ตอนที่ 626 ความไม่พอใจของเฉินปี้
เมื่อหลิงอวี้จื้อกลับมา เฉินม่อฉือก็ไปเสียแล้ว เมื่อเห็นว่าเขาไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็โล่งอกยิ่ง หากยังไม่ไปอีก เธอคงต้องบ้าแน่ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดี
เธอหลับมาตลอดทาง ตอนที่อยู่ในรถม้าหากง่วงมากๆ เธอก็แค่พักหลับตาครู่หนึ่งเท่านั้น กว่าจะได้นอนเตียงแบบนี้ เธออาบน้ำเสร็จจึงนอนเลยทันที
ขณะกำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีเสียงบางอย่างดังอยู่ภายในห้อง เธอหาวแล้วลืมตาขึ้นแต่ก็ต้องตกใจกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
หลิงอวี้จื้อตกใจจนตะโกนออกมาคำหนึ่ง แต่ไม่มีใครเข้ามาเลย แม้แต่เสียงฝีเท้าวิ่งอลหม่านก็ไม่มี เธอมั่นใจว่าตัวเองตื่นแล้ว ไม่ได้กำลังฝันอยู่แน่ๆ
ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฉินปี้ที่ผมเผ้ากระจายยุ่งเหยิง
นางสวมเสื้อผ้าสีขาว ใบหน้าขาวซีดคล้ายผีในโทรทัศน์ เธอจำได้ว่าตอนเธอจากที่นี่ไป เฉินปี้ยังไม่ตาย แล้วทำไมถึงมาโผล่ตรงหน้าเธอได้ และยังมีสภาพน่าสยดสยองเช่นนี้อีก หรือนางได้ตายไปแล้วในช่วงห้าปีนี้
“หลิงอวี้จื้อ เจ้าตายแล้วแท้ๆ แต่กลับมาในร่างผู้อื่นอีก”
เฉินปี้ยิ้มน้อยๆ ภายใต้แสงสะท้อนของดวงจันทร์กลับยิ่งทำให้รอยยิ้มนั้นดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง มันทำให้รู้สึกขนลุกขนพอขึ้นมา
หลิงอวี้จื้อสงบสติอารมณ์ตนได้แล้ว ตอนที่เฉินปี้เป็นคนเธอยังไม่กลัว นับประสาอะไรกับเป็นผี เธอหันไปยิ้มให้เฉินปี้และเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าจำคนผิดแล้ว”
“ข้าไม่มีทางจำคนผิด ต่อให้เจ้าเป็นเถ้าถ่านข้าก็ยังจำได้”
“เจ้าเกลียดข้าเพียงนั้นเลยหรือ ตอนแรกเจ้าเป็นคนวางแผนแทรกแซงความสัมพันธ์ของข้ากับอาเหยี่ยน แต่เจ้าล้มเหลว กลับมาแค้นข้า ทั้งที่เจ้าทำตนเองแท้ๆ เจ้าก็ตายแล้วเช่นกันหรือ ผู้ใดกันช่างมีคุณธรรมนักถึงได้สังหารเจ้าไปเสียที ข้าคงต้องไปขอบคุณเขาเสียหน่อยแล้ว”
“เจ้ากลับมาทำไม เจ้าตายไปตั้งห้าปี คิดว่าเจ้ายังจะมีวาสนากับเซียวเหยี่ยนอีกหรือ ข้าจะบอกให้ หลิงอวี้จื้อ เซียวเหยี่ยนเขาลืมเจ้าไปนานแล้ว”
“เขาจะลืมข้าแล้วหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับเจ้าหรือ เฉินปี้ เป็นผีก็อยู่ส่วนผี ไม่ต้องมายุ่งเรื่องผู้อื่น ตอนเป็นคนยังทำอะไรข้าไม่ได้ คิดว่าเป็นผีแล้วข้าจะกลัวหรือ”
หลิงอวี้จื้อไม่เห็นเฉินปี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด น้ำเสียงที่ดูแคลนนั้นทำให้เฉินปี้รู้สึกโมโหขึ้นมา “เจ้า…”
“ข้าทำไม”
“ผีก็โกรธเป็นหรือ”
หลิงอวี้จื้อเอ่ยแดกดันด้วยรอยยิ้มตาหยีคราหนึ่ง พลันมองไปเห็นเงาของเฉินปี้ เธอจึงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเฉินปี้ยังไม่ตาย แต่เหตุใดต้องมาที่นี่ ทั้งยังพูดจาไร้สติเช่นนี้กับนางอีก หรือว่า…
ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกทำให้ความคิดของหลิงจื้ออวี้ต้องหยุดลง เฉินม่อฉือเดินเข้ามาทันที เขาไม่แม้จะให้โอกาสหลิงอวี้จื้อได้พูดอะไรก็ดึงนางเข้าไปกอดไว้ในอกทันที “อวี้จื้อ เจ้ากลับมาแล้วจริงๆ”
ทั้งหมดเป็นแผนการของเฉินม่อฉือนั้นเอง เขาบ้าไปแล้วใช่หรือไม่ ถึงได้ใช้เฉินปี้มาลองใจเธอเพียงเพราะความสงสัยอันน้อยนิดนี้ เขาช่างคิดออกมาได้
ครั้งนี้คงยุ่งยากแน่ เฉินม่อฉือรู้ตัวตนของเธอแล้ว การที่เธอจะไปจากวังหลวงคงยากขึ้นไปอีกแน่
เมื่อเห็นเฉินม่อฉือกอดหลิงอวี้จื้อแน่นเพียงนั้น ความแค้นเคืองก็ได้วูบผ่านแววตาของเฉินปี้ไป เหตุใดนางถึงโชคดีเพียงนี้ เซียวเหยี่ยนรักนาง แม้แต่เฉินม่อฉือก็เอาแต่เฝ้าคิดถึงนางไม่ลืมเลือน ถึงกับให้นางมาลองใจหลิงอวี้จื้อ
เดิมนางคิดว่าช่างเป็นเรื่องน่าขบขันยิ่ง แต่เมื่อครู่ที่พูดคุยกันนางกลับมั่นใจว่าคนตรงหน้าคือหลิงอวี้จื้อ นอกจากหน้าตาแล้ว น้ำเสียงกับท่าทางนั้นเหมือนหลิงอวี้จื้อไม่มีผิด
สวรรค์ช่างเมตตานางนัก นางตายไปแล้วแท้ๆ แต่สวรรค์กลับส่งนางกลับมาอีก เหตุใดนางถึงได้โชคดีเพียงนี้เล่า
เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองต้องพบเจอมาตลอดหลายปีนี้ เฉินปี้ก็ยิ่งรู้สึกไม่ยินยอม
ตอนที่ 627 เรายังคงชอบเจ้าเช่นเดิม
“ฝ่าบาท ปล่อยหม่อมฉันเพคะ”
หลิงอวี้จื้อไม่ชินกับการถูกเฉินม่อฉือกอดเช่นนี้ เธอจึงตัวแข็งไปหมด แล้วดิ้นรนไม่หยุด
เฉินม่อฉือปล่อยหลิงอวี้จื้อแล้วหันไปโบกมือให้เฉินปี้ “เฉินปี้ เจ้าออกไปก่อน!”
“เพคะ ฝ่าบาท”
เฉินปี้ย่อกายถวายพระพร แม้ในใจจะไม่ยินยอมแต่ก็จำต้องถอยออกไป
“ฝ่าบาท เหตุใดเฉินปี้จึงมาอยู่ในวังได้ นางคงมิได้เป็นพระสนมของพระองค์หรอกนะเพคะ” หลิงอวี้จื้อคิดถึงความเป็นไปได้ แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ในเมื่อเฉินม่อฉือรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว เธอก็ไม่คิดจะเสแสร้งต่อไปอีก เฉินม่อฉือไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางถูกหลอกง่ายๆ แน่
“เราจะรับเฉินปี้มาเป็นสนมของเราได้อย่างไรเล่า เสด็จแม่เพียงเห็นนางมีความสามารถจึงให้นางมาเป็นขุนนางหญิงในวัง ความในใจของข้าเจ้าก็รู้ดีมาตลอด”
เฉินม่อฉือทั้งตกใจและดีใจ สายตาเจิดจ้าที่มองหลิงอวี้จื้อนั้นร้อนแรงจนทำให้คนรู้สึกไม่คุ้นชินยิ่ง หลิงอวี้จื้อไม่ชินกับการจ้องมองเช่นนี้ของเฉินม่อฉือเลยจึงเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยแล้วเอ่ยอธิบายอย่างประหม่าว่า “ตอนนั้นฝ่าบาทยังทรงพระเยาว์ ความชอบเช่นนั้นมิอาจนับเป็นความชมชอบได้”
“เหตุใดจึงมินับเล่า เจ้าชอบเห็นเราเป็นเด็กอยู่เรื่อย แม่นางน้อย เราอายุยี่สิบแล้ว มิใช่เด็กน้อยอีกต่อไป ตอนนั้นเจ้าเคยบอกเราว่าที่เราชอบเจ้าเพราะอายุยังน้อย ยังไม่เข้าใจความรัก ตอนนี้ผ่านมาห้าปีแล้ว เรายังคงรักชอบเจ้าเช่นเดิม เจ้าจะว่าอย่างไรเล่า”
หลิงอวี้จื้อกระแอมไอ แล้วตอบไปด้วยท่าทีจริงจังว่า “ใจของหม่อมฉัน ฝ่าบาททรงราบดี ห้าปีก่อนหม่อมฉันรักใคร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเพคะ”
“เจ้าอย่าลืมนะว่าหลิงอวี้จื้อตายไปแล้ว ตอนนี้เจ้าคือเจียงอวี้ นี่เป็นลิขิตสรรค์ แม่นางน้อย วาสนาของเจ้ากับเซียวเหยี่ยนมันขาดไปตั้งนานแล้ว ในเมื่อสวรรค์ส่งเจ้ามาอยู่ตรงหน้าเรา เจ้าก็อย่าได้คิดจะจากไปได้อีกเลย สิ่งที่เซียวเหยี่ยนให้เจ้าได้ เราก็ให้ได้เช่นกัน เจ้าให้โอกาสเราสักครั้ง ในอดีตเราอาจไม่รู้ว่าจะรักใครสักคนต้องทำอย่างไร แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว”
เฉินม่อฉือพูดจบก็กอดหลิงอวี้จื้ออีกครั้ง เดิมเขานั้นร่างสูงใหญ่อยู่แล้ว เมื่อกอดหลิงอวี้จื้อไว้แน่นเช่นนั้นทำให้นางขยับไปไหนไม่ได้เลย
เฉินม่อฉือไม่สนท่าทีขัดขืนของหลิงอวี้จื้อ เขาเอ่ยเสียงต่ำข้างหูเธอว่า “อวี้จื้อ ห้าปีมานี้ เราไม่เคยจูบกับใครเลย เรายังจดจำรสชาติของเจ้าไม่เคยลืม”
วาจาหวานล้ำบอกรักเช่นนี้กลับไม่ได้ทำให้หลิงอวี้จื้อหวั่นไหวเลย ใจของเธอมีคนผู้หนึ่งอยู่ในนั้นจนเต็มแล้ว ที่กลับมาครั้งนี้ก็เพราะเขา ทิวทัศน์ที่ไหนงดงามเพียงไร เธอก็ไม่มีทางไยดี เธอต้องการเพียงได้อยู่กับเซียวเหยี่ยนไปจนแก่เฒ่า
“ฝ่าบาท พระองค์ตั้งสติก่อน ต่อให้หม่อมฉันมีหน้าตาที่เปลี่ยนไป แต่ยังคงเป็นหลิงอวี้จื้อ ยังเป็นภรรยาของอาเหยี่ยน เรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนได้ตลอดกาล นอกจากวิญญาณหม่อมฉันจะสูญสลาย และไม่ได้วนเวียนกลับมาอีก หม่อมฉันคือหลิงอวี้จื้อ การรักใครสักคน สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือการให้เกียรติคนคนนั้น”
หลิงอวี้จื้อหลัวเหลือเกินว่าเฉินม่อฉือจะทำเรื่องอันไม่สมควร
กาลก่อนเขายังเด็ก ทั้งเซียวเหยี่ยนก็เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เขายังไม่มีอำนาจเต็มที่ จึงไม่กล้าทำอะไรเธอ แต่ตอนนี้ทุกอย่างต่างกันโดยสิ้นเชิง เฉินม่อฉือขึ้นปกครองอำนาจด้วยตนเอง แม้แต่ไทเฮาเขายังกล้ากักบริเวณ หากเขาคิดไม่ได้ เธอคงยากจะไปจากเมืองหลวงนี้ได้
“เราไม่สน เรารู้แต่ว่าเราต้องการเจ้า”
พูดจบเขาก็เชยคางหลิงอวี้จื้อเข้ามาใกล้แล้วประทับริมฝีปากลงไปโดยไม่สนว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ หลิงอวี้จื้อกัดริมฝีปากไว้แน่น ในใจโกรธกรุ่นด้วยไฟโทสะ เฉินม่อฉือเสียสติไปแล้วหรือ เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งไม่อาจยั่วยุ
เมื่อเห็นว่าหลิงอวี้จื้อไม่ให้ความร่วมมือ เฉินม่อฉือก็มิได้มีท่าทีโกรธเคืองแต่ก็ไม่ยอมปล่อยหลิงอวี้จื้อเช่นกัน คล้ายว่าหากเขาไม่บรรลุวัตถุประสงค์ก็จะไม่ยอมปล่อยนางเด็ดขาด