ตอนที่ 552 แพ้ไม่ไหวอีกแล้ว
“สิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของท่านอ๋อง เดิมทีข้าอยากเก็บไว้เอง ไว้เป็นที่ระลึก ท่านอ๋องย้ำซ้ำๆ ว่าต้องเอาสิ่งนี้กลับมาให้ได้
ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว เก็บมันไว้ ก็รังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้ข้าไม่รู้จบ ข้าอยากใช้ชีวิตเลี้ยงลูกอย่างคนธรรมดาๆ ไม่อยากมีส่วนร่วมในความถูกต้องหรือผิดพลาดอีกต่อไปแล้ว”
ลู่ซูหว่านคิดดีแล้วจริงๆ นางรู้ว่าเว่ยอ๋องให้นางกลับไปเอามุกเมฆาสวรรค์ก็เพียงเพราะยังไม่ยอมแพ้ เขาหวังกับลูกในท้องของลู่ซูหว่านไว้สูง หวังว่าสักวันจะได้ครองบัลลังก์ฮ่องเต้
แต่ลู่ซูหว่านไม่อยากให้ลูกไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว ก่อนหน้านี้นางก็มีความทะเยอทะยาน ใจคิดแต่อยากจะเป็นไทเฮา ผ่านการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงครั้งนี้ไปแล้ว นางก็ไม่กล้าเอาความคาดหวังเช่นนี้ไปใส่ตัวลูก นางแพ้ไม่ไหวอีกแล้ว
เว่ยอ๋องเคยให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล้ว ชี้ชัดว่าทารกในครรภ์นางเป็นเพศชาย ดังนั้นถึงได้พยายามสุดความสามารถที่จะรักษาเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวคนนี้เอาไว้
ลู่ซูหว่านก็เคยหวั่นไหวไปด้วย หวังว่าใจเด็กมีความอยากเป็นใหญ่ อย่างไรเขาก็เป็นสมาชิกราชวงศ์ แต่เมื่อครู่เกือบเสียลูกไป นางกลับคิดได้แจ่มแจ้งแล้วว่า มีชีวิตที่ดีถึงจะสำคัญที่สุด เหตุใดจะต้องเดินไปบนเส้นทางที่ยากลำบากที่สุด ในเมื่อให้เขาได้เป็นคนธรรมดาจะดีกว่า
“เจ้าคิดเช่นนี้ก็ดี บุตรของบรรดาอ๋องและฮ่องเต้ช่างลำบากจริงๆ กลอุบายร้อยแปดพันประการ หากสามารถเลือกหนีไปได้ การหนีไปก็เป็นเรื่องที่ดี”
หลิงอวี้จื้อเห็นแววตาของลู่ซูหว่านมีความเหนื่อยล้า ก็รู้ว่านางเกิดความคิดจะถอยแล้ว นี่น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เมื่อก่อนหลิงอวี้จื้อถามเซียวเหยี่ยน กลัวว่าต่อไปลูกชายของลู่ซูหว่านจะมาล้างแค้นหรือไม่ เซียวเหยี่ยนทำหน้าไม่ยี่หระขณะบอกว่า หากเขากล้ามาล้างแค้น เช่นนั้นเขาก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
เซียวเหยี่ยนกล้าปล่อยลูกชายลู่ซูหว่านไป เพราะเขาระมัดระวังมากพอ ความเป็นไปได้เล็กน้อยที่ยังมิอาจรู้ได้ เขาไม่เอามาใส่ใจ
จากนั้นลู่ซูหว่านก็บอกเบาะแสของมุกเมฆาสวรรค์กับหลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อให้มั่วชิงไปเอา จากนั้นก็กลับห้อง
ตอนที่เซียวเหยี่ยนกลับมา มั่วชิงเอามุกเมฆาสวรรค์มาแล้ว หลิงอวี้จื้อพินิจพิเคราะห์ไข่มุกโปร่งใสในมืออย่างใคร่รู้ มองแวบแรกนึกว่าเป็นลูกแก้ว ไม่ได้มีลักษณะอะไรเป็นพิเศษ
เพียงแต่พอจับดูแล้วก็ไม่เหมือนแก้ว แต่คล้ายหินหยก เป็นหินหยกโปร่งใส นี่กลับกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่
นอกจากนั้นลู่ซูหว่านยังพูดถึงหินอาตมัน หรือว่าไข่มุกนี้กับหินอาตมันมีความเกี่ยวข้องกัน หินอาตมันเกี่ยวพันถึงการข้ามภพของเธอ เช่นนั้นจะเข้าใจได้ใช่หรือไม่ว่าไข่มุกเม็ดนี้ กับการข้ามพบของเธอก็มีความเกี่ยวพันกันด้วย
ตอนที่เซียวเหยี่ยนเดินเข้ามาในห้อง หลิงอวี้จื้อกำลังเหม่อลอยขณะถือมุกเมฆาสวรรค์อยู่ เขาเรียกหนึ่งคำ หลิงอวี้จื้อก็ตกใจทันที ไข่มุกเมฆาสวรรค์ในมือตกลงบนพื้น กลิ้งไปตรงข้างเท้าเซียวเหยี่ยนพอดี
เซียวเหยี่ยนก้มตัวลงเก็บไข่มุกขึ้นมา เดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ
“เจ้าได้ของสิ่งนี้มาจากไหน”
หลิงอวี้จื้อกระโดดผึงขึ้นจากตั่ง กอดแขนเซียวเหยี่ยน
“ลู่ซูหว่านให้ข้ามา นางบอกว่าสิ่งนี้คือมุกเมฆาสวรรค์ สิ่งนี้คืออะไรกันแน่เพคะ”
“ไข่มุกเมฆาสวรรค์อยู่ในครอบครองของเว่ยอ๋องจริงๆ”
เซียวเหยี่ยนตกใจพอสมควร กำไข่มุกแน่น จากนั้นก็อธิบายให้หลิงอวี้จื้อรู้จัก
“อวี้จื้อ เมื่อก่อนข้าเคยพูดถึงหินอาตมันไปแล้ว มุกเมฆาสวรรค์ใช้ในการเปิดผนึกหินอาตมัน
หินอาตมันถูกวางไว้บนแท่นแสงดาว หากหยิบหินอาตมันลงมาจากแท่นแสงดาวแล้ว พลังข้างในนั้นก็จะค่อยๆ ผนึกปิด
แท่นแสงดาวจะถูกเปลี่ยนทุกๆ ห้าปี เปลี่ยนครั้งหนึ่งใช้เวลาสามปี เช่นนี้จึงจะสามารถสร้างแท่นแสดงดาวใหม่ได้
จะวางหินอาตมันลงบนแท่นแสงดาวอีกครั้ง ก็ต้องใช้มุกเมฆาสวรรค์ในการเปิดผนึกพลังงานภายใน ปีนั้นเมื่อหินอาตมันถูกขโมยไปแล้ว มุกเมฆาสวรรค์ก็ถูกขโมยไปเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าสิ่งนี้จะไปอยู่ในมือของเว่ยอ๋อง”
“มุกเมฆาสวรรค์ก็เท่ากับว่าเป็นกุญแจเปิดผนึกหินอาตมันใช่หรือไม่เพคะ”
ตอนที่ 553 ดีจริงที่มีท่าน
เซียวเหยี่ยนพยักหน้า
“จะอธิบายเช่นนี้ก็ได้ เมื่อหินอาตมันเปิดแล้วก็จะมีลำแสงสาดส่องออกมา ใช้สิ่งนี้ในการปกป้องดวงเมือง ตอนนี้พลังข้างในหินอาตมันถูกปิดผนึกแล้ว ตอนนี้จึงเป็นแค่สร้อยข้อมือธรรมดา หลายปีมานี้เจียงสือต้องกำลังตามหามุกเมฆาสวรรค์อยู่แน่นอน”
เช่นนี้ก็หมายความว่าเมื่อใดที่หินอาตมันถูกเปิดแล้ว ตนเองก็สามารถข้ามภพกลับไปโลกปัจจุบันได้สิ
เห็นหลิงอวี้จื้อตะลึง เซียวเหยี่ยนก็โอบไหล่หลิงอวี้จื้อ ถามเสียงต่ำว่า
“อวี้จื้อ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
“ไม่ ไม่มีอะไรเพคะ”
หลิงอวี้จื้อส่ายหน้า ตนเองกำลังคิดเพ้อเจ้ออะไร ไม่ใช่ทิ้งความคิดจะกลับไปยุคปัจจุบันตั้งนานแล้วเหรอ ถือเสียว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น แล้วอยู่ข้างกายเซียวเหยี่ยนตลอดไป
หากไม่ใช่เพราะวันนี้ได้ฟังเรื่องของมุกเมฆาสวรรค์ เธอก็เกือบลืมสร้อยข้อมือหินอาตมันไปแล้ว เพราะไม่อยากไปจากเซียวเหยี่ยน เธอจึงไม่คิดถึงประเด็นเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว ถือเสียว่าตนเองไม่เคยได้ของสิ่งนี้มา
หลิงอวี้จื้อไม่อยากพูด เซียวเหยี่ยนก็ไม่ได้ซักต่อ
เห็นบนโต๊ะมีชาน้ำผึ้งส้มโออยู่ เขาก็ลุกขึ้นรินชาน้ำผึ้งส้มโอหนึ่งแก้ว เดิมทีเขาไม่ชินกับรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ เช่นนี้ ตั้งแต่รู้ว่าหลิงอวี้จื้อชอบดื่มแล้ว เขาก็ค่อยๆ รับรสชาติของชานี้ได้ ตอนนี้ถึงกับต้องดื่มสักแก้วสองแก้วทุกวัน
