บทที่ 352 ตอนนี้คุณทำให้คนสะอิดสะเอียนจริง ๆ
“ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ” หลินเซินเงยหน้าขึ้นมามองส้งหวั่นชีง อย่างจริงใจ ในสายตาเต็มไปด้วยความเสียใจ เหมือนกับได้รับความเจ็บปวดเมื่อสูญเสียความรักไป
มองอย่างเย็นชา ส้งหวั่นชีงไม่มีอะไรที่จะแสดงออก
ระหว่างที่กำลังมึนงงอยู่นั้นหลินเซินก็ได้เดินไปข้างหน้าอย่างดุดัน ทำท่าต้องการที่จะกอดส้งหวั่นชีง
“กึก ”ในสายตาแสดงให้เห็นถึงความเย็นชาอย่างขีดสุด ส้งหวั่นชีงค่อย ๆ ถอยหลัง ไม่ให้โอกาสหลินเซินแม้แต่นิดเดียว
จิ้นเฟิงเหราที่นั่งอย่างไม่เป็นสุขได้เงยหน้ามองข้างนอก เห็นหลินเซินเดินเข้าไปใกล้ มือที่บีบช้อนอยู่ก็ยิ่งใช้แรงมากขึ้น เปลวไฟในดวงตาเหมือนว่าจะกำลังพ่นออกมาอย่างนั้น
“แคร็ก แคร็ก”เห็นท่าทางของเขาอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อเอามือปิดปากแล้วไออย่างเบา ๆ
“สื้อสื้อ คุณเป็นอะไรไป?”ได้ยินเสียงไอของเจียงสื้อสื้อ ใจของจิ้นเฟิงเฉินก็กังวลขึ้นมาทันที ใช้มือประคองหลังของเจียงสื้อสื้อแล้วตบอย่างเบา ๆ
เห็นพวกเขาสองคนแสดงความรักอย่างโจ่งแจ้ง จิ้นเฟิงเหราก็ทำตาค้อนแล้วหยิบช้อนจิ้มแก้วอย่างรุนแรง
“ผมผิดไปแล้วจริง ๆ …หวั่นชีง” เห็นส้งหวั่นชีงค่อย ๆ ถอยหลังไป ในสายตาของหลินเซินก็เผยให้เห็นถึงความเสียใจชั่วขณะ มองดวงตาที่เคยทำให้เขาหลงใหล ส้งหวั่นชีง ยิ้มอย่างเย็นชา
“รู้ว่าผิดแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร”ตอนที่พูดออกมามีน้ำเสียงเรียบเฉียบเกินไป จนทำให้ส้งหวั่นชีงตัวเขาเองตกใจ ตั้งแต่ไหนมาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาพูดจากับเขาอย่างเรียบเฉียบอย่างนี้
“ผม……ผมรู้ว่าผิดไปแล้วจริง ๆ ขอโทษ ผมรู้เรื่องที่ผมทำก่อนหน้านี้มันเลวร้ายมาก แต่ว่าผมสาบานวันหลังผมจะไม่ทำอย่างนั้นอย่างเด็ดขาด ยกโทษให้ผมนะ หวั่นชีง…… หลังไปจากคุณแล้ว ผมถึงรู้ว่าคนที่ผมรักมีเพียงแค่คุณ” หลินเซินยื่นมือมาจับมืออีกข้างของส้งหวั่นชีง ส้งหวั่นชีงขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วเอามือดึงกลับไป กลับไม่อยากถูกคนนั้นยิ่งจับก็ยิ่งแน่น
“รู้ว่าผิดแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ทำความผิดใช้แค่ประโยคหนึ่งขอโทษก็สามารถมาชดเชยได้เหรอ งั้นจะมีตำรวจไว้เพื่ออะไร…เกิดเรื่องไปแล้ว พวกเราใครก็ไม่มีวิธีที่จะกลับไปอดีต”
ส้งหวั่นชีงพูดอย่างประชัดประชัน สะบัดมือของเขาออกอย่างรุนแรงแล้วหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป
เห็นเขาเหมือนต้องการที่จะเดินออกไป หลินเซิน รีบร้อนก็ยืนมือคว้าเขาไว้ทันที แล้วเอ่ยปากว่า“ยกโทษให้ผมนะ ผมจริงใจจริง ๆ
ผมสาบานเรื่องก่อนหน้านี้จะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองอย่างเด็ดขาด จริง ๆ ผมรับรอง”
จับมือของเขาแน่น เหมือนกลัวว่าจะออกไปจากเขา แต่กลับถูกส้งหวั่นชีง สะบัดออกอย่างรุนแรง
“หลินเซิน……”ส้งหวั่นชีง เหลือบตามอง ไม่รู้อารมณ์ในดวงตา
แค่เห็นริมฝีปากเขาเพยิด พูดออกมาแต่ละคำแต่ละประโยค “ตอนนี้คุณทำให้คนสะอิดสะเอียนจริง ๆ ”
หลังพูดจบ ก็เหมือนยิ้มอย่างประชดประชันแล้วถอนหายใจพูดว่า “ปล่อยเถอะ ฉันจะไม่ให้อภัยคุณไปตลอดชีวิต”
ได้ยินประโยคนี้ ในสายตาหลินเซิน ก็แสดงถึงความหมดหวังขึ้นมา มีความเสียใจบ้างแต่ก็พูดไม่ออกแล้วค่อย ๆ เดินขึ้นมา ส้งหวั่นชีงเห็นเขาเหมือนอยากที่จะดึงมือของตนเอง จึงค่อย ๆ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เจียงสื้อสื้อเหลือบมอง เป็นห่วงสองสามคนที่มองไปหน้าต่างด้านนอก หยิบผ้าห่มเบา ๆ แล้วเม้มที่ปาก เห็นสถานการณ์ที่อยู่ด้านนอกยิ่งดำเนินต่อก็ยิ่งจะควบคุมยาก แล้วมองจิ้นเฟิงเหราอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย
แค่เห็นคนนั้นมองไปนอกหน้าต่างอย่างนิ่งสงบ เหมือนว่าเรื่องที่อยู่ในห้องไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด ใจที่เป็นห่วงในดวงตาและมือที่จับผ้าห่มแน่นกลับเปิดเผยความคิดของเขาออกมา
“เฮ้อ”เจียงสื้อสื้อถอนหายใจเบา ๆ และส่ายหัว เวลานี้จิ้นเฟิงเหราแตกต่างกับเขาในเวลาวันปกติโดยสิ้นเชิง
“เรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกเล็กน้อย……ส้งหวั่นชีงอาจจะจัดการไม่ดี เธอไม่ออกไปช่วยสักหน่อยเหรอ?”เจียงสื้อสื้อคิดแล้วในที่สุดก็เอ่ยปากออกมา ได้ยินเสียงจิ้นเฟิงเหรางุนงงไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร
นานมาก แค่เห็นเขาหันหัวกลับมาแล้วถามอย่างเชื่องช้าว่า“เรื่องของเขาเกี่ยวข้องอะไรกับผม ผมช่วยเขาทำไม ” ได้ยินแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ตะลึงอยากจะพูดแต่กลับไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอะไรดี
“คุณมีสิทธิ์อะไรคิดว่าฉันจะให้โอกาสคุณ ตอนที่คุณทำเรื่องเหล่านั้นออกมา เรื่องราวระหว่างพวกเราก็จบสิ้นไปนานแล้วคุณเข้าใจไหม ตอนนี้คุณมีสิทธิ์อะไรมาหาฉันอีก ฉันคืออะไรคิดอยากจะทิ้งก็ทิ้งได้ ตอนอยากได้ก็เรียกกลับมาอีกงั้นเหรอ?
