ตอนที่ 670 กลับมาก็ดีแล้ว
หลิงอวี้จื้อได้ยินดังนั้นก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ บทสนทนาของทั้งสองฟังดูแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มที่จะได้กลิ่นน้ำเน่าโชยมาเสียแล้ว ทำเอาหลิงอวี้จื้อหัวเราะจนไหล่สั่น
“หากข้าเป็นผู้ชายละก็ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะชอบเจ้าไปแล้ว”
“พระชายา อย่าให้ท่านอ๋องได้ยินเข้าเชียวนะเจ้าคะ”
“หากข้าเป็นชาย ข้าก็จะเป็นพี่น้องของเขา”
“อวี้จื้อ เจ้านี่ชักจะเหิมเกริมขึ้นทุกวันแล้วนะ”
ทันใดนั้นเสียงของเซียวเหยี่ยนก็ดังแว่วเข้ามาจากทางด้านนอก ตามมาด้วยเสียงประตูถูกคนผลักเข้ามา เซียวเหยี่ยนเดินเข้ามาในห้อง ที่ด้านหลังของเขามีหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าเห็นจะได้ตามเข้ามาด้วยท่าทางนอบน้อม
“คืนนี้ต้องลำบากเจ้าดูแลนางด้วย มีเรื่องอะไรเรียกพวกเราได้ตลอดเวลา”
เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ นายท่านวางใจได้เลย ข้าน้อยจะดูแลแม่นางท่านนี้อย่างดีที่สุด”
เซียวเหยี่ยนกำชับเสร็จก็ลากลากหลิงอวี้จื้อที่นั่งอยู่ข้างเตียงออกไปจากห้องทันที
มั่วชิงทอดถอนใจออกมาอย่างโล่งอก หากหลิงอวี้จื้อยังไม่กลับไปละก็ นางก็ไม่รู้ว่าจะมีหน้ารายงานต่อเซียวเหยี่ยนอย่างไรดี ห้าปีที่ผ่านมานี้เซียวเหยี่ยนใช้ชีวิจผ่านมันมาอย่างไร นางที่รับใช้ใกล้ชิดเห็นทุกสิ่งทุกอย่างๆ ชัดเจน
หลังจากเซียวเหยี่ยนลากหลิงอวื้จื้อกลับเข้ามาในห้องแล้ว นางถึงได้เอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“อาเหยี่ยน ท่านป้าคนเมื่อครู่ เจ้าไปหามาจากไหนกัน?”
“เจ้าอยากจะเป็นชาย?”
เห็นได้ชัดว่าเซียวเหยี่ยนและนางมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่แตกต่างกัน
“เอ่อ…ข้าล้อเล่นนะ”
นางเอื้อมมือออกไปกอดแขนเซียวเหยี่ยน
“เรื่องเท่านี้คงไม่ทำเจ้าหึงหวงกระมัง! ข้าเพียงแค่ล้อมั่วชิงเล่นเท่านั้นเอง”
“ต่อให้เจ้ากลายเป็นชาย เจ้าก็ยังเป็นของข้าอยู่ดี”
“รักร่วมเพศ?”
