Super God Gene – ตอนที่ 2909 นกแผ่นหิน
แสงสว่างสีรุ้งถูกปล่อยออกมาจากรอยกำปั้นและตรงเข้าไปหาไป๋อู๋ซาง
หานเซิ่นและระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟคนอื่นๆจ้องไปที่แสงนั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟนั้นอยากรู้อยากเห็นมากเป็นพิเศษ พวกเขาเคยโจมตีใส่แผ่นหินเป็นเวลานาน แต่มันก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น
แต่ในตอนที่ไป๋อู๋ซางชกใส่แผ่นหิน ทำไมดูเหมือนกับว่าแผ่นหินนั้นตอบโต้? สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าทั้งหมดเบิกตากว้าง พวกเขาอยากจะเห็นว่าแผ่นหินนั้นมีพลังแบบไหนกันแน่
ในจังหวะต่อมาระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟทุกคนก็ต้องแปลกใจ หานเซิ่นเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
แสงสีรุ้งที่บินออกมาจากรอยหมัดนั้นเปลี่ยนเป็นเหยี่ยวขาวที่บินเข้าไปหาไป๋อู๋ซาง
มันไม่ได้จู่โจมไป๋อู๋ซาง มันกระพือปีกและบินลงบนไหล่ของไป๋อู๋ซาง มันงอคอเพื่อลูบกับผมของไป๋อู๋ซางอย่างสนิทสนม
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้มีเหยี่ยวซีโน่เจเนอิคอีกตัวอยู่ภายในแผ่นหิน? และทำไมมันถึงได้ดูสนิทสนมกับไป๋อู๋ซาง?” ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟทุกคนรู้สึกสับสน
ขณะที่พวกเขากำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ไป๋อู๋ซางก็ผลิกฝ่ามือและจับที่คอของเหยี่ยว หลังจากนั้นเขาก็ฉีกเหยี่ยวจนขาดครึ่งและโยนลงไปบนพื้น
เหยี่ยวขาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ในตอนที่มันร่วงลงบนพื้น มันก็กลายเป็นก้อนหินสองก้อน ไม่นานหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นผุยผงที่บินกลับไปหาแผ่นหินและกลบรอยหมัดที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยไป๋อู๋ซาง รอยหมัดนั้นหายไปโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆเอาไว้
‘น่าสนใจ แผ่นหินนี่เป็นซีโน่เจเนอิคที่พิเศษมากๆ’ หานเซิ่นคิดขณะที่มองไปที่แผ่นหินด้วยความสนใจ
หลังจากที่ทำลายเหยี่ยวขาวแล้ว ไป๋อู๋ซางก็มองไปที่แผ่นหินอีกครั้ง เปลวเพลิงสีทองบนตัวเขาเป็นเหมือนกับภูเขาไฟปะทุ ขณะที่เขายกหมัดขึ้นมา
เขายังคงใช้หมัดช็อคกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิง ครั้งนี้หมัดช็อกกิ้งสกายของไป๋อู๋ซางเรืองแสงสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ เขาปลดปล่อยคลื่นพลังที่รุนแรงออกมา ทำให้สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่อยู่รอบๆถูกซัดกระเด็นออกไป
สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่ดูอยู่นั้นถูกพัดออกไปหลายร้อยไมล์ พวกเขาทั้งหมดดูซีดเซียวและกระอักเลือดออกมา พวกเขาดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ
นั่นเป็นเพียงแค่คลื่นกระแทกจากหมัดที่ไป๋อู๋ซางปลดปล่อยออกไป ถ้าพวกเขาเป็นคนที่รับหมัดนั่นล่ะก็ พวกเขาก็คงจะสลายกลายเป็นผุยผง
หานเซิ่นยังคงนั่งดูอยู่ใกล้ๆ เขาไม่ได้ถูกพัดกระเด็นออกไปเหมือนกับคนอื่นๆ แขนเสื้อของเขาปลิวไสวราวกับว่าพวกมันถูกพัดด้วยลมแรง
ตูม!
ไป๋อู๋ซางชกอีกหมัดใส่แผ่นหิน ครั้งนี้รอยหมัดที่ถูกทิ้งเอาไว้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม พวกมันใหญ่กว่ารอยอุ้งเท้าแมวและวัวมาก แต่มันยังคงเล็กกว่ารอยฝ่ามือมนุษย์ที่อยู่บนสุด
ในตอนที่หมัดนั้นสิ้นสุด ไป๋อู๋ซางก็ดึงหมัดของเขากลับไป เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ารอยหมัดของเขายังคงเล็กกว่ารอยฝ่ามือ
หลังจากที่ดึงหมัดกลับไป รอยหมัดของไป๋อู๋ซางก็เรืองแสงสีรุ้งอีกครั้ง ครั้งนี้แสงสีรุ้งนั้นเข้ามากกว่าแสงสีรุ้งครั้งก่อนหลายเท่า
หานเซิ่นเห็นนกสีทองตัวใหญ่บินออกมาจากรอยหมัด มันกระพือปีกและบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มันกรีดร้องเสียงดังพอจะฉีกมิติอวกาศ ร่างกายของมันมีขนสีทองที่สว่างไสวจนแสบตาราวกับดวงอาทิตย์
“โกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์” หานเซิ่นมองไปที่นกสีทองตัวใหญ่ด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นใบหน้าของมัน เขาก็จำได้ว่ามันคือโกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์ในตำนาน มันถูกกล่าวขานว่าเป็นซีโน่เจเนอิคระดับท็อป
ถ้าสังเกตดูดีๆจะบอกได้ว่ามันแตกต่างออกไป แต่หานเซิ่นไม่เคยเห็นโกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์ตัวจริงๆมาก่อน
โกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์ที่ออกมาจากรอยหมัดนั้นเป็นธาตุหิน และมันก็มีคลื่นพลังที่เหมือนกับหมัดช็อกกิ้งสกายของไป๋อู๋ซาง
โกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์บินลงไปหาไป๋อู๋ซาง มันลดหัวลงไปใกล้กับเขาและดูเหมือนกับว่ามันต้องการจะทำให้เขามีความสุข
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘แผ่นหินนี่น่าสนใจจริงๆ มันรับพลังการโจมตีเต็มกำลังของไป๋อู๋ซางได้ มันจะต้องเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนมันจะโจมตีไม่ได้ มันพึ่งพาการยอมตัดส่วนหนึ่งออกไปเพื่อการอยู่รอด นั่นเป็นอะไรที่น่าสนใจ
ส่วนหนึ่งของแผ่นหินถูกตัดออกไปและกลายเป็นนกซีโน่เจเนอิคธาตุหินที่จะมอบให้กับศัตรูโดยหวังว่าศัตรูนั้นจะยอมจากไป วิธีการเอาชีวิตรอดของมันเหมือนกับตุ๊กแก
นกซีโน่เจเนอิคธาตุหินที่ออกมานั้นเป็นซีโน่เจเนอิคที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง พลังของโกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์นั้นไม่ด้อยไปกว่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าชั้นสูง
นอกจากนั้นโกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์ยังดูดซับพลังหมัดช็อกกิ้งสกายของไป๋อู๋ซางเข้าไป มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่มีสองธาตุ ด้วยการที่มีซีโน่เจเนอิคนั่นคอยติดตาม มันจะช่วยคนๆนั้นได้มาก
เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่าสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟต่างก็รู้สึกอิจฉา พวกเขาไม่มีพลังพอจะทิ้งแม้แต่รอยขีดข่วนเอาไว้บนแผ่นหิน อย่าว่าแต่โกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์เลย พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะทำให้นกกระจอกเกิดขึ้นมาได้
ทุกคนรู้ว่ายิ่งแผ่นหินได้รับบาดแผลมากเท่าไหร่ นกซีโน่เจเนอิคธาตุหินที่ออกมาก็จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น
เหมือนอย่างเหยี่ยวขาวก่อนหน้านี้ที่ไป๋อู๋ซางฉีกจนขาดครึ่ง มันอ่อนแอกว่าโกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์ตัวนี้มาก
ขณะที่ทุกคนกำลังอิจฉา ไป๋อู๋ซางก็ยื่นมือออกไปข้างหน้าและฉีกหัวของโกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์จนขาด
โกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์กลับกลายเป็นก้อนหินและบินกลับไปหาแผ่นหิน มันไปเติมเต็มรอยหมัดของไป๋อู๋ซางและทำให้แผ่นหินกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
หานเซิ่นคิด ‘ดูเหมือนว่ารอยทั้งสามรอยจะถูกทิ้งเอาไว้โดยใครบางคนที่เอานกซีโน่เจเนอิคธาตุหินติดตัวไปด้วย”
ทุกคนจับจ้องไปที่ไป๋อู๋ซาง เขาฉีกหัวของโกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิรด์ขาดไป ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะใช้พลังที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมเพื่อโจมตีใส่แผ่นหิน
แต่ไป๋อู๋ซางไม่ได้โจมตีใส่แผ่นหินอีกครั้ง เขาหันมามองหานเซิ่นที่นั่งดูอยู่ไม่ไกลออกไป หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ พลังของไป๋อู๋ซางนั้นแข็งแกร่งมาก มันดีกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตคนไหนๆที่หานเซิ่นเคยเห็น พลังทำลายล้างที่เขามีนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นำปราสาทนภาหรือผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ
แม้แต่หานเซิ่นเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะไป๋อู๋ซางได้ เพราะยังไงซะเขาก็ยังไม่ถึงขั้นทรูก็อต เขายังไม่อาจเทียบขั้นทรูก็อตที่แข็งแกร่งจริงๆได้
คัมภีร์นภาอำพันสามารถใช้กับระดับเทพเจ้าขั้นเดียวกันหรือต่ำกว่าเพื่อทำให้พวกเขาถูกลดระดับลงไปอย่างถาวรได้ แต่ในตอนที่ใช้กับคู่ต่อสู้ที่มีระดับเหนือกว่า มันจะทำให้พวกเขาถูกลดระดับลงหนึ่งระดับเป็นเวลาชั่วคราวเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุดก็คือผู้คนเคยเห็นเขาใช้คัมภีร์นภาอำพันเพื่อเอาชนะผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ ด้วยเหตุนั้นคนอื่นจะต้องเตรียมวิธีรับมือกับมันเอาไว้แล้ว มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่อีก
หานเซิ่นเตรียมตัวจะต่อสู้ แต่ไป๋อู๋ซางดูเหมือนไม่ได้ต้องการต่อสู้ เขาชี้ไปที่แผ่นหินและพูด “เจ้ามาลองดู”
หานเซิ่นมองไปที่ไป๋อู๋ซางและตอบกลับไปว่า “เจ้าจะไม่ลองดูอีกครั้งอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าทำเต็มที่แล้ว มันไม่มีเหตุผลที่จะลองดูอีกครั้ง” ไป๋อู๋ซางพูด