บทที่ 313 ถูกคนร้ายจับตัว
ท้องได้เดือนกว่าเหรอ?
แท้งตอนที่ล้มงั้นเหรอ?
เจียงสื้อสื้อคล้ายกับถูกมือคู่หนึ่งจิกเข้าอย่างจัง เธอเอามือลูบท้องโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้เพราะอะไร เธอรู้สึกว่าคำพูดของเสิ่นซูหลันคือเรื่องจริง
“เดี๋ยวก่อน!”
เจียงสื้อสื้อพูดขึ้นเพื่อหยุดการกระทำของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสอง แล้วเดินมาหยุดที่ตรงหน้าเสิ่นซูหลัน
“พูดใหม่อีกทีสิ!”
เสิ่นซูหลันมองเธอด้วยสายตาสมเพช “เจียงสื้อสื้อ แกนี่มันน่าสงสารจริงๆ แท้งลูกทั้งคนแกยังไม่รู้ตัว โถๆๆ สงสารลูแกที่ยังไม่มีแม้แต่โอกาสจะเป็นคน”
เจียงสื้อสื้อกำมือแน่น เธอพยายามเก็บความโกรธเอาไว้ แล้วพูดว่า “เสิ่นซูหลัน คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”
“ในเมื่อแกเดินมาตรงนี้ มันก็หมายความว่าเชื่อไม่ใช่เหรอ?” เสิ่นซูหลันพูดด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
เจียงสื้อสื้อไม่ได้ตอบกลับ เธอจ้องมองเสิ่นซูหลันอยู่สักครู่จากนั้นออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ขับไล่เสิ่นซูหลันออกไป
“เจียงสื้อสื้อ นี่คือผลกรรมที่แกทำไว้! แกต้องชดใช้! แกทำให้นวลนวลแท้งลูก ตัวแกเองก็แท้งลูกเหมือนกัน เป็นยังไงล่ะ?เจ็บปวดใช่ไหม! ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงๆ!”
เจียงสื้อสื้อเดินกลับไปที่ห้องผู้ป่วย เสียงเสิ่นซูหลันกรีดร้องดังเข้ามา เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตา สีหน้าซีดเผือด
ถ้าเสิ่นซูหลันเพียงแต่แต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อตอกย้ำเธอ ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องจัดฉากให้เหมือนจริงแบบนี้
แต่……เธอรู้สึกว่านี่คือเรื่องจริง ซึ่งเธอรับไม่ได้
ตอนที่เธออยู่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เสิ่นซูหลันก็อยากจะบอกเรื่องนี้กับเธอ
แต่เฟิงเฉินห้ามเธอไว้ อีกทั้งขับไล่เธอออกมา
น่าเจ็บใจนัก
เจียงสื้อสื้อรีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาจิ้นเฟิงเฉิน
เธอจะต้องรู้ความจริงให้ได้
ในขณะที่เธอกำลังเลี้ยวเข้าไปในห้อง ก็มีบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้นและจับมือเธอไว้
เธอตกใจกรีดร้องออกมา เมื่อเธอหันไปมองก็พบว่าเป็นคนร้าย
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ปล่อยนะ! ปล่อยฉันนะ!” เจียงสื้อสื้อพยายามดิ้นหนี
แต่แรงผู้หญิงหรือจะไปสู้แรงผู้ชาย อีกทั้งร่างกายเธอยังไม่หายดี เธอไม่สามารถสู้เขาได้แม้แต่น้อย
ชายผู้นั้นลากตัวเธอเข้าไปในห้อง และเหวี่ยงเธอไปที่พื้น
“โอ๊ย!”