หลิงอวี้จื้อถึงกับพูดไม่ออก
“ข้าไม่ถือสาหากจะหากต้องกลายเป็นหญิง”
“ฮ่าๆ …”
ทันใดนั้นหลิงอวี้จื้อก็หัวเราะร่วนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ท่านเป็นหญิงคิดว่าคงจะไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วยเป็นแน่ ใครจะปราบท่านอยู่กัน”
“เจ้ากล้าแต่งกับก็พอ จะเป็นหญิงหรือเป็นชายก็เพื่อเจ้าทั้งสิ้น”
หลิงอวี้จื้อเหลือบสายตาขึ้นมองเซียวเหยี่ยนด้วยท่าทางตกตะลึง
“ห้าปีมานี้ท่านก้าวหน้าไปไม่น้อยทีเดียวนะ กล่าวคำหวานเป็นแล้วเสียด้วย”
เซียวเหยี่ยนใช้มือประคองแก้มของหลิงอวี้จื้อเอาไว้
“ข้าพูดคุยกับเจ้าทุกวัน เพราะสำหรับข้าแล้ว เจ้าไม่เคยจากไปไหน”
หลิงอวี้จื้อได้ยินดังนั้นก็เริ่มแสบจมูก นางเอื้อมมือออกมาโอบรัดเอวแกร่งไร้ซึ่งไขมันของเซียวเหยี่ยนเอาไว้
“ข้าก็มิได้จากไปไหนนะสิ ข้าเพียงแต่หลับไปและฝัน เมื่อตื่นจากฝันข้าก็กลับมาอีกครั้ง”
เซียวเหยี่ยนยกมือโอบหลิงวอี้จื้อเอาไว้แล้วรั้งนางเข้ามาในอ้อมอก กกกอดนางเอาไว้แน่นด้วยแรงมหาศาลจนหลิงอวี้จื้อเกือบหายใจไม่ออกกระทั่งนางต้องบิดกายประท้วงเล็กน้อย เซียวเหยี่ยนถึงได้ยอมคลายอ้อมกอด
“อวี้จื้อ กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
“ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลย ว่าท่านไปหาป้าคนเมื่อครู่ไปหามาจากไหนกัน?”
จู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็เอ่ยปากถามขึ้น เซียวเหยี่ยนหยักยิ้มที่มุมปาก
“เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ?”
“ไม่สำคัญ ข้าเพียงแต่อยากรู้เท่านั้นเอง”
หลิงอวี้จื้อเงยหน้าขึ้น มองเซียวเหยี่ยนตาปริบๆ ร่างใหม่ของนางนี้สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องเขย่งปลายเท้าก็เอื้อมถึงจมูกของเซียวเหยี่ยน จึงพอที่จะกล้อมแกล้มประสานสายตากับเขาได้
เซียวเหยี่ยนสีหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว เขายื่นมือมาบีบจมูกหลิงอวี้จื้อน้อยๆ แล้วจึงเอ่ยปาก
“นางคือฮูหยินของเฒ่าแก่โรงเตี๊ยม จ่ายมากสักหน่อย นางถึงได้ยินยอมมาดูแลมั่วชิง เจ้านะซุ่มซ่ามนัก ดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะดูแลมั่วชิงได้อย่างไรกัน”
“ใครบอกว่าข้าซุ่มซ่ามกัน ข้าดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีต่างหากเล่า”
หลิงอวี้จื้อสีหน้าไม่ยอมรับ
เซียวเหยี่ยนโน้มกายลงกระซิบที่ข้างหูหลิงอวี้จื้อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า
“เจ้ามาดูแลข้าจะดีกว่า”
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหน้าแดง
“นี่ต่างหากคือจุดประสงค์ของเจ้าสินะ”
“อวี้จื้อ สิ่งที่เจ้าติดค้างข้าเอาไว้เจ้าต้องชดเชยกลับคืนมาทั้งหมด”
“ห้าปีเชียวนะ เช่นนั้นข้ามิเหนื่อยตายหรอกหรือ”
หลิงอวี้จื้อบ่นกระปอดกระแปด กล่าวจบก็กลับรู้สึกว่าออกจะเปิดเผยเกินไปสักหน่อย นางจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพื่อกลบเกลื่อนใบหน้าแดงระเรื่อของตน
“ข้า…”
“กระหายอีกแล้วหรือ?”
