ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 297 สงสารไอ้คนต่ำต้อยนั่นหรือ

บทที่ 297 สงสารไอ้คนต่ำต้อยนั่นหรือ

บทที่ 297 สงสารไอ้คนต่ำต้อยนั่นหรือ

หลังจากกินข้าวเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อก็จูงมือกันออกจากโรงแรมไป

“ผมจะไปขับรถมานะ”

“ได้ค่ะ”

พอเห็นจิ้นเฟิงเฉินกำลังเดินไปที่ลานจอดรถนั้น เจียงสื้อสื้อก็สอดมือเข้าในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเธอ พร้อมทั้งก้มหน้าจ้องมองดูเท้าของตัวเองอย่างเรื่อยเปื่อย

“หยุดรถ!” หลานซือเฉินที่กำลังเพ่งสมาธิกับการขับรถอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นข้างหูของเขาเอง ทำให้ตกใจจนเหยียบเบรกลงกะทันหัน

เอี๊ยด……

เสียงล้อรถเบียดไปกับพื้นถนน จนเกิดเสียงดังแสบแก้วหูขึ้น

“นี่คุณทำอะไรเนี่ย?” หลานซือเฉินหันหน้าไปจ้องมอง เจียงนวลนวลที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างโกรธเคือง

เจียงนวลนวลก็ทำเป็นหูทวนลม พร้อมทั้งหรี่ตาจ้องมองออกไปนอกรถแบบนั้น

“นี่กำลังมองอะไรอยู่น่ะ?” หลานซือเฉินมองตามสายตาของเธอไป พลันเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างทางคนนั้น ก็พูดขึ้น “สื้อสื้องั้นหรือ?”

เจียงนวลนวลที่ได้ยินแบบนั้น ก็ส่งเสียงเอ็ดอย่างไม่พอใจ “คุณนี่ตัวดีเลยนะหลานซือเฉิน อยู่ตั้งไกลแบบนี้แต่ยังมองออกด้วย บอกมาสิ! ว่าในใจของคุณคิดถึงนังนั่นอยู่ใช่ไหมล่ะ?”

“นี่คุณพูดจามั่วซั่วอะไรเนี่ย?” หลานซือเฉินรู้สึกรำคาญใจขึ้นมา

“นี่คุณทำท่าทีแบบนี้ใส่ฉันหรือหลานซือเฉิน?” เจียงนวลนวลดูเหมือนจะร้องไห้ออกมา “แสดงว่าคุณยังคิดถึงมันอยู่สินะ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่แสดงท่าทีรำคาญฉันแบบนี้หรอกใช่ไหม?!”

หลานซือเฉินรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นเพราะเจียงนวลนวลท้องหรือว่าอะไร ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ แถมอารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวก็ร้องไห้ แถมมักจะบอกว่าเขายังลืมเจียงสื้อสื้อไม่ได้อีก

แค่ครั้งสองครั้ง เขาก็ยังอดทนกล่อมเธอได้ แต่พอเยอะครั้งเข้า เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเธอหาเรื่องแบบไม่มีเหตุผล ทำให้รู้สึกน่ารำคาญมากจริงๆ

หลานซือเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่ออดกลั้นความรู้สึกหงุดหงิดใจเอาไว้ ก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อมไป : “นวลนวล คุณอย่าคิดเรื่อยเปื่อยแบบนี้จะได้ไหม? พวกเราแต่งงานกันแล้วนะ ลูกก็มีด้วยกันแล้ว คุณจะยังกลัวอะไรอีกล่ะ?”

เจียงนวลนวลพูดสะอึกสะอื้น “ก็ฉันกลัวว่าคุณจะกลับไปอยู่ข้างๆ มันอีกครั้งนี่นา” พอพูดถึงตรงนี้ การแย่งเอามาโดยไม่เลือกวิธี มักจะสร้างความไม่สงบใจแบบนี้ล่ะนะ

“ผมจะกลับไปอยู่ข้างๆ เธอคนนั้นทำไมล่ะ?”

ถึงแม้ว่าเขาจะคิดแบบนั้นก็ตาม แต่ก็ต้องการให้เจียงสื้อสื้อเห็นคล้อยตามด้วย

“จริงหรือ?” เจียงนวลนวลหยุดร้องไห้ พร้อมกับจ้องมองไปที่เขา

“จริงสิ” เพราะกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ หลานซือเฉินจึงยกมือขึ้นทำท่าทางสาบาน “ถ้าหากว่าผมพูดโกหกล่ะก็ ขอให้ผม……”

“ฉันเชื่อคุณแล้วล่ะ” เจียงนวลนวลกลัวว่าเขาจะสาบานอะไรไป จึงรีบเอามือปิดปากเขาไว้ทันที

หลานซือเฉินต้องใช้วิธีนี้ทุกครั้ง ถึงจะคลายความกังวลของเธอได้ ซึ่งในใจของเขาเองก็รู้สึกล้าไม่น้อย แต่ก็ยังพูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม : “หลังจากนี้ผมไม่อนุญาตให้คุณคิดเรื่อยเปื่อยแบบนี้อีกแล้วนะ พอผมเห็นคุณร้องไห้แล้ว ผมก็รู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาด้วยนะ”

“รู้แล้วล่ะค่ะ”

พอได้ยินแบบนั้น เจียงนวลนวลก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมา แต่ยังคงจับจ้องไปยังเจียงสื้อสื้อ ที่ยังคงยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนั้น

“ทำไมถึงกลับมากันนะ?”

เป็นเพราะเธอหายไป ทำให้จิ้นเฟิงเหราให้คนของเขามาจัดการพ่อของเธอ จนแทบจะลุกออกจากเตียงไม่ได้เลย จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่สบายดีขึ้นเลย

ทุกอย่างเป็นเพราะไอ้คนต่ำช้านั่นแท้ๆ

เจียงนวลนวลยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอหันหน้าไปพูดกับหลานซือเฉินว่า : “พวกเราลองไปกันเถอะ”

“ไปทำอะไรน่ะ?” หลานซือเฉินไม่อยากทำอะไรให้เกิดเรื่องอีก เพราะเขากลัวตระกูลจิ้นขึ้นมาแล้วจริงๆ

“ฉันให้คุณไปก็ไปสิ” เธอเริ่มพูดด้วยเหตุผลไม่ได้อีกครั้ง หลานซือเฉินขยับปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา

ขณะที่กำลังขับรถไปตามที่เธอพูดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับมาหยุดอยู่ข้างๆ เจียงสื้อสื้อ

“ให้ตายเถอะ” พอเห็นว่าเจียงสื้อสื้อขึ้นรถไป เจียงนวลนวลก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา

หลานซือเฉินเองก็อดทนต่อไปไม่ไหวอีก “นวลนวล อย่าลืมสิว่าคุณตั้งท้องอยู่นะ ระมัดระวังด้วย” น้ำเสียงของเขาดูแย่อย่างมาก เผยให้เห็นอารมณ์ที่ตำหนิติเตียน

เจียงนวลนวลเองก็เริ่มบ่นพึมพำออกมา : “ทำไมล่ะหลานซือเฉิน? แค่ฉันด่ามันว่าคนต่ำช้า คุณก็รู้สึกเจ็บปวดใจแล้วหรือไง?”

“นี่คุณเลิกเอาเรื่องอะไร โยงไปที่ตัวเธอคนนั้นได้บ้างหรือเปล่า?” หลานซือเฉินพยายามอดกลั้นความโกรธเอาไว้

“คุณดูสิ นี่คุณเจ็บปวดใจแทนไอ้คนต่ำช้านั่นจริงๆ ด้วย!” เจียงนวลนวลส่งเสียง “ฮึก” ร้องไห้ออกมา ราวกับเขาทำเรื่องที่ผิดต่อเธอไปยังไงยังงั้น

หลานซือเฉินเองก็อยากจะระเบิดโมโหออกมา แต่พอคิดว่าท้องของเธออุ้มเด็กอยู่ สุดท้ายก็พยายามระงับเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ กล่อมเธออย่างใจเย็น

……

“เดี๋ยวผมจะพาคุณไปที่ๆ หนึ่งนะ”

ทันทีที่เจียงสื้อสื้อขึ้นมาบนรถ จิ้นเฟิงเฉินก็พูดขึ้น

“ไปไหนหรือคะ?” เจียงสื้อสื้อถามขึ้น

“ไปถึงคุณก็รู้เองล่ะ”

พลันรถคันสีดำก็ขับออกจากเขตตัวเมือง จนมาถึงถนนริมทะเล

เจียงสื้อสื้อมองดูวิวทิวทัศน์ด้านนอก ที่กำลังผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันมามองผู้ชายที่นั่งอยู่ที่คนขับ “จะไปชายหาดงั้นหรือ?”

จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบตรงๆ แต่กลับพูดว่า : “เดี๋ยวถึงก็รู้เองล่ะ”

นี่เห็นชัดขนาดนี้แล้ว ทำไมเขายังปิดบังไว้อยู่อีกล่ะ?

เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น ก่อนจะไม่ถามอะไรต่อ

และก็เป็นอย่างที่เธอพูด พวกเธอมาถึงที่ชายหาดจริงๆ แต่มีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกันอยู่เล็กน้อย

รถยนต์มาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านพักตากอากาศริมทะเลหลังหนึ่ง เจียงสื้อสื้อโผล่หัวออกไปมองดู ก่อนจะขมวดคิ้วที่ดูละเอียดอ่อนนั้นแน่น

จิ้นเฟิงเฉินลงจากรถไปก่อน ก่อนจะเดินอ้อมรถเพื่อมาช่วยเธอเปิดประตูอีกข้างหนึ่ง

หลังจากที่เจียงสื้อสื้อลงจากรถ เธอก็เอาแต่ส่งสายตา มองดูบ้านพักตากอากาศ ที่สว่างเจิดจ้าตรงหน้าเธอตลอด

“ที่นี่ที่ไหนกันหรือคะ?” เจียงสื้อสื้อหันไปถามจิ้นเฟิงเฉิน

จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย เขาจูงมือเธอเดินเข้าไปที่บ้านพักนั้นทันที

เจียงสื้อสื้อเองก็เดินตามเขาไป ด้วยอาการอึ้งเล็กน้อย

บ้านพักตากอากาศหลังนี้กว้างใหญ่มาก แถมยังสร้างติดอยู่กับทะเล อีกทั้งยังตกแต่งด้วยสไตล์ที่กว้างขวางและเรียบง่าย ทั้งดูสะอาดทั้งดูสว่างไสว

แค่เจียงสื้อสื้อได้เห็น เธอก็รู้สึกชอบแล้ว

“ที่นี่เป็นบ้านของคุณหรือ?” เจียงสื้อสื้อถาม

“ไม่ใช่หรอก”

เป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงมาก่อน

เจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที “ถ้าไม่ใช่บ้านของคุณ แล้วทำไมคุณถึงพาฉันเข้าไปข้างในล่ะ? ที่นี่อาจจะเป็นบ้านพักส่วนตัวก็ได้นะ!”

ระหว่างที่พูดไป เธอก็พยายามดึงมือเขาออกมาด้วย

“สื้อสื้อ” จิ้นเฟิงเฉินรั้งเธอกลับ

เจียงสื้อสื้อหันกลับมา มองเขาด้วยสายตาที่งุนงง

จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเธอเข้าไปในนัยน์ตาอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก : “ที่นี่เป็นบ้านของคุณต่างหาก”

แววตาของเจียงสื้อสื้อค่อยๆ เบิกกว้างอย่างช้าๆ จนคำว่าประหลาดใจเขียนอยู่เต็มใบหน้าเธอหมด นี่คือบ้านของเธองั้นหรือ?

“ชอบไหมล่ะ?” เขาถามขึ้น

“ไม่” เจียงสื้อสื้อแทบจะตอบสนองอะไรกลับไปไม่ได้ “ตอนนี้ไม่ใช่ว่าฉันชอบหรือไม่ชอบหรอกนะ แต่บ้านหลังนี้มันเป็นมายังไงกันแน่คะเนี่ย?”

เธอซื้อบ้านอะไรแบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ นี่หรือว่า……

“คุณยกให้ฉันงั้นหรือ?” เจียงสื้อสื้อถาม

แต่จิ้นเฟิงเฉินเพียงแค่ยิ้ม โดยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

“ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก” เจียงสื้อสื้อพูด “ฉันรู้ว่าคุณมีเงิน แต่คุณก็ไม่ควรมาใช้สิ้นเปลือง โดยการซื้อแล้วยกให้ใครตามใจแบบนี้หรอกนะคะ”

“ก็คุณเป็นภรรยาในอนาคตของผมยังไงล่ะ”

แค่คำพูดประโยคเดียว ก็ทำให้เจียงสื้อสื้อชะงักไปทันที

จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างจริงจัง ก่อนจะพูดเน้นย้ำไปทีละคำทีละประโยค : “สื้อสื้อ ที่นี่เป็นของคุณกับผม และก็ยังเป็นของเสี่ยวเป่ากับลูกของพวกเราหลังจากนี้ แทนที่จะบอกว่าผมยกให้คุณล่ะก็ ให้บอกว่าผมอยากจะสร้างครอบครัวกับคุณที่นี่ดีกว่านะครับ”

อยากจะร้องไห้เหลือเกิน

ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่แยกทางกันเล็กๆ อีกทั้งแม่ของเธอก็ยังมาป่วยจนต้องนอนเตียง สิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุด ก็คือความสุข และบ้านที่เป็นของเธอเอง

คำพูดของเขานั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันจี้ตรงจุดที่อ่อนแอที่หัวใจของเธอได้อย่างตรงเผงพอดี

เจียงสื้อสื้อเอียงหน้าไปมอง พลางเม้มปาก พยายามอดกลั้นน้ำตาให้กลับเข้าไป เธอเค้นรอยยิ้มออกมา ก่อนจะพูดหยอกเล่นว่า : “นี่คุณกำลังจะขอแต่งงานหรือเปล่าคะเนี่ย?”

“ใช่ครับ”

“มันดูลวกๆ ไปหน่อยไหมคะ” เจียงสื้อสื้อตั้งใจทำท่าทางว่าไม่พอใจ “ไม่มีดอกไม้ ไม่มีแหวน แทบไม่เหมือนการขอแต่งงานเลยด้วยซ้ำนะ”

“คุณอยากได้ดอกไม้กับแหวนงั้นหรือ?”

“แน่นอนสิคะ นี่คือขอแต่งงานเลยนะ ก็ต้องให้เป็นพิธีการเสียหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ” จิ้นเฟิงเฉินหยิบมือถือออกมา

“คุณจะทำอะไรน่ะ?” เจียงสื้อสื้อรีบถามขึ้น

“ให้คนมาส่งดอกไม้ให้ทีนะ” จิ้นเฟิงเฉินพูดไปด้วยกดมือถือไปด้วย

“ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ” เจียงสื้อสื้อกดมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะยิ้มพูด : “ฉันชอบบ้านหลังนี้มากๆ เลยล่ะค่ะ”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท