บทที่ 363 คุณยินดีแต่งงานกับฉันไหม?
เขาเดินไปข้างเตียงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แก้ชุดคลุมอาบน้ำบนร่างกายออกด้วยมือข้างเดียว แล้วเอนกายนอนข้างๆเจียงสื้อสื้อ
บุกเข้าไปข้างๆกายทันที เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะลืมตา ก็เห็นถึงหน้าอกที่กำยำล่ำสันของจิ้นเฟิงเฉิน เมื่อเธอกวาดสายตามองลงไป คาดไม่ถึงว่าจะเห็น…..
เจียงสื้อสื้อหน้าแดงจรดใบหูทันที ต้องการจะหันตัวกลับไป คาดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไม่ให้โอกาสนี้กับเธอแล้ว ครอบงำริมฝีปากเธออย่างแรง
ริมฝีปากของจิ้นเฟิงเฉินเย็นเล็กน้อย ซึ่งนี่แตกต่างอย่างชัดเจนกับร่างกายที่ร้อนผ่าวของเขา
ไม่นานเจียงสื้อสื้อก็ถูกยึดอยู่ในการรุกรานที่อ่อนโยนของเขา สายตาเริ่มเปลี่ยนเป็นไม่ชัดเจน อุณหภูมิของร่างกายก็ค่อยๆร้อนขึ้นมา รวดเร็วมาก ก็เปลี่ยนให้คนกลายเป็นร้อนผ่าว
มองบนร่างกายของเจียงสื้อสื้อทั้งหมดคือร่องรอยที่ตนเองทิ้งเอาไว้ จิ้นเฟิงเฉินก็พอใจเป็นอย่างมาก
……
“หม่ามี๊! หม่ามี๊เปิดประตูหน่อย!”
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เสียงเอะอะของเสี่ยวเป่าก็พาให้คนทั้งสองที่หลับฝันอยู่ตื่นขึ้นมา หลังจากที่เจียงสื้อสื้อได้ยิน ก็รีบผลักผู้ชายข้างๆ
จิ้นเฟิงเฉินถูกเสียงเอะอะโวยวายทำให้ตื่นก็ไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าโมโห
หลังจากคนทั้งสองสวมเสื้อผ้าเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็เปิดประตูอุ้มเสี่ยวเป่าเข้ามา ในเวลาเดียวกันก็เห็นถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของจิ้นเฟิงเหรา
เขาจงใจที่จะพาเสี่ยวเป่ามาเช้าแบบนี้ มองสีหน้าที่เคร่งขรึมของจิ้นเฟิงเฉินที่ซ่อนอยู่ จิ้นเฟิงเหราก็ยิ่งรู้สึกเสียวปลาบอย่างมาก
เจียงสื้อสื้อหน้าแดงเล็กน้อย จึงอุ้มเสี่ยวเป่าลงไปชั้นล่างโดยไม่บอกกล่าว ในห้องเหลือไว้เพียงพี่น้องสองคนของตระกูลจิ้น
จิ้นเฟิงเหราเดินไปนั่งลงตรงหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน นำเอกสารฉบับนึงส่งให้จิ้นเฟิงเฉินแล้วกล่าวว่า “พี่ชาย นี่คือขั้นตอนการขอแต่งงานที่ฉันเตรียมมาเพื่อคุณ รวมทั้งคำพูดการขอแต่งงาน คุณลองๆดู เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเมื่อถึงเวลา”
จิ้นเฟิงเฉินโยนเอกสารไว้ด้านข้าง ติดกระดุมบนตัวที่เปิดอ้า กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันยังต้องเตรียมตัวอีกหรอ?”
