บทที่ 317 เผชิญหน้ากับผู้ต้องหา
หลานซือเฉินพูดยังไม่ทันขาดคำ เจียงนวลนวลก็รีบพูดขึ้นมาว่า “หลานซือเฉิน คุณบ้าไปแล้วหรือไง?คุณจะให้ฉันไปเผชิญหน้ากับคนร้ายเนี่ยนะ
“นี่เป็นวิธีเดียวที่จะยืนยันได้ว่าคุณบริสุทธิ์นะนวลนวล”
หลานซือเฉินกำลังจะพูดจาหว่านล้อมเธอ แต่กลับถูกเธอปฏิเสธว่า “ไม่! ฉันไม่ไปเผชิญหน้ากับคนร้ายหรอก! การที่ฉันยอมทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าฉันยอมรับว่าฉันทำสินะ?”
“นวลนวล ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ทำ พวกเราไปด้วยกันดีไหมครับ” หลานซือเฉินพูด
“ในเมื่อเจียงนวลนวลไม่อยากไป พวกเราก็จะพาคนร้ายมาเอง”
เจียงสื้อสื้อพูดประโยคนี้และมองดูเจียงนวลนวลด้วยสายตาเยือกเย็น
เมื่อได้ยินเธอพูดดังนั้น สีหน้าของเจียงนวลนวลก็เปลี่ยนไปทันที เธอจ้องไปยังเจียงสื้อสื้อตาเขม็งและพูดว่า “เจียงสื้อสื้อ อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะโยนความผิดให้ฉันได้”
“การที่คุณไม่ไปก็เพราะว่ากลัวความผิดไม่ใช่หรือไง? หรือกลัวว่าทุกอย่างจะถูกเปิดเผยกัน?”
“ไม่ใช่นะ!” เจียงนวลนวลพูด
งั้นก็ไปสิ”!”
“ฉัน……” เจียงนวลนวลมองดูเจียงสื้อสื้อ และตอบกลับไปว่า “ก็ได้ เจียงสื้อสื้อ นี่แกกำลังจี้จุดฉันอยู่สินะ?”
เจียงสื้อสื้อทำเป็นไม่ได้ยิน
เจียงนวลนวลไปทางคนอื่นที่อยู่ในห้อง พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตกลงค่ะ ฉันจะไป อยากจะรู้จริงๆว่าสุดท้ายแล้ว ถ้าสืบสวนออกมาว่าฉันไม่ใช่คนกระทำ พวกคุณจะชดใช้ค่าทำขวัญให้ฉันยังไง?”
เธอหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองว่า “ฉันยินดีให้ความร่วมมือเผชิญหน้ากับผู้ต้องสงสัยค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางอันแสนมั่นใจของเธอ เจียงสื้อสื้อก็หันไปมองจิ้นเฟิงเฉินถึงด้วยท่าทางเป็นกังวล
จิ้นเฟิงเฉินกุมมือของเธอไว้ เป็นความหมายว่าไม่ต้องห่วง
ไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร แต่การกระทำในครั้งนี้เจียงนวลนวลมีส่วนร่วมด้วยแน่นอน
……
เมื่อเดินทางมาถึงห้องพักผู้ป่วยของหลี่หมิงเจียงนวลนวลก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน เธอก้มหน้าลง กำมือแน่น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
“นวลนวลครับ” หลานซือเฉินเรียกชื่อเธอ
เจียงนวลนวลหันไปทางเจียงสื้อสื้อและพูดว่า “ถ้าไม่ใช่ฉัน แกจะต้องชดใช้ด้วยการขอโทษโดยวิธีที่ฉันพอใจ”
เจียงสื้อสื้อหัวเราะแล้วพูดว่า “เจียงนวลนวล เธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนนะว่าไม่ใช่เธอ?”
“ไม่ใช่ฉันแน่ๆ!” เจียงนวลนวลเชิดหน้าด้วยความมั่นใจ
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอเองไม่มีความมั่นใจแล้ว แต่ยังพูดออกไปว่า “ดีมาก ต่อให้ไม่ใช่เธอเป็นคนบงการด้วยตัวเอง แต่เธอก็มีส่วนร่วมใช่ไหมล่ะ”
เมื่อเธอพูดจบสีหน้าของเจียงนวลนวลก็มีความกังวลแทรกเข้ามา
“ยังไงก็ ไม่ใช่ฉันแล้วกัน” เจียงนวลนวลพูดด้วยท่าทางไม่มั่นใจ
เจียงสื้อสื้อและ33มองตากัน ตอนนี้พวกเขาพอจะรู้บ้างแล้ว
เมื่อหลี่หมิงมองเจียงนวลนวล ก็พบว่าเธอเป็นแค่เพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น เขาหันไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “เธอเป็นใคร?พวกคุณพาเธอมาที่นี่ทำไม?”
“เธอก็คือเจียงนวลนวล คนที่คุณบอกว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไง!”
หลี่หมิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจียงนวลนวลเหรอ?ไม่ใช่นี่ เจียงนวลนวลที่ฉันรู้จักไม่ได้หน้าตาแบบนี้”
แม้ว่าจะทำใจมาบ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินหลี่หมิงพูดจากปากตัวเองว่าไม่ใช่เจียงนวลนวล เจียงสื้อสื้อใจก็ตกไปที่ตาตุ่ม
หากไม่ใช่เจียงนวลนวลแล้วจะเป็นใครล่ะ?
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนต่ออีกครู่ และยืนยันว่าเจียงนวลนวลไม่ใช่คนที่สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากเวลาและเหตุการณ์โดยมากไม่ตรงกัน
หากเป็นเช่นนี้ เจียงนวลนวลก็ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย
หลังเดินออกมาจากห้องของผู้ป่วย เจียงนวลนวลก็มีท่าทีหยิ่งผยองตามเดิม และพูดกับเจียงสื้อสื้อด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ว่า “เป็นยังไงล่ะ?แกผิดหวังมากใช่ไหม? ฉันบอกแล้วไงว่าการที่ใส่ร้ายฉันมันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ”
เจียงสื้อสื้อกำมือแน่น มองเธอด้วยสายตาเยือกเย็นและพูดด้วยถ้อยคำชัดเจนว่า “อย่าทำเป็นดีใจไป กลัวว่าเมื่อถึงเวลาแล้วเธอจะร้องไห้แทบไม่ทัน”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินไปพร้อมกับจิ้นเฟิงเฉิน
เจียงนวลนวลตะโกนออกมาว่า “เจียงสื้อสื้อ! สมน้ำหน้าแก! ลูกก็แท้ง! นี่เป็นผลกรรมที่แกต้องชดใช้เข้าใจไหม? ลูกของฉันไปแก้แค้นลูกของแกแล้ว!”
เจียงนวลนวลหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า
เจียงสื้อสื้อหยุดฝีเท้าลงสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินได้ยินคำพูดของเจียงนวลนวล สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาหันหลังกลับไปมองเธอและสงสัยว่าเธอรู้เรื่องที่แท้งอยู่ก่อนแล้วหรือ?
“เจียงสื้อสื้อ แกมันนังสาระเลว ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ แกก็ไม่มีปัญญามีลูกเป็นของตัวเอง น่าสมเพชจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็แทบสติขาด เธอหันหลังกลับไป เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงนวลนวลจ้องตาเขม็งและพูดว่า “พูดจบหรือยัง?”
เจียงนวลนวลถูกอารมณ์เยือกเย็นของเธอปกคลุมไปทั่ว แต่ในไม่ช้าก็ควบคุมสติกลับมาได้และพูดว่า “ยัง!ฉันยังพูดไม่จบ แก……”
เพลี้ยะ!!!
เสียงดังสะท้อนได้ยินไปทั่วทั้งชั้น
ฝ่ามือเมื่อสักครู่เจียงสื้อสื้อใช้แรงทั้งหมดที่เธอมีอยู่ กระทั่งตอนนี้ปลายนิ้วมือเธอยังคงชา
เจียงนวลนวลถูกตบเสียจนยืนเซ
“แก!ฉันจะฆ่าแก!”
เจียงนวลนวลไม่มีเวลามาสนใจกับความเจ็บปวด เธอเดินตรงเข้ามาและเอื้อมมือขึ้น
เจียงสื้อสื้อไม่ขยับตัว เธอยังยืนอยู่ที่เดิม
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นสถานการณ์อย่างนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาและพาเธอไปหลบอยู่ข้างหลังตนเอง จากนั้นจับมือเจียงนวลนวลเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ!”เจียงนวลนวลพยายามจะดึงมือของตัวเองกลับมา จากนั้นพูดอย่างไม่คิดว่า “จิ้นเฟิงเฉิน คุณมันตาบอดถึงได้เลือกนางแพศยาแบบนี้!”
“เมื่อ 5 ปีก่อน เพื่อให้ได้เงินมา เธอตัดสินใจนอนกับผู้ชายแปลกหน้าเพื่อรับอุ้มบุญ ผู้หญิงแพศยาแบบนี้คุณยังเห็นเธอดีเลิศอีกหรือ? ตาบอดจริงๆ!”
หลานซือเฉินได้ยินดังนั้นก็ตกอกตกใจ รีบวิ่งเข้าไปปิดปากเธอไว้ และพูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “ประธานจิ้นครับ เธอกำลังโมโห พูดจาไร้สาระ อย่าเอาไปใส่ใจเลย เจียงสื้อสื้อเป็นคนยังไงคุณรู้ดีที่สุดแล้วใช่ไหมครับ”
จิ้นเฟิงเฉินสีหน้าตึงเครียด ดวงตาอาฆาตแค้นคู่นั้นมองไปยังเธอและพูดว่า “ผมจะไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่หากว่าครั้งต่อไปผมยังได้ยินเธอพูดถึงสื้อสื้อแบบนี้อีกล่ะก็ รับรองว่าจะต้องตายทั้งเป็นแน่”
น้ำเสียงของเขานั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง หนาวเข้ากระดูกดำ
หลานซือเฉินขนลุกจนตัวสั่น จากนั้นก็ก้มหลังพยักหน้าพูดว่า “ผมจะสั่งสอนเธอเองครับ”
“เฟิงเฉิน พวกเราไปเถอะค่ะ”
มองจากภายนอกแล้ว เจียงสื้อสื้อสงบสติอารมณ์ได้ดีมาก แต่ความจริงแล้วเธอร้อนรนใจเป็นที่สุด
จิ้นเฟิงเฉินรู้จักเธอดี การที่เธอนิ่งเงียบแบบนี้ในใจช่างตรงกันข้าม
เขากุมมือเธอไว้แล้วพูดเบาๆว่า “อย่าคิดมากครับ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอจูงมือเขาเดินไปจากที่นั่น
เมื่อทั้งสองจากไปแล้ว หลานซือเฉินจึงได้ปล่อยตัวเจียงนวลนวล
“หลานซือเฉิน! คุณสมรู้ร่วมคิดกับพวกมันรังแกฉันได้ยังไง?” เจียงนวลนวลตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจจนเสียงแหบ
หลานซือเฉินสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คุณพอได้หรือยัง! คุณต้องการให้ตระกูลหลานซวยไปกับพวกคุณด้วยใช่ไหมถึงจะพอใจ?”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้คุณพูดอะไรออกไป? ถ้าทำให้จิ้นเฟิงเฉินโมโหแล้วก็ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าจะตระกูลหลานหรือว่าตระกูลเจียง ก็คงไม่มีที่จะยืน”
หลานซือเฉินถอนหายใจออกด้วยความผิดหวัง และพูดกับเธอว่า “เจียงนวลนวลคุณทำให้ผมผิดหวังมากจริงๆ”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินหันหลังจากไป เหลือไว้แต่เพียงเจียงนวลนวลคนเดียวเท่านั้น