คุณอย่ามาเกะกะงานของฉัน ฉันไม่อยากเห็นคุณ สกปรกตาฉัน”
ส้งหวั่นชีงตะคอกอย่างปวดใจเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงเขา หลินเซินยกมือขึ้นไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
ถอนหายใจแล้วเอ่ยปากอย่างช้า ๆ “ผมรู้แล้ว ผมเข้าใจ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ คุณอย่าโกรธมันไม่ดีต่อร่างกายคุณ ผ่านไปสักพักผมจะมาหาคุณใหม่”
หลินเซิน ถอยหลังไปสองสามก้าวในสายตาเต็มไปด้วยความห่วงหา ส้งหวั่นชีงยิ้มแล้วเอ่ยปากว่า “วันหลังคุณไม่ต้องมาอีกตลอดชีวิตเลยจะดีที่สุด”ใกล้กับที่นั่งรถ หลินเซินขยี้หัวคิ้ว ในสายตาทั้งหมดไม่ได้ตกต่ำเหมือนเมื่อกี้ ในสายตาส่องประกายความเย็นชาและเตะรถอย่างรุนแรง
“คนเลวไม่เอาหน้า อวดดีอะไรถ้าหากไม่ใช่ต้องอาศัยเธอเพื่อเข้าใกล้บ้านตระกูลจิ้นแล้ว เธอคิดว่าฉันจะมาหาเธอเหรอ?” พูดไปก็เท่านั้น และก็นึกถึงความผิดพลาดในเวลานั้น
วันนั้นที่ห้างสรรพสินค้า ไม่ระวังพลาดตีฉีหรั่น ผู้หญิงคนนั้นไปแล้วก็บอกเลิก กระทั่งช่วงเวลาที่เขารีบไปนั้นก็ได้ทำแท้งแล้ว โครงการที่สองตระกูลร่วมมือกันก็สิ้นสุดลง เพราะเรื่องนี้ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายไม่น้อย ตอนนี้ในภาวะวิกฤตถ้าไม่ใช่เห็นว่าส้งหวั่นชีงมีความสัมพันธ์ดีกับบ้านตระกูลจิ้นแล้ว เขาก็คงจะไม่มา
เขาก็ไม่ใช่ไม่เคยคิดที่จะไปธนาคาร แต่ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรธนาคารกลับไม่เห็นด้วย ทำได้แค่ปล่อยไป
“ ฉันไม่เชื่อว่าจะหลอกผู้หญิงโง่คนนี้ไม่ได้ อย่างเก่งก็ตามตื๊อ”หลินเซินยิ้มอย่างช้า ๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยแผนการ
เห็นเงาหลังของหลินเซิน จากไป ส้งหวั่นชีงก็ได้เช็ดเหงื่อที่หน้าผาก มองคนที่เดินตามท้องถนนที่มองมาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้จึงแสดงรอยยิ้มตอบแทนออกไป
คิดได้ ไม่รู้ว่าทำไมสายตาก็มองไปทางร้านอาหารนั่นอย่างแปลกประหลาด มองดูจิ้นเฟิงเหราที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่
ในใจของส้งหวั่นชีงก็เกิดความเสียใจขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ก้มหัวลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เจียงสื้อสื้อมองดูท่าทางของจิ้นเฟิงเหรา แล้วส่ายหัวอย่างเบา ๆ
แต่กลับจิ้นเฟิงเหรากินข้าวในจานอย่างเรียบร้อย ไม่ได้ส่งสายตาไปด้านนอกหน้าต่างอีก ในสายตาแฝงไปด้วยอารมณ์ที่ดูไม่ออก โอบล้อมร่างกายของเขาอย่างแผ่วเบา
“มา อันนี้อร่อย”จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากแล้วเพิ่มผักใส่ไปในจานของเจียงสื้อสื้อ ในสายตาหยุดความเอ็นดูไม่ได้
เจียงสื้อสื้อก็มองกลับไปที่เขา ในสายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความหมาย สายตาของคนทั้งสองผสานกันทำให้คนมองแล้วเกิดความอิจฉา
แต่ท่าทางของทั้งสองคน กลับไม่ได้ดึงดูดสายตาของจิ้นเฟิงเหราจริง ๆ เขายังคงก้มหน้าอย่างจริงจัง ทำให้คนดูอารมณ์ของเขาไม่ออก
แต่สายตาของเจียงสื้อสื้อกลับไม่ได้ออกห่างจิ้นเฟิงเหรา บางทีรู้สึกว่าสายตาของคนนั้นร้อนแรงมากเกินไป จิ้นเฟิงเหราค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเจอกับสายตาของเจียงสื้อสื้อพอดี
เจอกับสายตาในเวลานั้น เจียงสื้อสื้อตกตะลึง เป็นดวงตาที่สะอาดหมดจด แต่ในดวงตาที่แอบแฝงความโกรธก็สามารถเห็นได้ชัดเจน คิดถึงตรงนี้แล้วเจียงสื้อสื้อก็ยิ้มและได้กลับมาคือสายตาที่สงสัยของจิ้นเฟิงเหรา
“ช่างเถอะ เรื่องเหล่านี้ยังไงก็ให้พวกเขาจัดการเอง”เจียงสื้อสื้อคิดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร