บทที่ 102 พวกเธอเลิกกันแล้วหรือ?
วันนั้นเจียงสื้อสื้อไม่ได้รับข่าวสารใดๆจากเสี่ยวเป่าและจิ้นเฟิงเฉินอีกเลย กลับถึงบ้านคืนนั้น มองดูบ้านที่ว่างเปล่า ในใจก็อดรู้สึกว่างเปล่าไม่ได้
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างทุกข์ตรม เมื่อก่อนเธอเองก็อยู่มาแบบนี้ ตอนนี้จะอยู่คนเดียวอีกจะเป็นอะไรไป เธอปลอบใจตัวเอง
หลังอาบน้ำเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็เข้านอนเลย
วันนี้ก็ผ่านไปแบบนี้
.…..
วันต่อมา เจียงสื้อสื้อก็ทุ่มเทกำลังกายทั้งหมดไปกับงาน
ในมือเธอยังมีอีกโปรเจค เป็นการร่วมมือกันกับ บริษัทLG ที่มีผลิตภัณฑ์อยากจะโฆษณา จึงขอให้ทางบริษัทจิ่นเส้อเสนอแนวคิดมาให้
เนื่องจากต้องการพูดคุยกันให้มากขึ้น เจียงสื้อสื้อจึงได้นัดผู้จัดการของอีกฝ่ายในวันเดียวกันนั้น
ช่วงบ่าย เจียงสื้อสื้อมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้
เดินเข้าไปในประตู เธอกำลังจะโทรหาอีกฝ่ายว่านั่งอยู่ที่ไหน เจียงสื้อสื้อก้มหน้าหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋า จึงไม่ทันระวังข้างหน้า เดินไปเดินไปแล้วชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?” เจียงสื้อสื้อรีบขอโทษและเงยหน้ามอง
ชายตรงหน้าใส่ชุดสูท หน้าตาหล่อเหล่า ดูแล้วสุภาพอ่อนโยน เมื่อสบตากัน ทั้งคู่ก็ต้องตกใจ
“รุ่นพี่ รุ่นพี่ลู่”
“เจียงสื้อสื้อ”
เมื่อได้สติ เจียงสื้อสื้อก็หัวเราะ “บังเอิญจังเลย! ไม่คิดว่าจะเจอรุ่นพี่ที่นี่”
ชายตรงหน้าชื่อ ลู่เจิง เป็นรุ่นพี่ของเจียงสื้อสื้อตอนเรียนมหาลัย
ตอนมหาลัย ผลการเรียนของเจียงสื้อสื้อนั้นดีทุกด้าน เพราะฉะนั้นจึงเข้าร่วมสหภาพนักศึกษาลู่เจิงนั้นเป็นประธานสหภาพนักศึกษา ทั้งสองคนจึงรู้จักกัน
ตอนนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่นับว่าไม่เลว ลู่เจิงตอนอยู่สหภาพนักศึกษาก็ดูแลเธออย่างดี แต่ว่าต่อมาทุกคนต่างก็ยุ่ง จึงไม่ได้ติดต่อกันอีก ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเจอกัน
ลู่เจิงก็หัวเราะและพูดว่า “ใช่แล้ว! บังเอิญจังเลย สื้อสื้อ ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ นัดใครไว้หรือ ?”
“ใช่ค่ะ! นัดพบลูกค้าไว้ค่ะ “
หลังลู่เจิงถามแบบนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อถึงคิดขึ้นมาได้ ก้มมองเวลาบนข้อมือ บ่ายสองครึ่งแล้ว พอดีกับเวลาที่เธอนัดผู้จัดการบริษัทLG จะสายไม่ได้
เธอกดโทรหาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันนี้ โทรศัพท์ของลู่เจิงที่ยืนตรงหน้าก็ดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อชะงักไปครู่นึง ลู่เจิงนามสกุลลู่ คงจะไม่……
ลู่เจิงหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วก็ชะงักไป
ไม่นานจากนั้น ทั้งสองนั่งในร้านอาหาร ลู่เจิงสั่งเครื่องดื่มมาสองแก้ว
ลู่เจิงมองเจียงสื้อสื้อที่อยู่ตรงหน้าและพูดว่า “ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เธอก็คือคนรับผิดชอบงานของบริษัทจิ่นเส้อ” เขามองไปที่เธอ ไม่เจอกันไม่กี่ปี จากเด็กสาวที่ไร้เดียงสาจนโตขึ้นมา ตอนนี้ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“ใช่แล้ว! บังเอิญจริง ๆ เลย!”
ลู่เจิงหัวเราะ พูดถามอย่างอ่อนโยนว่า “ช่วงที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง”
เจียงสื้อสื้อยิ้มและตอบว่า “ก็ไม่เลวค่ะ”
“ก็น่าจะใช่ หลานซือเฉิน เขาดีกับคุณมาก”
ลู่เจิงกับหลานซือเฉินเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน เพราะฉะนั้นเขาจึงรับรู้ความรักของเขากับเจียงสื้อสื้อ
หลังจากจบมา ลู่เจิงก็ไม่ได้ติดต่อกับเจียงสื้อสื้ออีกเลย เพราะว่าเขาเชื่อว่ามีคนที่จะดูแลเธอได้ดี แต่ตัวเองนั้นคงเป็นแค่คนที่เคยผ่านเข้าไปในช่วงชีวิตหนึ่งของเธอแค่นั้น ถ้าหากไม่ได้พบกันวันนี้ เจียงสื้อสื้อเองก็คงไม่มีวันที่จะนึกถึงเขาหรอก!
ได้ยินชื่อลานซือเฉิน สีหน้าของเจียงสื้อสื้อก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่ เธอรู้ว่าลู่เจิงคงคิดว่าเธอยังอยู่กับหลานซือเฉิน
หยุดไปสักพัก เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากทั้งสองพูดถึงความหลังไปแล้ว จึงเริ่มไปพูดคุยเรื่องงาน
เจียงสื้อสื้อเล่าแผนงานคร่าว ๆ ให้ ลู่เจิง เวลานี้ ถึงได้ยินลู่เจิงเริ่มพูดว่า “สื้อสื้อ พวกเธอกับจิ้นกรุ๊ปมีการร่วมงานกันใช่หรือไม่ ไม่แน่ใจว่าสามารถใช้ช่องทางของพวกเขาโฆษณาผลิตภัณฑ์ของเราได้หรือไม่?”
เจียงสื้อสื้ออึ้งไปอีกครั้ง ที่แท้บริษัทLGต้องการร่วมงานกับพวกเขาก็เพราะว่าจิ้นกรุ๊ป
“ฉันจะลองไปประสานงานดูให้นะคะ”
ระหว่างที่พูด ใบหน้าเธอก็มีรอยยิ้ม แต่ก็ดูเหมือนจะลำบากใจ
ลู่เจิงเองก็ไม่ได้ทันสังเกตุว่ามีอะไรผิดปกติ เขาพยักหน้าเพื่อแสดงความขอบคุณ
ทั้งสองจึงพูดคุยกันต่อสักพัก ระหว่างนั้น ลู่เจิงออกไปเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำอยู่ชั้นสองของร้านอาหาร ตอนเดินขึ้นไปนั้น ลู่เจิงก็เห็นโต๊ะไกล ๆ ที่มีคู่รักกำลังพลอดรักกัน และทั้งสองคนนั้นก็คือเจียงนวลนวลกับหลานซือเฉิน
ลู่เจิงหรี่ตา และคิ้วก็ชนกันอย่างงง ๆ
เขามองซ้ำเพื่อความแน่ใจ ชายคนนั้นคือ หลานซือเฉิน จริง ๆ
กลับมาถึงโต๊ะอาหาร เขาเอ่ยปากถามเจียงสื้อสื้อ “ เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับหลานซือเฉิน? ผมเพิ่งเห็นเขาทานอาหารกับผู้หญิงคนหนึ่งชั้นบน ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมาก”
ได้ยินแล้ว เจียงสื้อสื้อหยุดไป คิดไม่ถึงว่าหลานซือเฉินกับเจียงนวลนวลจะทานข้าวกันที่ชั้นบน บังเอิญจริง ๆ
“พวกคุณเลิกกันแล้วหรือ?”
“อืม” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าตอบอย่างเสียไม่ได้
ลู่เจิงนั้นท่าทีดูจะโมโห เขาอดคิดถึงเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ เจียงสื้อสื้อพูดว่าหลานซือเฉินจะดีกับเธอไปตลอด เธอเองก็จะดีกับเขาไปตลอดชีวิตเหมือนกัน พวกเขาจะอยู่ด้วยกันไปตลอด
คำพูดเหล่านั้นในตอนนั้น ทำให้ความคิดทุกอย่างของลู่เจิงต้องหยุดลง ดังนั้นหลังจากจบแล้วจึงไม่ได้ติดต่อเจียงสื้อสื้ออีกเลย และคิดว่าจะลืมเธอ กลับคิดไม่ถึงว่าทั้งสองที่มีความสุขในตอนนั้นจะเลิกกันได้
ลู่เจิงนั้นมั่นใจมาตลอดว่าเจียงสื้อสื้อนั้นไม่มีทางที่จะเลิก เพราะว่าตอนนั้นเธอชอบหลานซือเฉินขนาดนั้น
“เป็นหลานซือเฉินที่ทรยศเธอหรือ?” น้ำเสียงของลู่เจิงนั้นแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
เจียงสื้อสื้อตอบอย่างไม่ได้สนใจอะไรว่า “มันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงหรอก”
ดูออกว่าเธอไม่อยากจะพูดอะไร ลู่เจิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จึงเอ่ยถามช้า ๆ ว่า “แล้วตอนนี้คุณยังโสดหรือเปล่า?’
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า มองลู่เจิงอย่างสงสัย
“ถามอันนี้ทำไม?”
“ไม่มีอะไร”
แม้ว่าจะพูดไปแบบนั้น แต่ในใจของลู่เจิงนั้นตื่นเต้น
ตอนเจอเจียงสื้อสื้อครั้งแรกที่มหาวิทยาลัย ลู่เจิงเองก็คลั่งผู้หญิงคนนี้ที่โดดเด่น ตอนที่รู้จักกันก็ชอบเธอไปโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่าตอนที่เขาตั้งใจจะสารภาพไปนั้น เธอก็คบกับหลานซือเฉินเสียแล้ว
หลังจากจบ ลู่เจิงพยายามที่จะลืมเธอ แต่ในหัวก็คอยมีภาพเธอลอยมาไม่เคยหายไป หลายปีมานี้ ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะทำให้ลู่เจิงใจเต้นได้
จนมาวันนี้ที่ได้พบกันเจียงสื้อสื้อ ความรู้สึกเมื่อตอนแรกพบแบบนั้นก็ปะทุขึ้นมาอีก ลู่เจิงถึงรู้ตัวว่า หลายปีที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยที่จะลืมเธอได้เลย
หรือว่า การที่พวกเขาพบกันครั้งนี้ จะเป็นการเริ่มต้นใหม่
เขาจะจีบเธอ
ลู่เจิงมองผู้หญิงตรงหน้า ด้วยแววตาจริงจัง
ทั้งสองก็คุยกันต่ออีกสักพัก ทุกเรื่องก็คุยกันได้อย่างลงตัว ออกจากร้านอาหารแล้ว ลู่เจิงจึงเอ่ยว่า “ผมไปส่งคุณที่บริษัทนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รุ่นพี่ บริษัทฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เลย”
“ทางผ่านน่ะ ขึ้นรถเถอะ!”
พูดแล้ว ลู่เจิงก็เปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้เธอแล้ว เจียงสื้อสื้อเองก็เกรงใจที่จะปฏิเสธ
ไม่นานรถก็มาส่งที่หน้าบริษัท ลงรถแล้ว เจียงสื้อสื้อกล่าวขอบคุณรุ่นพี่ “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”
ลู่เจิงยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก”