ตอนที่ 424 สำแดงฝีมือการแสดง
ชาวบ้านที่เดิมทีอารมณ์ร้อนพลุ่งพล่าน เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อยืนปะทะลมร้องไห้ ข้างล่างก็เงียบทันที ปกติพวกเขาก็เป็นคนซื่ออยู่แล้ว ประกอบกับหลิงอวี้จื้อเป็นคนที่หน้าตาน่าเอ็นดูมาก ทุกคนต่างมองหลิงอวี้จื้อ รอให้หลิงอวี้จื้อพูดต่อ
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิงอวี้จื้อปรับอารมณ์ให้ปกติ เธอสูดจมูก แล้วจึงพูดต่อว่า
“พี่สาวข้าก็เคยโดนนักรบไร้ชีพทำร้าย ข้าเห็นกับตาว่ามือนางมีผื่นแดงขึ้นเต็ม ข้าปลอบใจตัวเองไม่หยุดหย่อนว่านางไม่เป็นอะไร
พี่สาวข้าดีขนาดนี้ ท่านเทวดาจะโหดร้ายกับนางเช่นนั้นได้อย่างไร
ข้าไม่กล้าบอกนาง คิดไว้ตลอดว่าโชคจะเข้าข้าง หลอกตัวเองว่าทั้งหมดนี้ไม่จริง ทำทุกวิถีทาง แต่ผื่นแดงบนมือนางก็ยังมากขึ้นทุกที ข้าคิดหมดทุกวิถีทางที่จะปิดบังนาง สุดท้ายนางก็รู้เรื่องจนได้
เพื่อที่จะไม่ให้พวกเราลำบาก ตกเที่ยงคืนนางก็ใช้เปลวเทียนจุดไฟเผาห้องตนเอง ข้าอยากช่วยนางก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่มองนางตายไปต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดเช่นนี้ จนถึงวันนี้ข้าก็ยังไม่กล้าหวนกลับไปคิด”
หลิงอวี้จื้อพูดไปเช็ดน้ำตาไป เธอเอาเรื่องราวของหนานเยียนไปพูดในฐานะของหลิงอวี้หรงเพื่อเพิ่มแรงโน้มน้าวใจ
หากบอกว่าเป็นคนใช้ของตนเอง เกรงว่าพวกเขาคงไม่เชื่อ แต่กับพี่สาวนั้นไม่เหมือนกัน ประกอบกับตนเองเมื่อนึกถึงหนานเยียนขึ้นมาก็ปวดใจจริงๆ การแสดงออกทั้งหมดสัมพันธ์กันในคราวเดียว ชาวบ้านไม่น้อยในที่นี้ต่างก็มีอารมณ์ร่วมไปกับหลิงอวี้จื้อ มีคนไม่น้อยที่แอบปาดน้ำตา
“ข้าก็หลงคิดว่าจะไม่ได้เจอนักรบไร้ชีพอีกแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอนักรับไร้ชีพที่ตำบลเถาหนวนอีก เมื่อเห็นตำบลเล็กๆ กลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็นึกถึงพี่สาวที่ตายไปแล้วขึ้นมา ในใจเกลียดแค้นนัก แต่เกลียดแค้นแล้วอย่างไร
พี่สาวไม่อยู่แล้ว โดนพิษนักรบไร้ชีพก็เท่ากับตายไปแล้ว ตายแล้วยังกลายเป็นสัตว์ประหลาด พี่สาวไม่อยากกลายเป็นเช่นนั้น ยอมเผาตัวเองเสียดีกว่า
ตอนนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วว่าผู้ร้ายที่ก่อเรื่องทั้งหมดนี้คือสำนักอู๋จี๋ พวกนางปรุงยาพิษนักรบไร้ชีพขึ้นมาอย่างไร้มโนธรรม ทำให้คนดีๆ ต้องกลายเป็นเช่นนี้
ท่านอ๋องส่งคนไล่โจมตีสำนักอู๋จี๋ไปแล้ว จะต้องแก้แค้นแทนให้ผู้ที่ตายไปอย่างอยุติธรรม และแก้แค้นให้พี่สาวของข้าด้วย
พ่อแม่พี่น้อง พวกเขาจากไปเพื่อปกป้องพวกเจ้า ให้พวกเจ้าใช้ชีวิตให้ดีเพื่อพวกเขา สักวันต้องแก้แค้นได้ เพื่อที่ผู้บริสุทธิ์อีกมากมายจะได้ไม่ต้องมาโดนไปด้วย”
เสียงของหลิงอวี้จื้อดังมาก ประกอบกับทุกคนเงียบสงบ ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านทุกคนในที่นี้จึงได้ยินเสียงของหลิงอวี้จื้อ ทุกคนต่างเงียบเสียง นอกจากเสียงสะอื้นไห้แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก
ดวงตาของหลิงอวี้จื้อแดงก่ำ พูดสะอึกสะอื้น
“พวกเจ้าอย่าโทษท่านอ๋องเลย วันนั้นข้าวิงวอนร้องขอให้เขาช่วยพี่สาวของข้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าช่วยไม่ได้ ท่านอ๋องมีเมตตา ตอบรับในที่สุด สุดท้ายพี่สาวเกือบเป็นศพกลายร่าง
หากไม่ใช่เพราะพี่สาวจุดไฟได้ทันเวลา ผลที่ตามมาไม่อยากจะคิด จวนมหาเสนาบดีคงจบสิ้น พวกเราล้วนไม่อยากให้คนใกล้ชิดตาย สิ่งที่พวกเราทำได้คือแก้แค้นแทนพวกเขา ไม่ให้พวกเขาต้องตายอย่างอยุติธรรม”
ขณะที่หลิงอวี้จื้อพูด เธอแทบจะยืนไม่อยู่ ยันกำแพงเอาไว้ แหงนหน้ามองฟ้า
“พี่สาว เจ้ามองเห็นจากบนสวรรค์หรือไม่ เจ้าต้องอวยพรให้พวกเราหาพวกชั่วสำนักอู๋จี๋ให้เจอนะ เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแก้แค้นแทนเจ้า ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ข้าก็จะต้องแก้แค้นแทนเจ้า”
“แก้แค้น แก้แค้น…”
เสียงอึกทึกกึกก้องดังมาจากข้างล่าง ชาวบ้านทุกคนต่างอัดอั้นแค้นเคือง มีครอบครัวเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น ที่ไม่มีใครโดนพิษนักรบไร้ชีพ เกือบทุกครอบครัวมีญาติโดนพิษนักรบไร้ชีพ
หลิงอวี้จื้อปลุกเร้าได้ขนาดนี้ ความโกรธแค้นของชาวบ้านเปลี่ยนไปอยู่ที่สำนักอู๋จี๋ได้สำเร็จ ไม่มีใครตำหนิเซียวเหยี่ยนอีกแล้ว นักรับไร้ชีพกับหมาป่ามนุษย์ในคืนนั้นก็มีคนไม่น้อยเป็นพยาน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเชื่อคำพูดของหลิงอวี้จื้อ เชื่อว่าตายแล้วจะกลายเป็นเช่นนั้น
ตอนที่ 425 ควรกลับเมืองหลวงแล้ว
มู่หรงนี่อวิ๋นและเซียวเหยี่ยนยืนอยู่อีกด้านหนึ่งในบ้านชาวนา ทั้งสองต่างมองหลิงอวี้จื้อ มู่หรงนี่อวิ๋นจิ๊ปากอย่างอัศจรรย์ใจ
“หลิงอวี้จื้อนี่พูดเก่งจริงๆ ขนาดข้าฟังแล้วยังเศร้าตาม ที่เมืองซูโจวคราวก่อนหลิงอวี้จื้อก็พูดโน้มน้าวพระชายาเช่นนี้ พูดประสบการณ์ชีวิตของท่านอ๋องเสียน่าเศร้าเหลือเกิน ราวกับตัวเองไปยืนดูอยู่ข้างๆ อย่างนั้นแหละ”
“ผู้หญิงของข้าย่อมไม่เหมือนใครอยู่แล้ว นี่อวิ๋น เจ้าก็ควรกลับเมืองหลวงแล้ว”
“ท่านอ๋องไม่กลับหรือ”
มู่หรงนี่อวิ๋นคิดจะกลับเมืองหลวงจริงๆ เรื่องราวที่นี่จบลงแล้ว หลิงอวี้จื้อและเซียวเหยี่ยนก็ควรจะต้องกลับแล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินคำนี้ เขาจึงตกใจมาก
“ข้างอยากจะกลับเมืองหลวงกับหลิงอวี้จื้อโดยลำพัง เจ้าตามมาด้วยไม่เหมาะ ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับเมืองหลวงไปก่อน มิเช่นนั้นท่านมหาเสนาบดีมู่หรงกับไทเฮาคงจะร้อนใจ”
เซียวเหยี่ยนเอ่ยปากเอง มู่หรงนี่อวิ๋นคงหน้าด้านตามไปไม่สะดวก ประกอบกับการตามไปด้วยคราวนี้ จะต้องเห็นแต่ภาพน่ารำคาญใจแน่นอน ถึงเวลานั้นต้องมองสองคนพลอดรักหวานซึ้งกัน เขาดูไปก็คงทุกข์ใจ ไม่มองเสียก็ไม่ต้องเห็น
คิดถึงตรงนี้ มู่หรงนี่อวิ๋นก็รับคำ
“ท่านอ๋องพูดถูก ข้าควรกลับไปแล้วจริง ๆ”
พูดจบมู่หรงนี่อวิ๋นก็เตรียมจะไป เพิ่งหมุนตัวไป เสียงของเซียวเหยี่ยนก็แว่วมา
“นี่อวิ๋น หากวันใดมีโอกาส ข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน”
ถึงแม้จะมิได้ชี้ชัดว่าเป็นเรื่องใด แต่ในใจมู่หรงนี่อวิ๋นกลับรู้ดีว่าเซียวเหยี่ยนหมายถึงอะไร เขานึกว่าตนเองแอบซ่อนไว้ดีมาก นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะมองออก แต่คนที่ควรจะรู้เรื่องที่สุดดันไม่รู้เรื่องอะไรเลย
มู่หรงนี่อวิ๋นหันมา เก็บซ่อนรอยยิ้มบนดวงตาลูกท้อของเขา ตอบกลับอย่างจริงจัง
“คำที่ข้าจะพูดต่อไปนี้อาจจะฟังดูกระด้างกระเดื่องไปสักหน่อย แต่ข้าก็ยังต้องพูด นางเป็นผู้หญิงที่ดี หวังว่าท่านอ๋องจะดูแลนางอย่างดี นี่เป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดแล้วขอรับ”
พูดจบมู่หรงนี่อวิ๋นก็จากไป
เซียวเหยี่ยนไม่พูดอะไร เขาย่อมดูแลหลิงอวี้จื้อดีอยู่แล้ว นี่เป็นผู้หญิงที่เขายอมรับแล้ว
หลิงอวี้จื้อลงมาจากป้อมกำแพงเมือง ตายังคงแดงอยู่ เซียวเหยี่ยนยื่นมือออกมาจับมือเธอ หลิงอวี้จื้อยืนตากลมหนาวอยู่บนนั้นตั้งนาน มือเย็นเฉียบ เห็นเซียวเหยี่ยนกุมมือเธอ เสียงยังคงขึ้นจมูก
“อย่างไรมือของท่านก็ยังอบอุ่นอยู่ดี”
“อวี้จื้อ เมื่อครู่ลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่ลำบากเพคะ สามารถเปลี่ยนจากสงครามเป็นสันติภาพได้นั้นดีที่สุดแล้ว ตำบลเถาหยวนชำรุดทรุดโทรมสาหัสแล้ว ไม่อยากให้ตำบลเถาหยวนเกิดเรื่องใดอีกแล้วจริงๆ เรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องที่ข้าถนัด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าดีที่สุดแล้ว เมื่อครู่ข้าไม่ได้แสดงละครทั้งหมดนะ ข้านึกถึงหนานเยียนจริงๆ เป็นความรู้สึกที่แท้จริง”
“ข้าจะแก้แค้นให้หนานเยียน”
“อืม ข้ารู้”
“อวี้จื้อ พวกเราควรกลับเมืองหลวงแล้ว”
“ได้เพคะ”
“เชื่อฟังขนาดนี้เชียว”
หลิงอวี้จื้อเงยหน้า พูดว่า
“หากท่านรังเกียจที่ข้าเชื่อฟังเกินไป เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกลับแล้วกัน! อยู่ที่ตำบลเล็กๆ นี้จนตราบสิ้นดินฟ้า ข้าได้ทั้งนั้น อย่างไรก็มีท่านอยู่ ข้าอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น”
เซียวเหยี่ยนลูบจมูกหลิงอวี้จื้อ
“เชื่อฟังข้าดีกว่า”
หลิงอวี้จื้อยิ้ม กอดแขนเซียวเหยี่ยนแน่น เมื่อครู่ร้องไห้ไปยกหนึ่ง รู้สึกสบายใจขึ้นพอสมควร หลายวันมานี้เธอคอยสะกดอารมณ์ตนเองไว้ตลอด ทั้งตำบลเถาหยวนหดหู่อย่างยิ่ง บรรยากาศหดหู่ปกคลุมไปทุกหนแห่ง หวังว่าต่อไปตำบลเถาหยวนจะดีขึ้น ฟื้นคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว
ออกมานานขนาดนี้ พวกเขาควรจะกลับไปแล้วจริงๆ และไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ที่เมืองหลวงเป็นอย่างไร
…..
ณ วังฉางเล่อกง
มู่หรงกวานเย่ว์เอนกายบนเก้าอี้ไม้พะยูงแกะสลักฉลุลาย จุดไม้จันทน์แดงในห้อง จื่ออียืนบีบนวดไหล่ให้มู่หรงกวานเย่ว์อยู่ข้างหลัง มู่หรงกวานเย่ว์หรี่ตาลง ผ่านไปนานถึงเอ่ยขึ้น
“ทางนั้นส่งข่าวคราวอะไรมาบ้าง”