ตอนที่ 671 สายตาของข้าช่างแหลมคมยิ่งนัก
พลันหลิงอวี้จื้อก็เกิดคิดถึงเรื่องน่าอายในวันแต่งงานคืนแรกขึ้นมาได้ นางทุบเซียวเหยี่ยนเบาๆ
“ข้าไม่กระหาย ข้าหิว”
“ข้าจะให้เฒ่าแก่นำของว่างขึ้นมาให้เจ้า”
“ไม่ต้องหรอก ข้ากินเจ้าแทนจะดีกว่า”
หลิงอวี้อวี้จื้อบากหน้าเย้ายวนเซียวเหยี่ยน เพราะนางมักจะเป็นผู้ตามทุกครั้งไป คราวนี้นางจะต้องชิงเอาอำนาจในการเป็นผู้นำกลับมาให้ได้
เห็นได้ชัดว่าเซียวเหยี่ยนคาดไม่ถึงเลยว่าหลิงอวี้ตื้อกล่าวกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้ ราชนิกูลหนุ่มเอื้อมมือออกมาเชยคางหญิงสาวขึ้น
“ข้าอนุญาต”
กล่าวจบ เขาก็ประกบจูบแนบลงบนริมฝีปากของหลิงอวี้จื้อ หลังจากจุมพิตอันแสนลึกซึ้งผ่านพ้นไป เซียวเหยี่ยนก็อุ้มหลิงอวี้จื้อตรงไปที่เตียง ซึ่งหลิงอวี้จื้อก็เอาแต่ซุกหน้าลงแนบอกเซียวเหยี่ยนโดยตลอด นับจากนี้พวกเขาไม่แยกจากกันอีกต่อไป
ในค่ำคืนนี้หลิงอวี้จื้อเหน็ดเหนื่อยอย่างที่สุด ด้วยเหตุนี้เองทำให้นางสลบไสลและตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเวลาเที่ยงวันของวันรุ่งขึ้นทีเดียว ซึ่งในตอนที่นางลืมตาตื่นขึ้นมานั้น หมอนข้างกายก็ว่างเปล่าเสียแล้ว และเมื่อนางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวาน ใบหน้าของนางก็ร้อนฉ่า หลิงอวี้จื้อรีบลุกจากเตียงสวมใส่เสื้อผ้า ทว่านางพบว่าตนเองมีอาการแข้งขาอ่อนเล็กน้อย
‘อีกเดี๋ยวจะต้องตำหนิติตัวการของเรื่องสักหน่อยเสียแล้ว’
หลิงอวี้จื้อเพิ่งจะสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยได้ไม่นาน เซียวเหยี่ยนก็ผลักประตูเข้ามา สายตาของเขาที่ทอดมองมาอ่อนโยนประหนึ่งสายน้ำอย่างไรอย่างนั้น
“ตื่นแล้วหรือ?”
“หากยังไม่ตื่นอีก ดวงอาทิตย์จะต้องลับขอบฟ้าแล้วเป็นแน่”
หลิงอวี้จื้อกล่าวไป พลางก็ลูบท้องตนเองไปด้วย
“ข้าหิวจังเลย”
กล่าวจบก็เสริมขึ้นเองอีกประโยคว่า
“ข้าไม่กินท่านแล้ว ข้าหิวจริงๆ นะ”
เซียวเหยี่ยนที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหัวเราะออกมาเลยทีเดียว
“ได้ ไม่กินข้า เจ้าจะกินข้าว”
“ยังจะมาหัวเราะอีก ท่านไม่รู้หรืออย่างไรว่าร่างนี้ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน”
กล่าวจบหลิงอวี้จื้อก็เป็นฝ่ายหน้าแดงเสียเอง ซึ่งในตอนนั้นเองเป็นเวลาเดียวกันกับที่ฮูหยินของเฒ่าแก่โรงเตี๊ยมยกสิ่งจำเป็นสำหรับล้างหน้าทำกิจวัตรประจำวันเข้ามา เมื่อนางย่างก้าวเข้ามาในห้องก็เอ่ยทักทายทั้งสองอย่างเป็นมิตร
“ฮูหยิน ท่านตื่นแล้วก็ล้างหน้าสักหน่อยนะเจ้าคะ! สำรับเตรียมเสร็จแล้ว อีกเดี๋ยวข้าน้อยจะไปยกเข้ามาให้เจ้าค่ะ!”
“รบกวนฮูหยินแล้ว”
หลิงอวี้จื้ออึกอัดกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมากนางรู้สึกราวกับถูกคนมองจนทะลุปรุโปร่งไปเสียหมด
“อวี้จื้อ เรื่องธรรมชาติของมนุษย์เรา เจ้าเองก็ไม่ต้องเขินอายไปหรอก ฮูหยินเถ้าแก่นางอาบน้ำร้อนมาก่อน”
หลิงอวี้จื้อหันปถลึงตาใส่เซียวเหยี่ยน
“ข้ามิได้หน้าหนาหน้าทนเหมือนท่านสักหน่อย มั่วชิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“นางดีขึ้นมากแล้ว วันนี้เริ่มมีเรี่ยวแรง สามารถเดินเหินได้ พวกเราจึงต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
หลิงอวี้จื้อพยักหน้ารับรู้
“อื้ม อาเหยี่ยน ยังมีอีกเรื่อง เราจำเป็นต้องส่งคนตามหาเจียงสือ เพราะมีนางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยชีวิตมั่วชิงได้”
“ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง รีบล้างหน้าเถอะ”
หลิงอวี้รีบทำกิจวัตรประจำวันของตนเองให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว นางหิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้ว หากมิใช่เพราะท้องหิวละก็ นางคิดว่าตนเองสามารถหลับได้ยาวๆ จนกระทั่งฟ้ามืดอีกครั้งก็ยังได้
เพิ่งจะจัดการทำธุระส่วนตัวจนแล้วเสร็จ ฮูหยินของเฒ่าแก่โรงเตี๊ยมก็ยกสำรับเช้าเข้ามา ซึ่งเป็นอาหารอย่างง่ายๆ ประกอบด้วยข้ามต้มขาวหนึ่งชาม ปลาท่องโก๋และซาลาเปาอีกสองลูก
“มากมายขนาดนี้เชียว”
เมื่อหลิงอวี้จื้อเห็นสำรับเช้าบนโต๊ะ นางจึงหยิบซาลาเปาลูกหนึ่งใส่มือเซียวเหยี่ยน
“อาเหยี่ยน เจ้ากินเป็นเพื่อนข้าที”
“ได้สิ”
เซียวเหยี่ยนทอดมองไปยังหลิงอวี้จื้อด้วยแววตาแสนรัก เขารับเอาซาลาเปาที่นางส่งให้ขึ้นมากัดคำหนึ่ง และเมื่อเห็นนางกินอาหารด้วยท่าทางหิวโหย ทำให้เขาอดมิได้ที่จะต้องร้องเตือนขึ้นมาว่า
“อวี้จื้อ ช้าๆ หน่อย เดี๋ยวติดคอไป”
“ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว”
หลิงอวี้จื้อตอบกลับมาหนึ่งประโยคในขณะที่ปากยังเคี้ยวอาหารไม่เสร็จดี ส่วนเซียวเหยี่ยนเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
ท่าทางการกินของเขาตรงกันข้ามกับหลิงอวี้จื้ออย่างชัดเจน คนหนึ่งค่อยๆ เคี้ยวจนละเอียดแล้วจึงกลืนลงไป ส่วนอีกคนกินเข้าไปแทบไม่เคี้ยวก็กลืนลงไปทันที
เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อเช่นนี้แล้ว ในใจของเซียวเหยี่ยนรู้สึกอิ่มเอมใจยิ่งนัก
‘นางกลับมาแล้ว’
หลิงอวี้จื้อจัดการสำรับเช้าที่ฮูหยินของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมจัดมาให้จนเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว กระทั่งปาท่องโก๋คำสุดท้ายถูกกินเข้าไปนั่นแหละนางถึงได้หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากเล็กน้อย มือก็ลูบท้องที่ตึงแน่นเอ่ยว่า
“โรงเตี๊ยมแห่งนี้ปรุงสำรับเช้าได้ไม่เลวทีเดียว รสมือเยี่ยมยอด”
“เงื่อนไขของเจ้าไม่สูงอยู่แล้ว”
“ใครบอก หากว่าเงื่อนไขของข้าไม่สูงละก็ จะแต่งงานกับท่านได้อย่างไร”
เซียวเหยี่ยนขยีศรีษะหลิงอวี้จื้อ
“จริงสินะ”