอก
หลังจากนั้นหางของเธอก็แยกออกเป็นเก้าหาง และอาณาเขตสีชมพูก็เข้าปกคลุมดินแดนโดยรอบ ทันใดนั้นจู่ๆร่างกายของเชลก็ถูกจับโดยโซ่สีชมพู มันล่ามร่างกายของเขาและดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
โดยที่ไม่ต้องทำการสื่อสารใดๆ ม่อฟางนำร่างทั้งสี่ร่างเข้าโจมตีเชล
ต่อหน้าครึ่งเทพห้าคน เชลตอบสนองด้วยการคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธ ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ และร่างกายของเขาก็เหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุ พลังที่น่ากลัวระเบิดโซ่ที่ล่ามร่างกายของเขาจนขาด หลังจากนั้นเขาก็ชกหมัดออกไป มันทำลายมิติที่บิดเบี้ยวและตรงไปที่หนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง
ม่อฟางใช้จิตใจบังคับให้เอ็กซ์ตรีมคิงยกแขนขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีที่เข้ามา แต่ภายใต้หมัดที่โหดร้ายแบบนั้น ความพยายามของเขาเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ แขนที่ได้รับการเสริมพลังจากอาณาเขตนั้นแตกกระจายด้วยกำปั้นของเชล หมัดของเชลยังคงพุ่งต่อไปที่หน้าอกของเอ็กซ์ตรีมคิงและส่งเขาบินออกไปราวกับลูกอุกกาบาต
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เชลเป็นเหมือนกับเทพปีศาจที่หยุดไม่อยู่ ทุกหมัดของเขาส่งศัตรูคนหนึ่งกระเด็นออกไป ม่อฟางและตัวไหมคนอื่นที่เขาควบคุมถูกชกกระเด็นออกไป
ทุกหมัดของเชลนั้นดูง่ายๆ แต่จริงๆแล้วภายใต้ความเรียบง่ายนั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อน มีเพียงแค่ม่อฟางที่รู้ว่าหมัดที่ดูเรียบง่ายของเชลนั้นทำลายแผนการของเขาทุกแผนการ
มันมีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวถึงการที่เชลทำเรื่องแบบนี้ได้ ซึ่งก็คือเขาต้องรู้ถึงพลังและรูปแบบการโจมตีของคู่ต่อสู้แต่ละกัน นั่นเป็นหนทางเดียวที่เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้
‘นี่หมายความว่าในขณะที่พวกเราต่อสู้กันก่อนหน้านี้ เขาเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการโจมตีของพวกเราจนเข้าใจอย่างถ่องแท้?’ ม่อฟางคิดขณะที่กระเด็นออกไปด้านหลัง เขาไปชนเข้ากับภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงและเลือดกระอักออกมา เขาไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้ และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้น