บทที่38 ไม่เคยมีใครดีกับเธอขนาดนี้มาก่อน
พอเห็นรถมายบัคขับออกไป เจียงนวลนวลถึงจะรู้ตัวขึ้นมา
เธอไม่อยากจะเชื่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เธอแทบจะเสียสติเพราะความขี้อิจฉาของเธอ
ผู้หญิงอย่างเจียงสื้อสื้อเนี่ยนะที่รู้จักกับตระกูลจิ้น
เธอมีสิทธิ์อะไร?
นางก็แค่ผู้หญิงที่เคยมีลูกให้คนอื่น นางมีสิทธิ์อะไร?
แล้วจิ้นเฟิงเฉินตาบอดไปแล้วหรือยังไง ทำไมต้องปกป้องผู้หญิงที่สกปรกแบบเธอด้วย?
เจียงนวลนวลคิดยังไงก็คิดไม่ออก จนลืมสนใจหลานซือเฉินที่เป็นลมอยู่ข้างนอก ในหัวมีแต่ภาพที่เจียงสื้อสื้อ ออกจากที่นั่นไปกับจิ้นเฟิงเฉิน
……………….
เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปนานแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนตื่นมาตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย เธอตกใจจนลุกขึ้นนั่ง แล้วมองไปรอบๆ ห้อง
แล้วเธอเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีก้อนนิ่มๆ กำลังแตะๆ มาที่เธอ
พอมองดีๆ เธอถึงรู้ว่าเป็นเสี่ยวเป่า
เธอโล่กอกขึ้นมาทันที แล้วยื่นมือไปจับแก้มเขาที่นอนอยู่
จิ้นเฟิงเฉินกลับมาจากข้างนอกพอดี พอเห็นว่าเขาตื่นแล้วก็เลยรีบเดินเข้าไปหาแล้วถามว่า “ตื่นแล้วหรอ? ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
เจียงสื้อสื้อเอามือไปจับที่ท้ายทอยแล้วตอบกลับไปว่า “ตรงนี้เจ็บนิดหน่อย แต่ว่าไม่ได้เป็นไรมาก……..” รอบนี้เธอจำเรื่องราวทั้งหมดได้ เธอจำเรื่องที่เกิดก่อนที่เธอจะสลบได้ “ฉัน……ฉันมาที่นี่ได้ไง?”
สายตาของจิ้นเฟิงเฉินดูเย็นชา เขาตอบเธอว่า “ตอนที่ฉันไปถึง ฉันเห็นหลานซือเฉินกำลังอุ้มตัวเธอไปพอดี”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าแล้วตอบว่า “ขอบคุณนะ”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้าแล้วเดินอ้อมไปที่ข้างหลังขอเธอ ค่อยๆ นวดที่ต้นคอของเธอ
เจียงสื้อสื้อแอบหลบไปนิดนึง แต่ว่ากลับโดนเขาจับไหล่ไว้ “อย่าขยับ เดี๋ยวฉันนวด
ให้ จะได้สบายขึ้นมาหน่อย”
ตอนแรกเจียงสื้อสื้ออยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่ฝีมือการนวดของเขาดีเหลือเกินมันทำให้เธอรู้สึกสบายตัวมาก
เธอหายใจออกช้าๆ ค่อยๆ สัมผัสความสบายนี้
มือเขาไม่หนักไม่เบา เหมือนมีไฟนิดๆ หน่อยๆ มันทำให้เธอรู้สึกชาๆ นิดๆ ร่างกายเธอเองก็ผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน
อยู่ดีๆ เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
ตั้งแต่ที่เธอโดนไล่ออกจากบ้าน 5ปีแล้วที่ไม่เคยมีใครทำดีกับเธอแบบนี้มาก่อน
ตอนแรกเธอคิดว่าเธอทนได้ทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เธอคิดไปเองทั้งนั้น
พอคนอื่นดีกับเธอหน่อย เธอก็รู้สึกขอบคุณมากๆ
เธอพูดต่อว่า “จิ้นเฟิงเฉิน ใครต่อใครเขาก็ว่ากันว่านายเย็นชา ไม่มีหัวใจ แต่นายไม่ใช่คนแบบนั้นนิ จริงๆ แล้วนายดีกับครอบครัวมากๆ ดูอย่างเสี่ยวเป่า นายเองก็รักเขามากๆ แต่แค่นายค่อนข้างเงียบ แต่ไม่ได้เย็นชาไร้หัวใจสักหน่อย”
“ขอบคุณที่ชมฉันนะ แต่ว่าข่าวลือที่เธอได้ยินมันก็มีเรื่องจริงบ้าง ถ้าในด้านการทำธุรกิจฉันไร้หัวใจและเด็ดขาดจริงๆ แต่ถ้ากับเรื่องอื่นๆ ที่พิเศษมันก็ไม่เหมือนกัน”
เช่นครอบครัว เช่นเธอ
จิ้นเฟิงเฉินแอบพูดอยู่ในใจ
แต่เจียงสื้อสื้อไม่ได้รับรู้
เธอแค่พูดแซวตัวเองพร้อมหัวเราะว่า “มีครอบครัวแบบนายนี่ดีจัง ไม่เหมือนฉันที่เป็นส่วนเกินของครอบครัวมาโดยตลอด พ่อฉันไม่ชอบฉัน แม่เลี้ยงกับน้องสาวคนละแม่ก็อิจฉาเวลาที่เห็นฉันได้ดี แม้กระทั่ง……ก็ยังจ้องจะหาเรื่องฉันอยู่ตลอดเวลา เรื่องมันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ตอนแรกฉันเองก็ปล่อยวางได้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังตามมาตอแยฉันไม่เลิก…… พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่มายุ่งกับชีวิตของคนอื่น”
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ อยู่ดีๆ เขาก็ก้มลงไปโอบเจียงสื้อสื้อไว้ เจียงสื้อสื้อตกใจจนตัวแข็งแล้วรีบถามเขาว่า “นายทำอะไร?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจเธอ แต่กอดเธอไว้แน่นๆ แล้วพูดเบาๆ ที่ข้างหูเธอว่า
“ที่จริงแล้ว…..วันนี้ที่เขามาหาเธอฉันพอเดาออกว่าเพราะอะไร จิ้นกรุ๊ปยกเลิกสัญญาเดิมกับบริษัทX.C.ไป และเหตุผลที่ยกเลิกสัญญา คือเขาไล่ผู้ดูแลโปรเจคคนเก่าออก ที่เขามาพาเธอไป เพราะว่าเขายังต้องการใช้เธออยู่”
เจียงสื้อสื้อได้ยินเช่นนี้ก็ตาสว่างสักที “อย่างงี้นี่เอง ฉันก็ว่า ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงมาหาฉัน แล้วยังมาพูดว่าจะพาฉันกลับบ้าน ฉันอยากได้อะไรเขาให้ได้หมด…..หึ ที่แท้เพราะต้องการฉันนี่เอง!”
ทำไมหลานซือเฉินถึง………ทำตัวน่าเกลียดแบบนี้!
เจียงสื้อสื้อกัดฟันไว้ แต่ภายในใจเธอโกรธมาก
………..
ขณะนี้ ณ โรงพยาบาลประจำเมืองจิ่น
หลานซือเฉินฟื้นขึ้นมาแล้ว เขากำลังนอนอยู่ในห้องผู้ป่วย ใส่เฝือกที่มือข้างขวา
ดูน่าสมเพชมาก ตระกูลหลานและตระกูลเจียงรีบมาที่โรงพยาบาลทันทีหลังจากที่ได้ข่าว
พอเห็นเขาในสภาพนี้แล้วพวกเขาก็ตกใจอย่างมาก
“ซือเฉิน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินซวนพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ แล้วก็รีบพุ่งเข้าไปกอดลูกชายตัวเอง เธอตกใจจนพูดไม่ได้ออก
สีหน้าของหลานเป่ยชวนก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาถามว่า “ใครเป็นคนทำ?”
“ทำเกินไปรึเปล่า? ทำร้ายจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว นี่……มือหักไปเลย ต้องปวดขนาดไหนเนี่ย” เสิ่นซูหลันเองก็เป็นห่วง ถึงยังไงนี่ก็ลูกเขยในอนาคต เป็นอะไรไปก็คงไม่ดีเท่าไหร่
เจียงเจิ้นก็มาแสดงความเป็นห่วงอยู่ข้างๆ
หลานซือเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเป็นห่วงขึ้นมา “ซือเฉิน นายพูดอะไรหน่อยสิ”
ทันใดนั้น เจียงนวลนวลที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนทำ”
ผู้ใหญ่ทั้ง4คนตกใจที่ได้ยิน “เธอ…..เธอบอกว่าใครนะ?”
“จิ้นเฟิงเฉิน คุณชายใหญ่ของจิ้นกรุ๊ป! จิ้นเฟิงเฉิน” เจียงนวลนวลพูดทวนอีกรอบ
หลานเป่ยชวนกับเจียงเจิ้นได้ยินก็ตกใจมาก “เป็นไปได้ไง……ทำไมอยู่ดีๆ นายถึงไปมีเรื่องกับเขาได้!!!”
หลานซือเฉินพูดออกมาสักทีว่า “เรื่องนี้คงต้องถามเจียงสื้อสื้อแล้วล่ะ”
“เจียงสื้อสื้อ? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจียงสื้อสื้อ? คืนนี้นายจะไปพาเธอกลับมาไม่ใช่หรือ? แล้วสุดท้ายเป็นยังไง เธอหายไปไหน?”
หลานเป่ยชวนถามด้วยความสงสัย
หลานซือเฉินกัดฟันพูด “พ่อครับ เราโดนจิ้นกรุ๊ปโกงตั้งแต่แรกแล้วครับ เขาไม่เคยคิดจะร่วมงานกับเราอยู่แล้ว แต่ทั้งหมดนี้เกินจากเจียงสื้อสื้อทั้งนั้นเลย เธอ……เธอดูสนิทกับสองพี่น้องตระกูลจิ้นมากเลยครับ”
“นี่…เป็นไปได้ไง? ไอเด็กเลว….ฉันหมายถึงสื้อสื้อไปอยู่ข้างนอกมาตั้งหลายปี ใช้ชีวิตอยู่อย่างคนธรรมดา เธอไม่มีโอกาสได้เจอคนระดับนั้นอยู่แล้ว มีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันรึเปล่า?” เสิ่นซูหลัน ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
หลานซือเฉินพูดต่อว่า “ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดครับ ถ้าไม่เชื่อพวกคุณโทรหาเจียงสื้อสื้อได้เลยครับ ไปถามเธอเอง ตอนนี้บริษัทเราถ้าจะร่วงงานกับจิ้นกรุ๊ปมันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แถมยังขาดทุนเพราะเธอไป500 ล้าน! คุณลุงเจียง เรื่องนี้พวกเราไม่ยอมง่ายๆ นะครับ”
“แน่นอนว่าจบง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ ไอเด็กเวรนั้นร้ายกาจจริงๆ กล้าหาคนมาแก้แค้นเราได้ยังไงกัน?” ฉินซวนมองหน้าเจียงเจิ้นด้วยความไม่พอใจแล้วพูดต่อว่า “ชิงแก(คำที่เรียกครอบครัวที่ลูกหลานแต่งงานกัน)ไม่ว่ายังไงซือเฉินก็นับเป็นลูกชายอีกคนของคุณนะคะ หรือว่าคุณจะทนดูเขาโดนทำร้ายง่ายๆ แบบนี้หรอคะ?”
เจียงเจิ้นรับตอบกลับไปว่า “ไม่หรอกครับ ชิงแกคิดว่าควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดีครับ?”
ฉินซวนพูดต่อว่า “เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดจากเจียงสื้อสื้อ แน่นอนว่าต้องให้เธอมาจัดการ คุณเรียกเธอกลับมาตอนนี้เลย คืนเงิน500ล้านมา ไม่อย่างงั้นก็ให้จิ้นกรุ๊ปมาร่วมงานกับเรา”
เจียงนวลนวลฟังอยู่ข้างๆ แล้วรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “เรียกพี่สาวฉันกลับมาจะช่วยอะไรได้? ถึงเธอจะรู้จักคนตระกูลจิ้น แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์พิเศษอะไรกับสองพี่น้องนั้นไหม พวกเธออย่าลืมนะว่าตระกูลจิ้นเป็นตระกูลใหญ่ ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนก็จะรู้จักได้”