เห็นเซียวเหยี่ยนรินชาน้ำผึ้งมะนาวอีก เธอก็เรียกเขาทันที
“อาเหยี่ยน รินให้ข้าแก้วหนึ่งด้วย”
เซียวเหยี่ยนรินชาตามที่หลิงอวี้จื้อบอก ตอนนี้นับวันหลิงอวี้จื้อก็เรียกเขาได้ถนัดปากมากขึ้น แต่ว่าเซียวเหยี่ยนก็ยินดีมาก ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เขาก็ยินดีไปเสียหมด
เซียวเหยี่ยนยื่นชาให้หลิงอวี้จื้อ เธอจิบหนึ่งคำ ทำหน้าดื่มด่ำ
“นี่แหละคือรสชาติดีงามในโลกมนุษย์ อาเหยี่ยน ไข่มุกเมฆาสวรรค์นี้ข้าให้ท่านเก็บไว้ จะว่าไปนี่ก็เป็นสมบัติล้ำค่า ไม่แน่อาจจะเป็นประโยชน์กับท่าน”
“สำหรับข้า ของเหล่านี้มิได้มีประโยชน์อะไรนัก ข้าไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะรักษาดวงเมืองได้ แต่คนอื่นเชื่อในสิ่งนี้ เก็บไว้ก็ไม่เสียหาย ไม่แน่เวลาคับขันอาจจะเอามาใช้ได้”
“คนอื่นเชื่อก็ดีแล้ว นี่ก็เป็นของไว้ต่อรองได้ อาเหยี่ยน ข้าเก็บลู่ซูหว่านเอาไว้ เฉินปี้ก็รู้เรื่องนี้ หากนางเอาเรื่องนี้ไปบอกไทเฮา แล้วลู่ซูหว่านจะเป็นอันตรายหรือไม่”
เซียวเหยี่ยนครุ่นคิด
“ไทเฮาคงไม่มาสนใจเรื่องของพวกผู้หญิงหรอก ถึงเวลาพวกเราจัดคนพาลู่ซูหว่านไปส่งนอกเมือง นางอยู่ในวังอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่มีใครกล้าค้น”
ประเด็นนี้หลิงอวี้จื้อเชื่อ ใครจะกล้าบ้าบิ่นเข้ามาค้นจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ถึงแม้เฉินปี้จะบอกมู่หรงกวานเย่ว์ก็ไม่เป็นอะไร เรื่องลู่ซูหว่านตั้งครรภ์มีเพียงพวกเขาสองสามคนที่รู้ มู่หรงกวานเย่ว์คงไม่ทำอะไรลู่ซูหว่าน อย่างมากนางก็ถือเสียว่าเป็นแค่หญิงเร่ร่อนที่ไม่มีที่พึ่งพิง
หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปโอบเอวเซียวเหยี่ยน ทำตัวเหมือนเด็กพูดว่า
“ดีจริงที่มีท่าน”
“ตอนนี้เพิ่งรู้หรือ”
“รู้มาตลอดเลย ดังนั้นจึงอยากแต่งงานกับท่านจนแทบรอไม่ไหว”
หลิงอวี้จื้อค้นพบว่าพอแต่งงานแล้วก็หน้าหนาขึ้น ไม่กลัวที่จะพูดคำพูดน่าอายเหล่านี้แล้ว
คำพูดนี้ใช้ได้ผลกับเซียวเหยี่ยนมาก เขายื่นมือไปลูบจมูกหลิงอวี้จื้อ
“พวกเราไปเดินเล่นที่เรือนด้านหลังกันเถิด”
“เพคะ ไปตอนนี้เลย”
หลิงอวี้จื้อกระตือรือร้นมาก ดึงมือเซียวเหยี่ยนจะไปออกไป เหมือนกับนกน้อยร่าเริงอย่างไรอย่างนั้น เดินกระโดดเด้งดึ๋งไป ไม่เหมือนพระชายาเลยสักนิด เหมือนกับเด็กน้อยที่อยากออกจากบ้านมากกว่า
แต่แน่นอนว่าเธอรู้จักกาลเทศะ เวลาที่ต้องสำรวม เธอก็จะสำรวมอย่างยิ่ง ในฐานะเป็นนักแสดง สำหรับเธอ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย
เซียวเหยี่ยนก็ตามใจเธอเสมอ ทุกครั้งที่เห็นเธอดีใจเช่นนี้ ความเหนื่อยล้าทั้งวันก็มลายหายไปสิ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
เธอคือผลไม้แห่งความสุขของเขา เป็นเช่นนี้ตลอดมา จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีชีวิตชีวาขึ้นเพราะมีเธอ เมื่อก่อนมีแต่ความหดหู่