บทที่ 339 ฉันกลับรู้สึกว่าโชคดีเล็กน้อย
พ่อจิ้นขัดคำไว้ทันเวลาและแม่จิ้นก็พูดไม่ออก
ตอนนี้แม่จิ้นเพิ่งจะนึกได้ว่าลูกชายคนเล็กของเธอที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล ต้องการคนดูแล แม้ว่าเธอจะยังคงเป็นห่วงเสี่ยวเป่า แต่เธอก็ต้องยอม
“โอเคครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลเสี่ยวเป่า และสื้อสื้อให้ดี”
เมื่อรู้ว่าแม่จิ้นกังวลเรื่องอะไร จิ้นเฟิงเฉินก็สัญญากับแม่จิ้นอีกครั้งก่อนจะออกไป
เธอส่งทั้งสามคนไปอย่างไม่เต็มใจ แม่จิ้นกลับไปที่ห้องครัวด้วยอารมณ์เป็นห่วง
เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของภรรยา พ่อจิ้นก็ตามเข้าไปในครัว เมื่อเห็นว่าแม่จิ้นเหม่อลอยเล็กน้อย เขาจึงปลอบเธอว่า “ตอนนี้ลูก ๆ โตแล้ว และมีความคิดเป็นของตัวเอง คุณควรปล่อยมือได้แล้ว”
“แต่อาการบาดเจ็บของ เสี่ยวเป่าเพิ่งจะหายดี ฉันเป็นห่วงจริงๆ ต้องโทษเฟิงเหราที่ทำให้ฉันไม่ได้อยู่กับเสี่ยวเป่า” แม่จิ้นหยุดงานในมือลงและอดไม่ได้ที่จะบ่น
“ฮ่าฉึ้ย -”
ในตอนนี้จิ้นเฟิงเหราซึ่งอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลก็จามออกมา เขาลูบๆจมูกและพึมพำ“ ใครกำลังคิดถึงฉัน?”
เขาเล่นโทรศัพท์อย่างเบื่อๆ จิ้นเฟิงเหราทนไม่ได้แล้วจริงๆ เขาอยู่คนเดียวมาหลายวันแล้ว แม้แต่พยาบาลเขาก็ไม่ค่อยได้เจอ สำหรับจิ้นเฟิงเหราแล้วนี่ทรมานยิ่งกว่าฆ่าเขาเสียอีก
แต่ไม่เป็นไรถ้าพยาบาลไม่มา เขาก็ออกไปเดินเล่นเองด้วยไม้ค้ำได้
เมื่อเห็นผู้คนในสวนเดินเล่นต่างยุ่งเรื่องของตัวเอง เป็นคนธรรมดาที่ดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ นี่เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ทางสายตาสำหรับเขาที่คุ้นเคยกับการทำการใหญ่มาตลอด
เพื่อการพักฟื้นที่ดี คณบดีได้สั่งห้ามไม่ให้พยาบาลไปรบกวนเขาเป็นการส่วนตัวมานานแล้ว ใครให้คุณชายรองของเรามีเสน่ห์มากเกินไป แต่ก็ยังมีหญิงสาวตัวเล็ก ๆ อีกมากมายที่ยอมเสี่ยงโดนทำโทษเพื่อมาแอบดูเขาตรงหน้าต่างประตู
วันนี้จิ้นเฟิงเหรามาที่สนามเดินเล่นตามปกติ ไม่นานหลังจากนั่งลง เขาก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังขึ้นจากที่ไม่ไกลนี้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับเขา
เขาแอบฟังและพบว่ามีสามเสียง ในนั้นมีหนึ่งเสียงที่เขาคุ้นเคยก็คือพยาบาลตัวน้อยคนนั้น
ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงพยาบาลตัวน้อยตะคอกด้วยความโกรธ “หลินเซินนายทำแบบนี้กับฉันได้อย่างไร!”
จิ้นเฟิงเหราสงสัยเล็กน้อย ปกติแล้วพยาบาลตัวน้อยดูใจดีมาก เรื่องอะไรที่ทำให้เธอโกรธขนาดนี้
ขณะที่เขากำลังสงสัย เสียงแหลมๆของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้น และน้ำเสียงของเธอก็ค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง “ เธอยังกล้าที่จะถามคนอื่นหรือ ไม่ดูเลยว่าตัวเองเป็นยังไง ครอบครัวธรรมดาๆ เป็นคนธรรมดาๆ หัวโบราณและน่าเบื่อ ผู้ชายคนไหนชอบเธอสิแปลก ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จิ้นเฟิงเหราก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากของเขา สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดมันเจ็บมากนะ ไม่รู้ว่าพยาบาลตัวน้อยจะตอบกลับอย่างไร เขาอดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน
ในขณะนี้ส้งหวั่นชีงตะโกนว่า “หุบปากไปเลยนะ เธอไม่มีสิทธิ์พูด!”
“ส้งหวั่นชีง คุณนั่นแหละที่ควรหุบปาก ตอนนี้คนที่ผมรักคือฉีหรั่นคุณไม่มีสิทธิ์ตะคอกใส่เธอ อีกอย่าง เธอมีลูกของผมอยู่ในท้องแล้ว ผมจะบอกให้ว่าเราจบกันแล้ว”
ในเวลาเดียวกันเสียงของชายคนนั้นก็ดังขึ้น จิ้นเฟิงเหราเขย่งเท้าและมองดู เขาเห็นว่าชายคนนั้นพาผู้หญิงคนนั้นเดินจากไปอย่างได้ใจ เหลือเพียงพยาบาลตัวน้อยที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ตอนนี้เขาเข้าใจว่า ส้งหวั่นชีงกำลังถูกคนเลวๆสองคนนี้รังแก หลังจากคิดๆเรื่องนี้แล้ว ถ้าเขาปรากฏตัวตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสม เขากำลังจะเดินออกไป ก็พบว่าส้งหวั่นชีงกำลังเดินก้มหน้ามาทางนี้ .
จิ้นเฟิงเหราอดไม่ได้ที่จะร้องคร่ำครวญในใจ นี่เขาถูกจับจังๆเลย เขาอธิบายด้วยความลำบากใจว่า “เอ่อ.. ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ ฉันแค่ออกมาเดินเล่น แล้วฉันไม่คาดคิดว่าจะเจอ… ”
เขาพูดเป็นเหมือนเด็กที่ทำผิด และเขาไม่กล้ามองตาส้งหวั่นชีง
ส้งหวั่นชีงมองไปที่เขาและยิ้ม“ ไม่เป็นไร ได้ยินก็ได้ยินไปเถอะ”
หลังจากพูดจบเธอก็นั่งลง ตอนนี้จิ้นเฟิงเหราไม่รู้ว่าควรไปหรืออยู่ต่อ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของส้งหวั่นชีงมันก็ไม่ดีถ้าหากเขาจะเดินออกไปในตอนนี้ เขาก็เลยกลับไปนั่งที่เดิม
อากาศเงียบมากจิ้นเฟิงเหรามองไปที่ส้งหวั่นชีงอย่างระมัดระวัง พยายามอยากเอ่ยปากปลอบโยนเธอ แต่เขาไม่รู้จะพูดอะไร เขากังวลมาก
จิ้นเฟิงเหราบอกว่าตัวเองรู้จักผู้หญิงเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้ควรทำยังไง
ในตอนที่เขาแทบจะเป็นบ้า ส้งหวั่นชีงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันน่าอายใช่ไหม”
………
จิ้นเฟิงเหราไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ผู้ชายในตอนนี้มันแย่กันขนาดนี้เลยเหรอ? เพราะพวกเธอไม่ยอมให้ร่างกาย ก็รู้สึกว่าผู้หญิงหัวโบราณและน่าเบื่อ แต่การรักนวลสงวนตัวมันผิดหรอ? สัตว์ที่ใช้แค่ช่วงร่างคิดอย่างเขาสิถึงน่าเบื่อ ”
ส้งหวั่นชีงหัวเราะเยาะเย้ย ราวกับว่ากำลังพูดกับตัวเอง และราวกับว่ากำลังคุยกับจิ้นเฟิงเหรา
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด จิ้นเฟิงเหราก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเธอจะคิดได้ขนาดนี้ ตอนแรกก็คิดว่าเธอจะเสียใจแทบตายเสียอีก
เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อชี้แนะให้เธอ พอหันหน้าไปก็เห็นน้ำตาที่มุมขอบตาของเธอ จิ้นเฟิงเหราต้องกลั้นคำพูดกลับไป
แต่ก็ไม่อยากให้เธอเศร้าเกินไป จิ้นเฟิงเหราแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและพูดว่า “อันที่จริงคุณไม่ต้องเสียใจก็ได้ คุณควรมีความสุข อย่างน้อยตอนนี้คุณได้กำจัดผู้ชายเลวๆออกไปแล้ว สิ่งที่คุณทำถูกต้องมาก ฉันสนับสนุนคุณมาก”
หลังจากพูดจบเธอก็ยกนิ้วให้เธอ ส้งหวั่นชีงมองบนใส่เขาและพูดด้วยสีหน้าโกรธๆ “ปกตินายพูดเก่งไม่ใช่เหรอ ใครเขาปลอบคนแบบนี้กัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิ้นเฟิงเหราก็ไม่รู้สึกอะไร “ความปลอบใจที่ปลอม ๆ สามารถทำให้อารมณ์ของคุณสงบลงได้ แน่นอนว่าพูดความจริงจะดีกว่า”
เมื่อฟังคำพูดของเขา ส้งหวั่นชีงก็ก้มศีรษะลงและฝังใบหน้าของเธอไว้ตรงกลางแขนของเธอและพูดอย่างเสียใจว่า “แต่ฉันก็ยังเศร้าอยู่ดี เมื่อฉันคิดถึงสองปีที่คบกับผู้ชายเลวๆคนนี้ ฉันคิดว่าฉันไม่คุ้มกับมันเลยจริงๆ …… ”
จิ้นเฟิงเหราลูบหัวของเธอและปลอบว่า“ เสียใจก็ร้องไห้ออกมาสิ เป็นการระบายอารมณ์ที่ดีที่สุดในการบรรเทาอารมณ์ของเรานะ จะดีกว่านี้ถ้ามีเหล้าสักหน่อย ”
เมื่อได้ยินคำว่าเหล้า ส้งหวั่นชีงก็จ้องเขา “ตอนนี้ฉันยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ฉันจะดื่มเหล้าได้ยังไง”
จิ้นเฟิงเหรามองไปที่นาฬิกาและพูดว่า “เกือบจะถึงเวลาเลิกงานของคุณแล้ว แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคุณอยากดื่ม ผมสามารถดื่มเป็นเพื่อนคุณได้”
เมื่อได้ยินว่าเขาจะดื่มเป็นเพื่อนตัวเอง ส้งหวั่นชีงจึงรีบปฏิเสธ “นายบ้าไปแล้วเหรอ นายยังบาดเจ็บอยู่ การดื่มเหล้าไม่ดีต่อบาดแผล”
เมื่อเห็นเธอกังวล จิ้นเฟิงเหราก็มีความสุขเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปที่แผลที่ขาและพูดอย่างเฉยเมยว่า “สำหรับผู้ชายแล้วแผลแค่นี้ไม่มีอะไรหรอก คำเดียวเลย ดื่มหรือไม่ดื่ม”
คำพูดของเขาสกิดใจเธอ ส้งหวั่นชีงไม่มีอะไรให้คิดมาก และพูดตรงๆว่า “นายยังไม่สนใจเลย ฉันจะสนใจทำไม นายรอก่อน”
หลังจากพูดจบเธอก็ลุกขึ้นและเดินจากไป เมื่อเห็นเงาหลังที่เธอเดินจากไป จิ้นเฟิงเหราไม่รู้ว่าทำไมเขากลับรู้สึกว่าโชคดีเล็กน้อย