บทที่ 142 ไม่งั้นก็นอนห้องคุณ
หลังจากกลับมาที่ห้องแล้ว อารมณ์ของเจียงสื้อสื้อที่กว่าจะสงบลงได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน
เธอหาผ้าห่มพลาง ในใจก็คิดไปพลางว่าวันนี้จิ้นเฟิงเฉินเป็นอะไร ทำไมถึงอารมณ์ไม่ดี
บริษัทจะล้มละลายเหรอ ทะเลาะกับคนที่บ้านเหรอ แต่คิดอยู่นานเจียงสื้อสื้อก็คิดไม่ออก แม้เธอเองก็ทนไม่ได้ให้ที่จะจิ้นเฟิงเฉินนอนบนโซฟา แต่ที่นี่มีแค่ห้องเดียว ถ้าเขาไม่อยากนอนบนโซฟา แล้วนอนด้วยกันสองคนเหรอ
เจียงสื้อสื้อนึกถึงฉากในภาพยนตร์ขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว เธอทิ้งความคิดในใจอย่างรวดเร็ว กอดผ้าห่มและเอาไปให้จิ้นเฟิงเฉิน
ภาพยนตร์บนจอทีวีก็จบลงแล้ว เมื่อรับผ้าห่มมา จิ้นเฟิงเฉินก็พูดว่า “ขอบคุณครับ”
“คืนนี้คุณจะนอนที่นี่จริงๆเหรอ” เจียงสื้อสื้อถามอย่างสงสัย
“ไม่งั้นจะให้นอนห้องคุณเหรอ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มและมองเจียงสื้อสื้อ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็มีแววตาที่ตื่นตระหนก เธอจึงรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้อง
หลังจากอาบน้ำ ในใจเจียงสื้อสื้อก็คิดถึงจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ด้านนอกแต่ก็ไม่กล้าออกไปดู เธอนอนอยู่บนเตียงและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
คืนนี้ เป็นคืนที่สวยงามและเงียบสงบ
……..
เช้าวันรุ่งขึ้น จิ้นเฟิงเฉินมีเรื่องด่วนต้องไปบริษัท ดังนั้นเขาจึงซื้ออาหารเช้ามาไว้ที่บ้านก่อนแล้วจึงออกไป
เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมา เห็นอาหารเช้าและโน้ตที่อยู่บนโต๊ะ สีหน้าเธอก็อ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้น ดวงตาของเจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆหรี่ลง
จิ้นเฟิงเฉินดีต่อเธอขนาดนี้ แต่พวกเขาก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องแยกจากกัน
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก ก็ออกไปบริษัท
………
เพราะปัญหาในคืนนั้นที่ใหญ่มาก ดังนั้นจึงไม่ได้เจอกับเย่เจี่ยนหยางในงานเลี้ยง เจียงสื้อสื้อจึงไปที่บริษัทเพื่อถามว่าจะสามารถนัดเจอกันอีกได้เมื่อไหร่
“ผู้จัดการซู โทษฉันทั้งหมดเถอะค่ะ ที่ทำให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดลอยไป”
เจียงสื้อสื้ออดเป็นกังวลไม่ได้ ถ้าเย่เจี่ยนหยางไม่ยอมรับนัดอีกครั้งจะทำยังไง
ซูซานจับมือของเจียงสื้อสื้อและพูดว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องขอโทษแล้ว อย่าเพิ่งกังวลไป เรื่องคืนนั้นก็โทษเธอไม่ได้”
แม้ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ซูซานก็ไม่คิดว่า บ้านเจียงสื้อสื้อจะยากลำบากขนาดนั้น ผู้หญิงคนนี้น่าเวทนาจริงๆ
“แต่ทางเย่เจี่ยนหยาง………”
“คืนนั้นฉันได้คุยกับเย่เจี่ยนหยางแล้ว อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีเจตนาบางอย่างที่จะร่วมมือกับเรา ดังนั้นจะได้นัดเจอกันอีกครั้งที่ร้านชาซ่างอิในบ่ายวันนี้ เวลาบ่ายสามโมง พอถึงเวลาเธอก็ไปตามนัด โอกาสครั้งนี้ไม่ง่ายที่จะได้รับมานะ เธอต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็มีสีหน้าดีใจ ไม่คิดว่าเย่เจี่ยนหยางจะยังตอบตกลงที่จะเจอกับพวกเขาแล้ว
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการซู ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
ซูซานพูดด้วยรอยยิ้มมว่า “อื้ม ไปเถอะ สู้ๆนะ ฉันเชื่อว่าเธอทำได้”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า และออกไปเตรียมตัวเพื่อเจอกับเย่เจี่ยนหยางในบ่ายนี้
…….
