ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1663 ใครกันที่หยิ่งยโส ?

ตอนที่ 1663 ใครกันที่หยิ่งยโส ?

ตอนที่ 1663 ใครกันที่หยิ่งยโส ?
“ข้าเข้าใจแล้ว !” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นมา “เจ้าน่าจะมีความ
แข็งแกร่งระดับผู้ควบคุมขั้น 2 แต่ไม่ได้เข้ารับการทดสอบขั้น 1
ดังนั้นจึงไม่ได้ตราของผู้ควบคุมขั้น 1 มาใช่รึไม่ ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันสงบลง
หากจางหยูเป็นผู้ควบคุมขั้น 2 งั้นมันก็พอเข้าใจได้
แน่นอนถึงเป็นผู้ควบคุมขั้น 2 แต่การผ่านการทดสอบเร็วแบบนี้ก็ไม่
อาจจะประมาทเขาได้
จางหยูมองไปที่ชายวัยกลางคนและยิ้มออกมา “เจ้าก็พอจะมีตานิ”
นี่เท่ากับเขายอมรับที่ชายวัยกลางคนพูดมาแต่อีกฝ่ายพูดถูกแค่เพียง
ครึ่งเดียวเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าขั้น 1 จริง ๆ แต่ก็
มากกว่าขั้น 2 อีก
ฉินเฟยที่แทบใจสลาย แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน
เขาก็พอใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ไม่แปลกเลยที่ผ่านภารกิจระดับ 3 มาได้ง่ายแบบนี้” ฉินเฟยไม่รู้ว่า
จะหัวเราะรึร้องไห้ออกมาดี “เจ้าน่ะแข็งแกร่งเกินกว่าขั้น 1 ไปแล้ว”
มันหายากแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่คนที่แข็งแกร่งแต่ไม่ได้รับการ
ทดสอบ
มันไม่ได้มีคนแบบนั้นในโลกสวรรค์ร้างแต่ในโลกขั้น 9 อื่น ๆ นั้นก็
จะมีอยู่สัก 1-2 คนเท่านั้น
“ได้เวลาส่งภารกิจแล้ว” จางหยูพยักหน้าให้กับฉินเฟย ก่อนจะเดิน
กลับไปที่ห้องโถง
ฉินเฟยรีบเดินตามไปทันที
ไม่นานทั้งสองคนก็ได้กลับมาที่ห้องโถงเพื่อไปพบกับชายแก่
“หือ…เจ้ากลับมาเร็วขนาดนี้เลยรึ ?” ชายแก่มองไปที่จางหยูด้วย
ความแปลกใจ “เจ้าเปลี่ยนใจรึไง ?”
จางหยูส่ายหน้าและส่งบัตรหยกให้กับชายแก่ “ภารกิจจบแล้ว ท่าน
คงมีวิธีตรวจสอบสินะ ?”
ชายแก่แปลกใจขึ้นมา “เจ้าทำภารกิจเสร็จเร็วขนาดนี้เลยรึ ?”
ชายแก่รับบัตรหยกมาตรวจสอบสักพักก่อนจะลืมตาขึ้นพร้อมสีหน้า
ไม่คาดคิด “เจ้าผ่านจริง ๆ ด้วย ! ไอ้หนุ่ม ความแข็งแกร่งของเจ้า
มากกว่าขั้น 1 รึ ?”
“ข้าไม่เคยบอกว่าข้าอยู่แค่ขั้น 1” จางหยูยักไหล่ “ท่านคิดไปเอง”
ชายแก่แทบสำลัก เขาส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ข้าไม่คิดเลยว่าในโลก
สวรรค์ร้างจะพบคนแบบเจ้า”
ผู้คนโดยรอบพากันผิดหวัง พวกเขาคิดว่าจางหยูน่ะจะเป็นผู้ถูกเลือก
จากสวรรค์รึไม่ แต่ใครจะไปรู้ว่าความแข็งแกร่งของ จางหยูน่ะเกิน
ขั้น 1 ไปแล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งที่มากกว่าขั้น 1 แล้ว การเข้าร่วมภารกิจขั้น 1
ระดับ 3 นั้น ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันก็ไร้ความหมาย
แม้ว่าชายแก่จะพูดอะไรไม่ออกแต่ก็ยังคงส่งตราขั้น 1 ให้กับจางหยู
“เจ้าได้ลงทะเบียนไปแล้ว มันถูกบันทึกไว้ในตรานี้ ตรานี้แทนฐานะ
ของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นวิหารของโลกไหนก็รับรู้มันได้”
จางหยูรับตรามาและตรวจสอบดู “นี่คือตราผู้ควบคุมรึ ? วัสดุของ
มันดูเหมือนพิเศษ…”
จากนี้ไปเขาก็จะเป็นผู้ควบคุมจริง ๆ แล้ว ถึงจะเป็นแค่ขั้นที่ 1 ก็ตาม!
“ฉินเฟยสินะ ?” ชายแก่หันไปหาฉินเฟยและยิ้มออกมา “ภารกิจแบบ
คนเดียวที่ไม่มีใครผ่านมาหลายปี ก่อนหน้านี้ข้าสังหรณ์ใจว่าเจ้าน่าจะ
ผ่านไปได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าจะคิดถูก ยินดีด้วย ถึงมันจะเป็นภารกิจ
ขั้น 1 แต่เจ้าก็โดดเด่นที่สุดในหมู่พวกขั้น 1” เขาให้กำลังใจต่อ “พยายาม
ต่อไป ในอนาคตเจ้าต้องเป็นคนที่โดดเด่นของโลกสวรรค์ร้างได้แน่”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” ถึงฉินเฟยจะเย่อหยิ่งแต่ต่อหน้าชายแก่แล้วเขา
สุภาพอย่างมาก
“นี่ตราของเจ้า” ชายแก่ส่งตราขั้น 1 ให้กับฉินเฟย “หวังว่าเจ้าจะผ่าน
การทดสอบขั้น 2 ไปได้”
ฉินเฟยดีใจอย่างมาก ผู้ควบคุมขั้น 4 และยังเป็นถึงผู้ดูแลวิหารแห่งนี้
กลับชมเขา เขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง ? หากเขารู้ว่าชายแก่ผู้นี้เป็นผู้
ควบคุมขั้น 8 แล้วล่ะก็ เขาคงตัวลอยไปแล้ว เขาจะยืนไหวรึไม่ก็ยัง
ไม่รู้
“เสร็จธุระแล้วสินะ ?” จางหยูถามขึ้นมา “ต่อไปตาข้าได้รึยัง ?”
ชายแก่และฉินเฟยมองไปที่จางหยู โดยไม่รู้ว่าจางหยูพูดถึงอะไร
“เจ้ายังคิดจะเข้าทดสอบภารกิจขั้น 2 รึ ? “ชายแก่ถามขึ้นมาด้วยความ
แปลกใจ
คนที่เข้าทดสอบภารกิจสองอันติดกันนั้นหาได้ยาก
จางหยูพยักหน้า “เอาแบบเดิม ภารกิจขั้น 2 ระดับ 3 ข้ารบกวนท่าน
มอบให้ข้าที ข้ารีบอยู่”
ชายแก่ยิ้มออกมาที่มุมปาก “เจ้ามั่นใจรึ ?”
“ใช่”
“ได้ นี่บัตรหยก เจ้ารับมันไว้” ชายแก่พูดขึ้น “ข้าจะไม่บอกกฎซ้ำ
ขอให้โชคดี”
จางหยูรับบัตรหยกมาและเดินฝ่าผู้คนเข้าไปที่ลานอีกครั้ง
ผู้คนโดยรอบต่างก็อึ้งกับการกระทำของจางหยู รับภารกิจสองอันติด
นี่เขาเป็นคนแบบไหนกัน ?
“พวกนี้ยังไม่รู้ตัวอีกรึ ?” ซางอี๋ว์, อู๋ยง, ซานเหอและเหยียนอู้อดไม่ได้
ที่จะหัวเราะออกมา พวกเขาต่างก็รู้สึกภูมิใจ “ความแข็งแกร่งของ
ท่านจางนั้นจะมีภารกิจไหนที่หยุดเขาได้ ?”
ชายแก่เห็นท่าทีของซางอี๋ว์และอู๋ยงก็ถามขึ้นมา “พวกเจ้ามากับเขา
สินะ ?”
ซางอี๋ว์และคนอื่น ๆ พยักหน้า
“พวกเจ้ารู้จักเขารึ ?” ชายแก่ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“น่าจะเป็นเช่นนั้น” อู๋ยงยิ้มอออกมา
เมื่ออยู่ต่อหน้าจางหยู เขาแสดงท่าทีเคารพอย่างมากออกมาแต่เมื่ออยู่
ต่อหน้าผู้ควบคุมขั้น 4 แล้ว เขาก็คิดว่าตัวเองสูงส่ง
“เจ้าคิดว่าเขาจะผ่านภารกิจขั้น 2 ระดับ 3 ไปได้รึไม่ ?” ชายแก่ไม่ได้
สนใจท่าทีของอู๋ยง
“ขั้น 2 รึ ?” อู๋ยงหัวเราะออกมา “ความแข็งแกร่งของท่านจางนั้นเจ้า
จะเข้าใจได้เอง ! คำถามของเจ้าน่ะเท่ากับดูถูกท่านจาง…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายแก่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่อู๋ยงอีกรอบ “เขา
แกร่งมากรึ ?”
อู๋ยงมองไปที่ชายแก่แล้วฮึดฮัดออกมา “แกร่งรึไม่นั้นเจ้าจะรู้เองใน
ไม่ช้า แน่นอนว่าเขาต้องเหนือกว่าเจ้า”
เขาไม่รู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชายแก่ ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่แสดง
ท่าทีเช่นนี้ออกมา รึต่อให้รู้ว่าชายแก่เป็นผู้ควบคุมขั้น 8 แต่ชายแก่จะ
แกร่งกว่าจางหยูได้ยังไง ?
“งั้นรึ ?” ชายแก่ได้ยินคำพูดที่หยิ่งทะนงแบบนั้นก็รู้สึกตลกขึ้นมา ใน
โลกสวรรค์ร้างนี้เขารู้ว่าผู้ควบคุมขั้น 8 เท่านั้นที่จะมีสิทธ์ิพูดแบบนี้
ได้ มีแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเจ้าของภูเขาธารใส จงหราน นอก
จากนี้แล้วเขาไม่คิดว่าเขาจะอ่อนแอกว่าผู้ควบคุมขั้น 8 คนไหนอีก
“แน่นอน” อู๋ยงตอบกลับอย่างไม่ลังเล
ชายแก่หัวเราะออกมาก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดี
อู๋ยงเองก็ยิ้ม รอยยิ้มของทั้งสองแฝงไปด้วยความหมาย
พวกเขาต่างก็หัวเราะกับความโง่เง่าของอีกฝ่าย
“ละ…ลุงอู๋” ซางอี๋ว์ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่สุดท้ายจะเตือนขึ้นมา “ชาย
คนนี้คือคนที่ดูแลวิหาร ท่านควรพูดกับเขาดีกว่านี้เพื่อจะได้ไม่เป็น
ศัตรูกับเขา”
ในความเห็นของเธอแล้วแม้ว่าชายแก่จะเป็นผู้ควบคุมขั้น 4 แต่เขาก็
คอยดูแลวิหารอวี๋ฮุ่น นี่คือหนึ่งในสาขาของวิหารในความโกลาหล
หากไม่จำเป็นแล้วมันคงดีกว่าที่จะไม่สร้างปัญหากับคนเหล่านี้
แม้ว่าจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 1 แต่ก็ไม่ควรจะสร้างปัญหาด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของซางอี๋ว์ อู๋ยงก็เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะแสดงสีหน้า
เคร่งเครียดออกมา “ขอบคุณที่เตือนข้าคุณหนู ข้าเผลอตัวไป ข้าจะ
ระวังตัวเอาไว้”
ซางอี๋ว์มองไปที่อู๋ยงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ท่านยังเรียกข้าว่าคุณหนู
อีกรึ ?”
“ข้ามีความแค้นกับคนตระกูลเจ้าแต่ข้าไม่ได้มีความแค้นกับหัวหน้า
ตระกูลและเจ้า” อู๋ยงถอนหายใจออกมา “ก่อนหน้านี้ข้าเสียสติ
ตอนนี้ข้าได้สติกลับมาแล้ว หัวหน้าตระกูลกับเจ้าน่ะไม่เคยดูหมิ่นข้า
กล่าวได้ว่าพวกเจ้าดูแลข้าดีมาก ข้าไม่รู้ว่าเรื่องความแค้นกับตระกูล
ซางนั้น เจ้าจะยกโทษให้ข้าได้รึไม่ ?”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท