บทที่ 315 ตายหนึ่งบาดเจ็บสาม
เจียงสื้อสื้อตกตะลึงและรีบลุกขึ้นมา เธอหันหลังไปมองพบว่าจิ้นเฟิงเหราล้มอยู่ที่พื้น เลือดค่อยๆไหลออกมา
เกิดอะไรขึ้น!!!
เจียงสื้อสื้อเบิกตาโตกว้าง แววตาเธอแฝงไปด้วยความตื่นเต้นตกใจและหวาดกลัว
สื้อสื้อ!
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เจียงสื้อสื้อจึงหันหลังกลับไปมอง
“ช่วยพยุงผมที” จิ้นเฟิงเฉินกระแทกลงไปที่พื้นอย่างแรง เขายังเจ็บอยู่ไม่สามารถขยับตัวได้
เจียงสื้อสื้อตั้งสติได้และพยุงเขาขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินจูงมือเธอและเดินไปข้างๆจิ้นเฟิงเหรา มองดูเลือดที่ไหลนองออกมานั้นแล้วจิ้นเฟิงเฉินกุมมือเธอไว้แน่น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จิ้นเฟิงเหราถูกส่งตัวไปยังห้อง ICU
จากที่จิ้นเฟิงเฉินเล่าให้ฟัง เจียงสื้อสื้อจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกคนร้ายขับรถออกไปและกลับมาเพื่อจะชนพวกเขา
แต่จิ้นเฟิงเหราวิ่งเข้ามาขวางไว้
ส่วนตัวเขาเองหลบไม่ทันจึงได้ถูกรถชนเข้าและทับจนขาหัก
ณ ตอนนั้นเธอเองยังอยู่ในสภาพหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้ได้ฟังเรื่องราวจากจิ้นเฟิงเฉิน เธอจึงได้กลัวขึ้นมา
“คนร้ายล่ะคะ?” เธอถาม
“ตาย 1 บาดเจ็บ 3” ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล มีตำรวจคอยดูอยู่
ตอนที่เกิดเหตุนั้น พวกเขาขับรถมาด้วยความเร็วสูง หลังจากรถชนเข้ากับทั้งสองแล้ว ก็หักเหทิศทางและพุ่งไปชนกับเสาไฟจราจรเข้าอย่างจัง
คนขับตายทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนอีก 3 คนบาดเจ็บ
เจียงสื้อสื้อคิดว่าผู้ร้ายจะหอบเงินและหลบหนีไปด้วยดี คิดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินและทางตำรวจได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว พวกเขาไม่สามารถหลบหนีออกไปจากเมืองจิ่นได้
“ผู้ร้ายคนนั้นบาดเจ็บเยอะไหมคะ?” เจียงสื้อสื้อถามถึงผู้ร้ายคนที่จับตัวเธอเป็นตัวประกัน
“ไม่เยอะ สติสัมปชัญญะเขาครบถ้วน”
“เขาได้พูดอะไรบ้างหรือเปล่า?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างร้อนรน
เธออยากจะรู้ว่าเป็นฝีมือของเจียงนวลนวลหรือเปล่าที่ทำร้ายเธอ
จิ้นเฟิงเฉินรู้ถึงความคิดในใจเธอ จึงได้ตอบกลับไปว่า “เป็นเจียงนวลนวล”
ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “เป็นเธอจริงๆด้วยสินะ”
เธอกำมือแน่น สีหน้าเปลี่ยนไปและคิดว่าเจียงนวลนวลจะทำเรื่องร้ายกับเธอไปถึงไหนถึงจะพอกัน?
“เธอยอมรับหรือเปล่าคะ?”
ยังไม่เจอตัวเธอ
เจียงสื้อสื้อนิ่งไปชั่วครู่จากนั้นพูดว่า “ฉันจะไปกับพวกคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ได้ครับ”
……
หลังจากการผ่าตัดหลายชั่วโมงผ่านไป จิ้นเฟิงเหราก็ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด
“เฟิงเหรา!”
พ่อจิ้นแม่จิ้น จิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อรีบวิ่งเข้าไป
“คนไข้ยังไม่ฟื้นจากยาสลบนะครับ” คุณหมอพูด
“คุณหมอคะ ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้าง?” คุณแม่สิ้นถามด้วยท่าทางรีบร้อน
“นอกจากบาดเจ็บที่ขาและมีเลือดออกเล็กน้อยในปอด อื่นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
แต่เธอก็ยังรู้สึกเจ็บปวดแทนลูกชาย น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด
เจียงสื้อสื้อเห็นดังนั้นเธอก็รู้สึกเป็นกังวล
ที่จิ้นเฟิงเหราเป็นแบบนี้ก็เพราะช่วยพวกเขาทั้งสองไว้ อีกทั้งหากสืบสาวราวเรื่องต้นเหตุที่แท้จริงก็มาจากเธอนั่นเอง
เมื่อคิดได้ดังนี้เธอก็รู้สึกผิดมาก เธอได้แต่โทษตัวเอง
ที่ผ่านมาเธอสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขามากมาย
จิ้นเฟิงเหราถูกส่งตัวไปยังห้องพักผู้ป่วย โดยมีคุณพ่อและคุณแม่คอยดูอยู่ข้างๆ
เจียงสื้อสื้อคล้ายอยากจะพูดอะไรออกมา แต่เมื่อมองไปยังแม่จิ้นที่ซับน้ำตาไม่หยุดหย่อน เธอก็ไม่มีแรงจะพูดมัน
“คุณไม่ต้องโทษตัวเองหรอก” จิ้นเฟิงเฉินบีบมือเธอแล้วพูดเบาๆที่ข้างหู
เธอหันไปขมวดคิ้วมองเขา ไม่เข้าใจว่าเขารู้ความคิดเธอได้อย่างไร
“ความคิดของคุณเขียนอยู่บนหน้าแล้ว”
เจียงสื้อสื้อรีบหันหน้ากลับไป สูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามเก็บกลั้นน้ำตา
จากนั้นจึงหันกลับไปถามเขาว่า “คุณพ่อคุณแม่จะโทษฉันไหม?”
“ไม่ครับ” จิ้นเฟิงเฉินพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มปลอบใจ “พวกท่านจะโทษคุณได้ยังไง?”
เนื่องจากว่า กว่าจะทำให้พ่อแม่สามียอมรับเธอได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอกลัวว่าจะต้องกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน
“อย่าคิดมากไปเลยครับ” จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเธอ
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
……
ส่วนทางซูชิงหยิง เมื่อรู้ว่าคนร้ายได้รับบาดเจ็บและอยู่ที่โรงพยาบาล ขณะเดียวกันก็ถูกทางตำรวจจับกุมเป็นที่เรียบร้อย
เธอก็แทบสิ้นแรงและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง สีหน้าซีดเซียวและพึมพำกับตัวเองว่า “ตายแล้ว! ตายแน่ๆ!”
เว่ยจี้เหิงเดินเข้ามาและเห็นท่าทางเช่นนั้นก็รีบถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ชิงหยิง คุณเป็นอะไรครับ?”
เมื่อได้ยินเสียงของเขา ซูชิงหยิงจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น
น้ำตาของเธอไหลร่วงลงมา
“คุณเป็นอะไรกันแน่?” เว่ยจี้เหิงตกตะลึงและรีบเช็ดน้ำตาให้เธอ พูดว่า “ผมบอกแล้วไงว่าผมจะช่วยคุณแน่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?”
จิ้นเฟิงเฉินกุมมือเจียงสื้อสื้อเขาเอาไว้และรีบพูดว่า “พาฉันออกจากประเทศทีนะคะ”
“ออกจากประเทศหรือครับ?” เว่ยจี้เหิงขมวดคิ้ว
“ค่ะ แล้วจะไม่กลับมาอีกเลย”
ซูชิงหยิงคิดว่าถ้าเธอออกไปจากเมืองจิ่น จิ้นเฟิงเฉินก็จะไม่คิดทำอะไรครอบครัวเธอ
เว่ยจี้เหิงลังเล เนื่องจากธุรกิจการค้าของเขาทุกอย่างอยู่ที่ในประเทศ
“คุณบอกกับฉันไม่ใช่เหรอคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็จะช่วยฉัน” ซูชิงหยิงโมโหและสะบัดมือเขาออกไป เธอหันไปมองทางอื่น
เมื่อเห็นดังนั้นเว่ยจี้เหิงไม่ทันจะคิดอะไรมากกว่านี้ ก็พยักหน้าและตอบว่า “ครับผมจะพาคุณออกไป”
เมื่อเห็นว่าเขาออกปากรับคำเธอแล้ว ซูชิงหยิงก็รีบยิ้มออกมาและกอดเขาพูดว่า “จี้เหิง คุณดีจริงๆ”
เมื่อสาวงามอยู่ในอ้อมอก เว่ยจี้เหิงไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เขามียิ้มอย่างมีความสุข
“ขอแค่คุณมีความสุขก็พอแล้วครับ”
เขาไม่ทันได้สังเกตว่าซูชิงหยิงที่อยู่ในอ้อมอกของเขาตอนนี้ยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์
รอให้เธอออกไปจากประเทศนี้และให้เรื่องราวทุกอย่างสงบลง เธอจะต้องกลับมาแน่
เธอไม่วางมือจากเจียงสื้อสื้อง่ายดายแบบนี้หรอก
……
ในขณะเดียวกัน เจียงนวลนวลก็กำลังยิ้มอย่างมีความสุข
“นวลนวล ลูกยิ้มมา 2 ชั่วโมงกว่าแล้วนะ”
เสิ่นซูหลันเดินถืออาหารเย็นออกมาวางและมองดูนวลนวลที่ยังนั่งยิ้มไม่หุบ
เจียงนวลนวลจึงได้หันมามองเธอและพูดว่า “แม่คะ แม่คิดว่านางนั่นตอนนี้จะนั่งร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเจ็บปวดอยู่หรือเปล่าคะ? มันจะกำลังผิดหวังอยู่ใช่ไหม? หนูแค่จินตนาการดูหน้ามันตอนเจ็บปวดก็รู้สึกว่าความคับแค้นหายไปไม่น้อยเลยค่ะ”
เสิ่นซูหลันนึกย้อนไปถึงสถานการณ์ตอนนั้นก็พูดออกมาว่า “นวลนวล นังนั่นยังบอกกับแม่ว่าไม่เชื่ออยู่เลย แต่ที่จริงแล้วมันเชื่ออย่างสุดใจ ถ้าไม่ได้ถูกมันไล่ออกมาเสียก่อนก็คงจะได้เห็นท่าทางเจ็บปวดของมันกับตาตัวเอง”
“แม่คะ พรุ่งนี้พวกเราไปเยี่ยมมันกันไหม?” ชิงหยิงพูด
เสิ่นซูหลันขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แต่ที่นั่นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลอยู่ พวกเราเข้าไปไม่ถึงตัวหรอก”
เจียงนวลนวลพูดว่า “จิ้นเฟิงเฉินดูแลเธออย่างดีขนาดนั้นไม่ใช่เพราะว่ารู้ว่าเธอแท้งเหรอคะ?”
สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งก็คือการที่จิ้นเฟิงเฉินดูแลเจียงสื้อสื้ออย่างดี
แล้วเธอล่ะ?
หลานซือเฉินชอบอ้างว่างานยุ่งและไม่มาดูเธอเลย
รอให้ร่างกายเธอดีขึ้นกว่านี้ จะต้องคิดบัญชีกับเขาแน่ๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ เสิ่นซูหลันก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงได้พูดปลอบประโลมไปว่า “ลูกก็อย่าไปคิดมากเลย แม่ถามพ่อดูแล้วหลานซือเฉินงานยุ่งมากจริงๆ”