เมื่อเวลาบ่ายสามโมงมาถึง เจียงสื้อสื้อก็มาถึงที่ร้านชา และได้เจอกับเย่เจี่ยนหยาง
ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำ ดูๆแล้วอายุน่าจะประมานสามสิบกว่าๆ หน้าตาหล่อเหลา และดูเป็นคนอ่อนโยน
“คุณเย่ สวัสดีค่ะ ฉันคือเจียงสื้อสื้อนักยุทธศาสตร์ธุรกิจของบริษัทจิ่นซื่อค่ะ” เจียงสื้อสื้อยื่นมือออกไป กล่าวทักทายอย่างมีน้ำใจ
“สวัสดีครับ”
เย่เจี่ยนหยางจับมือกับเจียงสื้อสื้ออย่างสุภาพ และทั้งสองคนก็นั่งลง
ในตอนบ่ายเจียงสื้อสื้อได้หาข้อมูลเพื่อทำความรู้จักเย่เจี่ยนหยางไปแล้ว แม้เขาจะเพิ่งอายุสามสิบกว่าปี แต่เขาก็ชอบดื่มชามาก และมีสนใจในเรื่องพิธีชงชา และศึกษาอย่างจริงจัง
หลังจากแนะนำตัวเองเสร็จแล้ว เจียงสื้อสื้อก็หยิบของที่ตัวเองเตรียมมาส่งให้เย่เจี่ยนหยาง
“ได้ยินว่าประธานเย่ชอบดื่มชา ฉันจึงเตรียมหนึ่งชุดมาให้ค่ะ”
เย่เจี่ยนหยางหยิบชามาดูด้วยความสนใจ หลังจากนั้นก็เอ่ยปากถาม “คุณเจียงก็ศึกษาเรื่องการชงชาด้วยเหรอครับ”
“เปล่าคะ เพียงแต่ได้ยินว่าประธานเย่ชอบ จึงไปหาข้อมูลมาก่อนนิดหน่อย เรื่องการชงชากว้างและลึกซึ้งมาก ฉันเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้หมดภายในช่วงเวลาหนึ่ง”
เจียงสื้อสื้อรู้แค่ครึ่งๆกลาง เมื่อเธอรู้ว่าเย่เจี่ยนหยางชอบเธอเลยค้นหาข้อมูล เธอยังอยากจะแกล้งทำเป็นรู้ แบบนี้จะได้คุยกับเย่เจี่ยนหยางได้มากขึ้น บางทีเย่เจี่ยนหยางอาจจะประทับใจเธอมากขึ้น
แต่ไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ ถ้าแกล้งเข้าใจแล้วเขาจับได้จะอับอายขายหน้ายิ่งกว่าเดิม ดังนั้นในท้ายที่สุดเจียงสื้อสื้อจึงทำสิ่งที่ชอบคือมอบที่ดีที่สุดให้ชุดหนึ่ง
เย่เจี่ยนหยางยิ้ม“คุณเจียงเป็นคนที่จริงใจจริงๆ”
เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มไปกับเขาด้วย เธอมองตาเย่เจี่ยนหยาง แต่ก็ไม่รู้ว่าความประทับใจของเขาที่มีต่อเธอจะเป็นยังไง จะตกลงร่วมงานกับบริษัทจิ่นซื่อไหม
แต่ดูเหมือนเย่เจี่ยนหยางจะตั้งใจยื้อเวลา เพราะไม่พูดเรื่องธุรกิจเลย มั่วแต่พูดเรื่องพิธีชงชา
“คุณเจียง การดื่มชาไม่เพียงแต่จะบ่มเพาะอุปนิสัยที่ดี นอกจากนี้ยังมีการปลูกฝังรสนิยมของคนๆหนึ่ง และลบสิ่งรบกวน” เย่เจี่ยนหยางชงชาพลาง พูดไปพลาง “การชิมชาก็มีหลายวิธี และยังมีใบชา เมื่อไหร่ที่ดื่มชาจะต้องประณีตมาก”
เจียงสื้อสื้อฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่าเบื่อ แต่กลับมีความสนใจขึ้นมาด้วย ซ้ำยังถามคำถามมากมายเกี่ยวกับการชงชาอีก
ที่สำคัญคือเมื่อเห็นเทคนิคที่เย่เจี่ยนหยางชงชาแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกซับซ้อนมากขึ้น เจียงสื้อสื้อรู้สึกอยากเรียน แต่ดูจากเทคนิคแล้วดูเหมือนจะเงอะงะมาก
แววตาของเจียงสื้อสื้อค่อนข้างตะขิดตะขวง “ขอโทษนะคะ ฉันทำให้ประธานเย่ต้องเห็นเรื่องน่าขำเลย”
เย่เจี่ยนหยางยิ้ม พลางพูดอย่างจริงใจว่า “คุณเจียงเพิ่งจะทำครั้งแรก นี่ก็ถือว่าดีมากแล้วครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็ยกยิ้มมุมปาก และลงไปนั่งที่เดิม
“ไม่คิดว่าการชงชาจะน่าสนใจมากขนาดนี้ วันนี้ก็ถือว่าได้ทำความคุ้นเคยกับประธานเย่ไปนะคะ”
เย่เจี่ยนหยางก็นั่งลงที่เดิมของตัวเอง และเอ่ยปากถามว่า “คุณเจียงไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเหรอครับ”
“ไม่เลยค่ะ ทำไมคุณเย่รู้สึกอย่างนั้นละคะ”
เย่เจี่ยนหยางยิ้ม จะพูดยังไงสำหรับคนอายุสามสิบกว่าปีก็มองออกว่า เจียงสื้อสื้อมีความสนใจจริงๆ
“ก่อนจะได้มาเจอคุณ ผมได้มีการนัดเจอกับบริษัทอื่นอีกสองบริษัทมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาก็เหมือนกับคุณ ก่อนจะมาเจอผมก็หาข้อมูลสิ่งที่ผมชอบมาก่อน ไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาเลยแต่กลับแสร้งทำเป็นเข้าใจ พอผมถามคำถามง่ายๆเกี่ยวกับชาพวกเธอก็ตอบไม่ได้เลย ตอนแรกที่มายังบอกผมว่าตัวเองชอบชามาก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็ดีใจ ที่ตัวเองไม่ได้เสแสร้ง ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกตะขิดตะขวง
เย่เจี่ยนหยางพูดต่อว่า “คนอีกบริษัทก็ส่งชาชั้นดีให้ผมชุดหนึ่ง แต่พอได้ยินผมพูดเกี่ยวกับเรื่องชาก็กลับใจร้อนมาก สุดท้ายยังบอกว่าผมหลอกพวกเขาอีก บอกว่าผมไม่เคยอยากร่วมงานกลับต้องมาเสียเวลา ไม่เหมือนกับคุณเจียงที่มีความจริงใจและยังมีความอดทนซึ่งผมเองก็เคยเจอครั้งแรก”
เย่เจี่ยนหยางพูดตามความจริง นอกเหนือจากการร่วมงาน นอกจากว่าจะมีการวางแผนที่ดี แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจุดยืนทางศีลธรรม
ถ้าแม้แต่ความจริงใจและความอดทนที่มีต่อผู้ร่วมธุรกิจยังไม่มี แล้วจะมีอะไรที่ต้องถามในเรื่องการร่วมงาน