บทที่ 338 เอาคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่า
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะเบา ๆ เขาเป็นคนพูดทุกอย่างที่คิดอยู่แล้ว เขามองไปที่ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของส้งหวั่นชีงจู่ๆเขาก็พูดว่า “ไม่งั้นก็ เอาของคุณให้ผมก็ได้นะ ”
ส้งหวั่นชีงถึงกับผงะแล้วหัวเราะอย่างรวดเร็วและพูดติดตลกว่า “ฉันไม่ให้นายหรอก ฉันมีแฟนแล้ว”
บรรยากาศในห้องคนไข้เงียบลงอย่างแปลกๆ
หลังจากตกตะลึงชั่วครู่จิ้นเฟิงเหราก็ยิ้ม“ ช่างน่าเสียดายจริงๆ แต่เดิมผมว่าจะให้โอกาสคุณสักหน่อย อย่างไรก็ตาม คนที่หล่อและรวยอย่างผม มีไม่มากแล้วจริงๆ”
คนรวยที่หลงตัวเองขนาดนี้ก็หายากเช่นกัน ส้งหวั่นชีงกล่าวเพิ่มในใจ โดยพูดอย่างไม่มีความเมตตาเลยว่า “ถ้าอย่างงั้นต้องขอบคุณมากๆนะคะ แต่ฉันไม่ต้องการ”
“ คุณพูดแบบนี้ ผมเสียใจมากนะ” จิ้นเฟิงเหรากุมหัวใจของเขาด้วยท่าทางเศร้าๆ
ส้งหวั่นชีงหัวเราะออกมา เธอไม่เคยเห็นคนอย่างจิ้นเฟิงเหรา
“เป็นยังไงบ้าง ผมสามารถทำให้คุณมีความสุขได้ ทิ้งแฟนของคุณไปเถอะ มาเข้าอ้อมแขนของผมดีกว่า หวั่นชีง” จิ้นเฟิงเหรากระพริบตาใส่เธอ
“ เลิกปากดีได้แล้ว เจ็บขนาดนี้แล้วยังไม่หยุดอีก”
หลังจากพูดจบ เปลี่ยนยาเสร็จพอดี ส้งหวั่นชีงก็ลุกขึ้นและเดินจากไป
ในห้องพักคนไข้จิ้นเฟิงเหรา เฝ้าดูร่างเพรียวของเธอที่กระพริบหายไปตรงประตู เขาเบะริมฝีปากรู้สึกเบื่อเธอมีเจ้าของแล้ว น่าเสียดายจัง เขาไม่เคยยุ่งกับคนมีเจ้าของ
ดูเหมือนว่า ความสนุกสนานของเขาลดลงไปหนึ่งอย่าง
ชิช้ะ น่าเสียดายจริงๆ
ในช่วงบ่ายของวันนั้น ซูชิงหยิงได้ดำเนินการทั้งหมดและเตรียมเดินทางไปต่างประเทศ
อารมณ์ของเธอซับซ้อนมาก มือของเธอที่ถือหนังสือเดินทางไว้ก็สั่นเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าเธอจะออกจากประเทศนี้ด้วยวิธีนี้
ไม่เพียงแค่เสียงศักดิ์ศรี แต่ยังไม่เต็มใจด้วย
“ทุกอย่างจะดีขึ้น” เว่ยจี้เหิงปลอบอย่างอ่อนโยนอยู่ข้างๆเธอ
ซูชิงหยิงหยุดชั่วคราวแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ เว่ยจี้เหิง
วันนี้เธอไปต่างประเทศ ยกเว้นพ่อแม่ ไม่น่าเชื่อว่ามีเพียงชายคนนี้เท่านั้นที่มาส่งเธอ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซูชิงหยิงก็เกลียดมากขึ้น
ในอดีตเมื่อตอนที่ตระกูลซูรุ่งเรือง ไม่รู้ว่ามีคนมากแค่ไหนที่ต้องการเกาะติดและคนที่ประจบซูชิงก็ยิ่งนับไม่ถ้วน
เมื่อถูกไล่ออกก็ไม่มีแม้แต่เพื่อนที่จะมาเยี่ยมเธอ
สิ่งที่เรียกว่าเพื่อนนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ทั้งนั้น ทันทีที่เธอสูญเสียตำแหน่งและสถานะที่น่าภาคภูมิใจไป ทุกคนก็หายไป
น่าเสียดายที่เธอเข้าใจมันช้าเกินไป
เว่ยจี้เหิงหยิบกระเป๋าของซูชิงหยิงออกมาจากท้ายรถ เมื่อเห็นว่าซูชิงหยิงยังอยู่ในรถ เขาจึงเรียกเธอไปสองครั้ง ซูชิงหยิงก็กลับมามีสติและลงจากรถไป
“เมื่อคุณไปถึงที่นั่นแล้ว ก็ใช้ชีวิตดีๆ หากคุณต้องการอะไร ก็โทรหาผมและอย่าลำบากตัวเอง โทรศัพท์มือถือของผมจะเปิดไว้สำหรับคุณตลอด 24 ชั่วโมง”
คำพูดที่อบอุ่นดังขึ้นในหูของเธอ หัวใจของซูชิงหยิงหวั่นไหว หัวใจที่เย็นชาของเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เธอขอบคุณอย่างจริงใจ “จี้เหิงขอบคุณนะ ขอบคุณที่ยอมมาส่งฉัน ขอบคุณที่คุณเต็มใจที่จะปรากฏตัวอีกครั้ง”
“คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น” เว่ยจี้เหิงยิ้มและพูด “คุณดูแลตัวเองให้ดี เมื่อผมมีเวลา ผมจะไปหาคุณแน่นอน”
พ่อซูก็เดินเข้ามาเช่นกัน บอกด้วยความรักว่า “เรื่องที่นั่นฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คล้าย ๆ กับที่บ้านเรา ชิงหยิงอีกไม่นานพ่อโอนทรัพย์สินไป แล้วก็จะไปอยู่ที่นั่นเป็นเพื่อนหนูนะ ไม่ต้องกลัว คราวนี้คุณแม่จะไปพร้อมหนู เธอจะดูแลหนูเอง พวกเธอรอสักระยะหนึ่ง ถึงเวลานั้นแล้ว ครอบครัวเราสามคนจะยังคงอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของซูชิงหยิงก็กระตุก และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่า ชายคนนี้ที่พยุงทุกอย่างไว้ให้เธอนั้นอายุมากแล้ว
ผมที่หวีอย่างเรียบร้อยของเขา มีผมหงอกเพิ่มมาจำนวนมาก และรอยตีนกาที่มุมตาของเขาก็ลึกขึ้นเช่นกัน ในเวลาเพียงไม่กี่วันเขาแก่ลงเยอะเลย
หลายปีที่ผ่านมานี้ซูชิงหยิงไม่ได้มองพ่อซูอย่างจริงจังเลย พอมองดูแบบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
ดูเหมือนว่าเจียงสื้อสื้อจะเคยบอกว่า ถ้าพ่อของเธอไม่ขอร้องเธอ เธอจะไม่ยอมยกเลิกฟ้องร้องหรอก
ผู้ชายคนนี้ที่ปกป้องเธอมาหลายปี ยังคงปกป้องเธอหลังจากที่เธอได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ดีออกมา
พ่อของเธอไปขอร้องเจียงสื้อสื้อด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ
ดวงตาของซูชิงหยิงก็เปียกขึ้นมา ในที่สุดเธอก็ก้มหน้าและยอมรับผิดต่อพ่อซู “พ่อ ขอโทษนะคะ ลูกเป็นลูกอกตัญญู พ่ออายุมากแล้วและยังต้องมาเป็นห่วงลูกสาว หนูขอโทษนะคะ”
ลูกสาวของแข็แกร่งมาโดยตลอด น้อยครั้งที่จะมีท่าทางที่นุ่มนวลเช่นนี้ พ่อซูพอใจมาก เขาตบบ่าเธอแล้วปลอบว่า “สิ่งนี้จะทำให้หนูโตขึ้นได้ ก็ไม่เลวนะ ไปเถอะ”
ถึงแม้จะไม่อยากจากกันแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องจากกันอยู่ดี
ซูชิงหยิงและแม่ซูเดินไปที่ประตูขึ้นเครื่อง และในขณะที่เธอหันกลับไป อารมณ์ของเธอก็พังทลายลง ในทางกลับกันแม่ซูที่เงียบมาตลอดกลับมีสายเย็นชา
เรื่องนี้จะไม่จบแค่นี้ รอไปถึงต่างประเทศ มือของจิ้นเฟิงเฉินไม่สามารถยื่นยาวขนาดนั้น เจียงสื้อสื้อ เธอไม่ยอมให้เธออยู่เย็นเป็นสุขแน่ๆ
ความทุกข์ที่ลูกสาวได้รับในวันนี้ เธอจะเรียกคืนมาเป็นสิบเท่าร้อยเท่า เธอจะให้ เจียงสื้อสื้อชดใช้อย่างสาหัส
………
หลังจากที่ซูชิงหยิงจากไป เจียงสื้อสื้อได้รับข่าวก่อน เธอถอนหายใจออกยาวๆ และในที่สุดจัดการปัญหาใหญ่ไปได้
จากนั้นเธอสามารถอยู่กับจิ้นเฟิงเฉินได้ตลอดไปแล้วสิ
เจียงสื้อสื้อผ่อนคลายขึ้นทันที
เวลา 7:30 น. จิ้นเฟิงเฉินกลับมาถึงบ้าน และเจียงสื้อสื้อเรียกให้เขาไปล้างมือและมาทานข้าว
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกและล้างมือเสร็จ คนทั้งครอบครัวก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว จิ้นเฟิงเฉินพูดกับเจียงสื้อสื้อว่า “ฉันมีเรื่องจะพูด”
ทุกคนมองมาที่เขา
จิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างไม่เร่งรีบ: “แผนการเดินทางท่องเที่ยวจัดการเสร็จแล้ว เราจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเป่าเป็นคนแรกที่ร้องดีใจขึ้นมา เจียงสื้อสื้อก็มีความสุขมาก จิ้นเฟิงเฉินก็อดยิ้มไม่ได้
หลังทายอาหารค่ำเสร็จ เจียงสื้อสื้อและเสี่ยวเป่าทั้งสองก็ไปเก็บกระเป๋าเดินทางอย่างกระตือรือร้น
“หม่ามี๊ ผมอยากจะเอามันไปด้วย” เสี่ยวเป่าหมายถึงPeppa Pig ของเล่นที่เขาชอบมาก
เจียงสื้อสื้อโบกมืออย่างใจกว้าง “ได้ เอาไปด้วยสิ”
“โอเคโอเค แล้วอันนี้ผมก็อยากเอาไปด้วย”
ทันใดนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็เตือนว่า: “เสี่ยวเป่าอย่านำของเล่นไปมากเกินไป หนูจะต้องถือกระเป๋าของหนูเองนะ ”
ทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าของเสี่ยวเป่าก็ยุบลง เขาถือกระเป๋าเองงั้นเหรอ? มันหนักนะ
เจียงสื้อสื้อแตะศีรษะของเขา เขาน่ารักเกินไปแล้ว
แม่จิ้นก็ตามมาด้วย และพูดกับจิ้นที่นั่งอยู่ด้านข้างและไม่ทำอะไรว่า “ระวังหน่อยนะ ดูแลเสี่ยวเป่าและสื้อสื้อให้ดี อย่าให้เกิดอะไรขึ้นอีก”
ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากไป แม่จิ้นยังวางใจไม่ได้ เขาสามคนกำลังจะไปเที่ยวอีกแล้ว เธอกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นอีก
แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะสัญญาแล้วสัญญาเล่า แม่จิ้นก็ยังคงกังวล
“เอาอย่างงี้ดีกว่า ฉันตามไปด้วยดีกว่า”
พ่อจินที่อยู่ข้างนอกได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “หนุ่มๆสาวๆไปเที่ยวกัน คุณจะไปวุ่นวายด้วยทำไม”
แม่จิ้นไม่เต็มใจ: “ฉันดูแลเสี่ยวเป่าไม่ได้หรือไง ปล่อยให้พวกเขาเที่ยวให้สนุกสนาน ไม่ต้องคอยกังวล นี่ฉันหวังดีไงล่ะ”
“ ได้ๆๆ คุณหวังดี เฟิงเหราล่ะ ไม่เอาแล้วหรือ?”