เจียงสื้อสื้อล้มลงกระแทกพื้นอย่างจัง
แต่เธอไม่มีเวลามาสนใจความเจ็บปวดนี้ เธอถือโอกาสที่ชายผู้นั้นเดินไปล็อคประตู รีบลุกขึ้นและวิ่งไปทางหน้าต่าง
ชายผู้นั้นเห็นดังนั้นก็รีบตรงเข้าไปยังเธอ
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อรวดเร็วกว่าเขา วินาทีที่ชายผู้นั้นมาถึงตัวเธอ เธอก็ปีนขึ้นไปยังหน้าต่างแล้ว ขาข้างหนึ่งของเธอก้าวไปด้านนอก
“ถ้าแกกล้าเข้ามา ฉันก็จะกระโดดลงไป!” ความหวาดกลัวหายไปจากสมองของเธอ เหลือเพียงการขู่ที่แน่วแน่
เขาจึงต้องหยุดการกระทำลง สีหน้ามองไปที่เธออย่าเคร่งเครียด
เมื่อพบว่าเขาไม่ได้เดินหน้าเข้ามา เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นจึงพูดว่า “แกต้องการอะไร?”
เมื่อเธอถามดังนั้น ทำให้ผู้ร้ายเพิ่มความโมโห และตะคอกใส่เธอว่า “ถ้าจะโทษ ก็โทษที่แกมันซวย!”
จากนั้นตรงเข้าไปดึงเธอลงมา
เมื่อเจียงสื้อสื้อเห็นเขาตรงเข้ามาเช่นนั้น เธอก็หันหลังจะกระโดดลงไปข้างล่าง แต่ชายผู้นั้นรวดเร็วกว่าเธอ เขาดึงเธอลงมาได้สำเร็จ
ในขณะนั้นเอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงผิดปกติจากด้านใน จึงได้พังประตูเข้ามาและเห็นเจียงสื้อสื้อถูกชายผู้นั้นกดทับไว้ จึงถามขึ้นด้วยความตกใจว่า “แกเป็นใคร?”
ชายผู้นั้นไม่ได้ตอบ เขาค่อยๆลากตัวเจียงสื้อสื้อแล้วลุกขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นหยิบมีดพกในกระเป๋ากางเกงออกมาจ่อที่คอของเธอ
เมื่อเห็นว่าผู้ร้ายมีอาวุธ เขาทั้งสองก็สีหน้าเปลี่ยนไป
“เรียกตัวจิ้นเฟิงเฉินมา ไม่อย่างนั้นฉันไม่เอานังนี่ไว้แน่!” ผู้ร้ายพูดกับเจ้าหน้าที่ทั้งสอง
พกวเขาไม่กล้าลังเล รีบโทรหาจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินกำลังลงจากลิฟต์ เมื่อประตูเปิดออก เสียงมือถือก็ดังขึ้น
เขารับสายแล้วได้ยินเสียงปลายสายพูดว่า “ท่านจิ้นครับ คุณนายเจียงถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน ผู้ร้ายบอกว่าต้องการพบท่าน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็สีหน้าเปลี่ยนไป เขารีบวางสายและขับรถตรงไปยังโรงจอดรถ
ประตูรถถูกเปิดออก ติดเครื่องและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว
รถของเขาขับออกมาจากโรงจอดด้วยความเร็วสูง
เขาใช้เวลาเพียง10นาทีจากปกติ20นาทีในการเดินทางมาโรงพยาบาล
เขาวิ่งเข้าไปด้วยความร้อนรนใจ ผู้คนที่เห็นเกตุการณ์ล้วนพากันตกตะลึง
สื้อสื้อจะต้องไม่เป็นอะไร!
ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินมาถึงและพบว่าเจียงสื้อสื้อถูกจ่อด้วยมีด มือทั้งสองข้างของเขาก็กำแน่น
เขามองไปยังผู้ร้ายด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วถามขึ้นว่า “มีข้อแลกเปลี่ยนอะไร?”
ผู้ร้ายไม่คิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะถามออกมาตรงๆแบบนั้น เขาตกตะลึงและตอบกลับไปว่า “แหม ทานประธานจิ้นเนี่ย ตรงไปตรงมาดีจริงๆ”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเขาโดยไม่ส่งสายตาไปยังเจียงสื้อสื้อแม้แต่น้อย เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมองเห็นถึงความกังวลของเขา
มีดพกเล่มนั้นจี้อยู่ที่คอของเธอ เจียงสื้อสื้อหวาดกลัวมาก แต่ก็รวบรวมสติได้อย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากทำให้จิ้นเฟิงเฉินเป็นห่วงไปมากกว่านี้
เธอจะต้องนิ่ง จะต้องไม่ทำให้จิ้นเฟิงเฉินเสียสมาธิ
“ฉันขอให้แกปล่อยพรรคพวกฉันซะ และมอบเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเราเดินทางออกไปจากเมืองจิ่น”
ผู้ร้ายพูดในสิ่งที่ต้องการออกมา
“โอเค ตกลงตามนั้น” จิ้นเฟิงเฉินตอบรับโดยไม่ครุ่นคิด
จากนั้นเขาก็โทรหาตำรวจต่อหน้าผู้ร้าย สั่งให้ปล่อยตัวคนพวกนั้น
จากนั้นโทรหาผู้จัดการ ให้เขานำเงินหนึ่งล้านมายังโรงพยาบาล
หลังจัดการเรียบร้อย จิ้นเฟิงเฉินมองไปยังผู้ร้ายด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เขาเอ่ยว่า “พอใจหรือยัง?”
ผู้ร้ายหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ท่านประธานจิ้น ผมต้องเห็นพรรคพกและเงินก่อนสิถึงจะปล่อยตัวประกันได้ อ้อ ขอรถสักคันด้วยนะ “
“ตกลง”
จิ้นเฟิงเฉินตอบรับอย่างรวดเร็วดังเดิม
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง กู้เนี่ยนเดินถือตู้เซฟเข้ามาด้านในห้องผู้ป่วย
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจ แต่เขาเป็นถึงผู้ช่วยของจิ้นเฟิงเฉิน ไม่นานก็ตั้งสติได้และเดินมาข้างๆจิ้นเฟิงเฉินพูดว่า “ท่านประธานครับ เงินหนึ่งล้านได้แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินไม่พูดอะไร เพียงส่งสายตารับทราบ
กู้เนี่ยนเดินถือตู้นิรภัยนั้นมาวางข้างผู้ร้ายแล้วเปิดออก “นี่คือเงินหนึ่งล้าน”
ผู้ร้ายแววตาเป็นประกาย “นับให้ครบ”
“นี่……”กู้เนี่ยนหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้ร้ายก็ตะโกนว่า “ฉันไม่เชื่อพวกแกหรอก ใครจะรู้ล่ะว่าในนี้มีแต่เงินจริงหรือเปล่า ไม่แน่ว่าข้างล่างอาจจะเป็นกระดาษธรรมดาๆ”
“นับ!”
ภายใต้คำสั่งของจิ้นเฟิงเฉิน กู้เนี่ยนเปิดออกและนับทีละปึก
“ทั้งหมด100ปึก เห็นหรือยัง?”กู้เนี่ยนถามขึ้นเมื่อนับเสร็จ
ผู้ร้ายพูดต่อไปว่า “เก็บซะ”
กู้เนี่ยนทำตามคำสั่ง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนายเจียงอยู่ในมือมัน เขาคงจะเอาเงินพวกนี้ปาใส่หน้ามันจริงๆ
น่ารำคาญจริงๆ!
หลังจากนับเงินเรียบร้อยแล้ว มือถือของจิ้นเฟิงเฉินก็ดังขึ้น
เขามองไปยังผู้ร้ายแล้วรับสาย
คนในสายรายงานเรียบร้อย เขาก็วางสายลงพูดว่า “เพื่อนๆคุณถูกปล่อยตัวแล้ว ตอนนี้อยู่ด้านล่าง”