“ใช่ๆๆ คือฉันก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นมากเกินไป เพียงแต่พี่ชาย ถึงแม้คุณจะไม่ดูฉบับร่างที่ฉันให้คุณ แต่ยังต้องให้คุ้นเคยขั้นตอนสักเล็กน้อยจะดีที่สุด” จิ้นเฟิงเหราได้ยินคำพูดก็หยิบเอกสารกลับมาอีกครั้ง หยิบเอกสารแผนการที่อยู่ด้านในออกมา
กวาดสายตามองไปคร่าวๆ จิ้นเฟิงเฉินก็นำเอกสารโยนลงในถังขยะ แล้วลงไปชั้นล่าง
หลังจากมองถังขยะแล้ว จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่ากำลังสมองของตนเองก็คล้ายกับถูกทิ้งลงในถังขยะไปด้วย ถอนหายใจเบาๆ
พี่ชายตนเองไม่ไว้หน้าเลยจริงๆ
แต่ก็ตามลงไปชั้นล่างอย่างยอมรับชะตากรรม มองคนทั้งสามที่กำลังรับประทานอาหาร จิ้นเฟิงเฉินก็เกิดความคิดที่อยากจะแต่งงานอีกครั้ง
ถ้าบอกว่าสามารถอบอุ่นแบบนี้ไปตลอดชีวิต เขาก็จะยอมรับ
“คุณอารีบมาทานข้าวเถอะ”
เสียงของเสี่ยวเป่าตัดความคิดของเขา จิ้นเฟิงเหราได้ยินก็ดึงสติกลับมา
ช่วงรับประทานอาหาร จู่ๆจิ้นเฟิงเฉินก็ส่งเสียงออกมาว่า “สื้อสื้อ รอสักครู่ฉันและเฟิงเหรามีธุระที่ต้องออกไปข้างนอกเล็กน้อย คุณและเสี่ยวเป่าก็อยู่ที่นี่เดินเล่นไปนะ”
หลังจากเจียงสื้อสื้อได้ฟังก็แปลกใจเล็กน้อย ไม่ใช่บอกว่ามาเที่ยวพักผ่อนหรอ? ทำไมยังมีธุระอีก? ทำไมตนเองไม่ได้รับแจ้งอะไรเลยล่ะ?
เพียงแต่คิดถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินเป็นประธานคนเดียวของบริษัท ก็น่าจะมีธุระยุ่งไม่จบสิ้น ก็เลยขานรับ
หลังรับประทานอาหารเช้าแล้ว สองพี่น้องนี้ก็หายไปจริงๆ นี่ทำให้เสี่ยวเป่าดีใจจะแย่แล้ว ในที่สุดหม่ามี๊ก็เป็นของเขาเพียงคนเดียว
“หม่ามี๊ ฉันอยากไปเล่นอันนี้!”
“หม่ามี๊ ฉันอยากทานไอศครีม!”
“ฉันอยากได้สายไหมด้วย!”
“……”
เสี่ยวเป่าเอ่ยขอทุกสิ่งทุกอย่างตลอดทาง เพราะเสี่ยวเป่ารู้ดีว่าหม่ามี๊จะไม่ปฏิเสธ
เป็นดังที่คาดเจียงสื้อสื้อทำให้พอใจทุกอย่าง เสี่ยวเป่าอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม เวลาอยู่ที่บ้าน ถึงแม้ว่าคุณยายจะตามใจเขา แต่ก็ไม่เคยอดทนกับตนเองได้มากขนาดนี้
หลังจากเดินเล่นไปรอบๆ เจียงสื้อสื้อก็เหนื่อยไม่ไหวแล้ว หาสถานที่ร่มรื่นแล้วนั่งพัก ดูเวลาก็เที่ยงแล้ว คาดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไม่โทรมา นี่ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
ถ้าเป็นปกติ จิ้นเฟิงเฉินก็ต้องโทรมานานแล้ว ทำไมวันนี้ถึงเงียบไปแบบนี้นะ?
ดูรายชื่อของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็กดโทรไป เพียงแต่ที่ตอบกลับเธอคือเสียงผู้หญิงของเครื่อง
“ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้……”
เปลี่ยนเป็นโทรศัพท์ของจิ้นเฟิงเหรา ก็ปิดเครื่องเหมือนเดิม
นี่ทำให้เจียงสื้อสื้อนั่งไม่ติด ทำไมมือถือของสองพี่น้องนี้มาปิดเครื่องเวลาเดียวกันนะ?
เจียงสื้อสื้อกลับไปนึกถึงเมื่อตอนที่พวกเขาออกไป รู้สึกว่าพวกเขาคล้ายกับมีเรื่องอะไรที่ปิดบังตนเอง เพียงแต่นี่ก็ดูลึกลับมากเกินไป
พบว่าหาคนทั้งสองไม่เจอ เจียงสื้อสื้อจึงเก็บมือถือของตนเอง ในเมื่อพวกเขามีเรื่องยุ่ง อย่างนั้นเธอก็อยู่เป็นเพื่อนกับเสี่ยวเป่าของเธอ
เมื่อเล่นไปจนถึงสองโมงกว่า เสี่ยวเป่าก็ง่วงจนตาแทบไม่ลืมแล้ว เจียวสื้อสื้อเห็นจึงพาเสี่ยวเป่ากลับไปยังห้อง กล่อมเขาจนหลับไป
เห็นเสี่ยวเป่าหลับสนิท เธอก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปสู่ดินแดนแห่งความฝัน
เมื่อถึงเวลาสี่โมงกว่า โทรศัพท์ของจิ้นเฟิงเฉินก็โทรเข้ามา เจียงสื้อสื้อถูกเสียงปลุกให้ตื่น
“สื้อสื้อ ตอนเย็นมีงานเลี้ยงเปิดกิจการที่ต้องเข้าร่วม ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้อง203ของรีสอร์ท ฉันจะพาคุณไปแต่งตัวสักเล็กน้อย”
“อ้อ….โอเค”
เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือเมื่อเปิดประตูก็พบกับจิ้นเฟิงเหราพอดี จึงมอบเสี่ยวเป่าให้เขา
มาถึงห้อง203 เจียวสื้อสื้อมองคนจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่ในห้อง ก็งุนงงเล็กน้อย เวลานี้จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ด้านข้าง กวักมือบ่งบอกให้เธอเข้าไป
หลังจากที่เจียงสื้อสื้อนั่งลง ก็มีผู้หญิงสามคนเดินเข้ามาในเวลาเดียวกัน เริ่มแต่งหน้าทำผมให้เธอ เวลานี้เจียงสื้อสื้อจึงมีปฏิกริยาตอบโต้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็สวมชุดราตรีเดินออกมาจากห้องลองชุด จิ้นเฟิงเฉินอดไม่ได้ที่จะถูกความมีเสน่ห์ชวนหลงใหลที่ส่งกระจายออกมาทั้งหมดของเธอ
ชุดราตรีสีขาวสวมใส่บนร่างกายของเธอช่างเหมาะสมอย่างมาก ยิ่งปรากฎให้เห็นความล้ำค่าอย่างไม่มีอะไรเปรียบของเธอ
เห็นเจียงสื้อสื้อยังงุนงงเล็กน้อย จิ้นเฟิงเฉินก็ตรงไปยังเบื้องหน้านำเธอโอบไว้ในอ้อมกอด แล้วพาเธอไปยังสถานที่ของงานเลี้ยง
คนในงานเลี้ยงไม่ได้เยอะมาก สถานที่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็นับได้ว่าสนุกสนาน
หลังจากเล่นในงานเลี้ยงครู่หนึ่ง ก็ถือโอกาสที่คนไม่สนใจ จิ้นเฟิงเฉินก็พาเจียงสื้อสื้อแอบออกมา
คนทั้งสองมาถึงทางด้านของสวนดอกไม้ เจียงสื้อสื้อก็ต้องพบกันความแปลกใจที่เดิมทีตอนกลางคืนสวนดอกไม้ก็ควรจะมืดไม่มีแสงสว่าง คาดไม่ถึงว่าเวลานี้จะเต็มไปด้วยแสงดาวดวงเล็กๆ
เดินไปข้างหน้า จึงเห็นว่าด้านบนถูกแขวนด้วยไฟประดับเต็มไปหมด ประจวบกับเวลานี้มีลมพัดมาเล็กน้อย กลีบดอกไม่ตกลงมา สวยงามเป็นอย่างมาก
เวลานี้จู่ๆในท้องฟ้าก็ปรากฎแสงเจิดจ้า ดึงดูดสายตาของเจียงสื้อสื้อ พลุหล่นจากท้องฟ้า มีสีสันอย่างมาก
เมื่อเจียงสื้อสื้อกำลังตกอยู่ในวิวที่สวยงาม จู่ๆจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ด้านข้างก็กึ่งคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ทำให้เธอตกใจจริงๆ
เพียงแค่เห็นจิ้นเฟิงเฉินหยิบกล่องกล่องนึงออกมาจากด้านหลัง เปิดออก ด้านในคือแหวนเพชรที่ส่องแสงระยิบระยับวงหนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
จิ้นเฟิงเฉินมองเจียงสื้อสื้อด้วยสายตาที่อ่อนโยน กล่าวช้าๆว่า “สื้อสื้อ แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยคิดเลยว่า การรักคนคนนึงเป็นความรู้สึกอย่างไร ก็ไม่รู้ว่าควรจะรักใครจนกระทั่งฉันได้มาพบคุณ
คุณสอนคำว่ารักนี้ให้ฉัน คุณทำให้ฉันได้เข้าใจถึงรสชาติของความรัก ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะใช้ทั้งชีวิตของฉันเพื่อรักคุณ ปกป้องคุณ คุณยินดีแต่งงานกับฉันไหม?”