บทที่ 443 จดหมายรัก
คำพูดของจิ้นเฟิงเหราก็เหมือนกับฟ้าผ่าตอนอากาศแจ่มใส ที่ระเบิดข้างหูของส้งหวั่นชีง
เขาคิดว่าตัวเองฟังผิด หรืออาจจะตัวเขาเองจินตนาการอะไรอยู่ แต่เรื่องจริงยืนยันว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
“จิ้นเฟิงเหรา คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่?”เสียงของส้งหวั่นชีงอดไม่ได้ที่สั่น
กลัวว่าส้งหวั่นชีงจะถูกคำพูดที่มาจากที่ไหนทำให้ตัวเองตกใจ จิ้นเฟิงเหราจึงรีบอธิบายว่า “ผมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ เสี่ยวหวั่น ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมจริงจัง”
เขาอยากไปดึงมือของส้งหวั่นชีง แต่กลับถูกเขาหลบอีกครั้ง
แววตาของส้งหวั่นชีงที่มองจิ้นเฟิงเหราเต็มไปด้วยความสงสัย พูดหนึ่งออกมาหนึ่งประโยคว่า “จิ้นเฟิงเหรา คุณรู้ไหมว่าว่าอะไรที่เรียกว่าชอบ?รู้ว่าอะไรที่เรียกว่ารักหรือเปล่า คุณเคยคิดว่าคุณชอบฉันที่ตรงไหนไหม?”
“ผม……”เผชิญหน้ากับคำถามของส้งหวั่นชีง จิ้นเฟิงเหราไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
หลายปีมานี้ เขาก็ใช้ชีวิตตามสบายจนเคยชินแล้ว ก็ไม่เคยชอบใครอย่างจริงจังสักคน
เขาเพียงรู้ว่าความรู้สึกที่ส้งหวั่นชีงให้เขาไม่เหมือนกับคนอื่น
แต่โดยรวมแล้วอะไรคือชอบ เขาก็พูดไม่ได้
เห็นจิ้นเฟิงเหราลังเล ในใจของส้งหวั่นชีงก็รู้แล้ว
“ขอโทษ แม้กระทั่งคุณยังไม่รู้ว่าชอบฉันที่ตรงไหน ฉันก็ไม่มีวิธีที่จะตอบรับขอเรียกร้องของคุณ ขออภัย ฉันยังมีธุระต้องไปก่อนแล้ว”
พูดจบ ส้งหวั่นชีงก็เดินออกไปทันที
ส้งหวั่นชีงเวลานี้ใจเย็นมากที่สุด เขารู้ว่าผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าตัวเองเป็นฐานะอะไร เป็นคนที่ตัวเองไม่สามารถปีนขึ้นไปได้
ถึงแม้จะพูดว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดที่จะอยู่กับจิ้นเฟิงเหรา แต่ถ้าหากว่าต้องเริ่มจากความรู้สึกช่วงนี้ ส้งหวั่นชีงก็คงจะลังเล ยังไงกฏของตระกูลจิ้นก็ไม่ได้เข้าง่ายอย่างนั้น
แต่ว่าในใจก็มีความปลื้มปิติบ้าง คิดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเหราจะมีความรู้สึกที่พิเศษต่อตัวเองจริง ๆ
เห็นเงาร่างของส้งหวั่นชีงออกไป จิ้นเฟิงเหราอดไม่ได้ที่จะปวดใจบ้างเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกที่ตัวเองสารภาพรักแต่ก็ถูกปฏิเสธแล้ว
เขาทุบหัวตัวเอง ถ้ารู้อย่างนี้เขาก็ไม่ควรจะเอ่ยปาก
ตอนนี้เป็นไง ส้งหวั่นชีงเกิดความเข้าใจผิดต่อตัวเองอย่างแน่นอน คิดว่าตัวเองเป็นพวกเจ้าชู้แบบนั้น
เฮ้อ พูดจาเป็นปัญหาของสมองที่แก้ไม่ได้
เห็นเขาเดินไปไกล จิ้นเฟิงเหราเองทำได้แค่เดินกระเพกกลับเข้าไปในห้อง
“เฟิงเหรา?ตรวจร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”แม่จิ้นเห็นจิ้นเฟิงเหราเดินผ่านมา จึงอดที่จะถามไม่ได้
แต่จิ้นเฟิงเหราเหมือนไม่ได้ยิน เดินกลับเข้าห้องไปอย่างหมดหวัง
หลังแม่จิ้นเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อย
ถึงเวลาตอนบ่าย เจียงสื้อสื้อกลับจากบริษัทมา แม่จิ้นก็ดึงเขาไว้ทันที
“สื้อสื้อ เธอไปดูเฟิงเหราหน่อยวันนี้หลังกลับมาจากโรงพยาบาลก็เก็บตัวเองอยู่ในห้องมาตลอด ระหว่างนั้นฉันก็ไปเคาะประตูถามก็ไม่ได้ตอบกลับ นี่ไม่รู้เขาได้รับความกระทบกระเทือนอะไร?”
ได้ยินแล้ว เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะสงสัยบ้าง สรุปแล้วอะไรที่สามารถทำให้คุณชายรองจิ้นไม่มีชีวิตชีวาได้?
หยิบแก้วนมของเจียงสื้อสื้อหนึ่งแก้วแล้วเดินขึ้นไปบนตึก แล้วเคาะเบา ๆ ที่ประตูของจิ้นเฟิงเหรา
“เฟิงเหรา ฉันเข้าไปได้ไหม?”
ไม่มีคนตอบกลับมา
เจียงสื้อสื้อก็เรียกสองสามครั้ง ประตูห้องถึงเปิดจากข้างใน
เพียงเห็นจิ้นเฟิงเหราเอ่ยปากด้วยใบหน้าที่หมดอาลัยตายอยากว่า “เข้ามาเถอะ พี่สะใภ้”
“เฟิงเหรา นี่นายเป็นอะไรไป?”เห็นเขาท่าทางอย่างนี้ เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะถาม
จิ้นเฟิงเหราพึมพำแล้วล้มลงบนเตียง พูดด้วยเสียงที่หนักต่ำว่า “เฮ้อ พี่สะใภ้คุณอย่าถามเลย ผ่านไปสองสามวันผมจะบอกคุณเอง ให้ผมอยู่คนเดียวสักพักเถอะ”
“งั้นก็ได้ ฉันเอานมมาให้นาย อย่าลืมกินล่ะ”
พูดจบเจียงสื้อสื้อก็ออกไป ปิดประตูให้จิ้นเฟิงเหราอย่างเอาใจใส่
หลังจากออกมาแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม ปฏิกริยาอย่างนี้ของจิ้นเฟิงเหราหรือว่าอกหักแล้ว
แต่ก็ไม่ได้ยืนยันชัดเจน จากนั้นก็ไปหาเสี่ยวเป่า
หลังเสี่ยวเป่าเห็นเจียงสื้อสื้อก็รีบวิ่งมาทางเขา
“หม่ามี๊!ทำไมวันนี้ถึงได้มารับหนูเช้าอย่างนี้ล่ะ”เสี่ยวเป่าพูดอย่างหอบแฮก ๆ เล็กน้อย
เห็นสภาพการณ์ เจียงสื้อสื้อหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เสี่ยวเป่า ยิ้มตาหรี่แล้วพูดว่า “ใช่ วันนี้หม่ามี๊เลิกงานเร็วก็เลยมารับเสี่ยวเป่าไง”
ในขณะที่เจียงสื้อสื้อกำลังที่จะพาเสี่ยวเป่ากลับบ้านนั้น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมา
เอาการ์ดส่งให้เสี่ยวเป่าพูดอย่างอาย ๆ ว่า“จิ้นเป่ยเฉิน นี่คือจดหมายที่ฉันเขียนให้เธอ หวังว่าเธอจะสักหน่อย”
เด็กผู้หญิงพูดจบก็วิ่งออกไป
เจียงสื้อสื้อมองดูการ์ดในมือของเสี่ยวเป่า ยิ้มแล้วพูดว่า“เสี่ยวเป่าของพวกเรามีเด็กผู้หญิงมาชอบแล้วนะ”
หลังจากเสี่ยวเป่าได้ยินหน้าก็แดงขึ้น รีบอธิบายว่า “หม่ามี๊ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดอย่างนั้น หนูกับเขาแค่เป็นเพื่อนกันธรรมดาเท่านั้น”
“ไม่เป็นไร นี่เป็นปัญหาส่วนตัวของเสี่ยวเป่า หม่ามี๊จะไม่ถามมาก แต่เขาเขียนจดหมายให้หนู หนูก็ต้องเขียนตอบกลับไปนะ นี่เป็นมารยาท แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวเป่ายังเด็ก จำไว้อย่าทำร้ายน้ำใจของสาวน้อยนี้”
เจียงสื้อสื้อลูบหัวของเสี่ยวเป่า พูดอย่างมีใจอดทน
ได้ยิน เสี่ยวเป่าก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแล้วกระโดดกระเด้งออกไป
ถึงตอนเย็น เสี่ยวเป่าก็กลับเข้าห้องของตัวเอง พูดว่ามีธุระที่ต้องทำ
ผู้ใหญ่สองสามคนในบ้านอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน เสี่ยวเป่าดูมีลับลมคมใน ต้องการทำอะไร?
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อกลับแอบยิ้มอยู่ด้านข้าง ยังไงเขารู้เรื่องจริง
มองเห็นท่าทางของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็คาดเดาออกได้บ้าง
สองคนกลับถึงห้อง จิ้นเฟิงเฉินถามและกอดเจียงสื้อสื้อว่า“สื้อสื้อ วันนี้เสี่ยวเป่าดูผิดปกติไปเล็กน้อย พวกคุณแม่ลูกมีเรื่องปิดบังผมใช่ไหม?”
เจียงสื้อสื้อได้ยิน“จุ๊ ๆ ”หัวเราะแล้วพูดว่า“ฉันพาคุณไปแอบดูเสี่ยวเป่าที่ห้อง เดี๋ยวคุณก็รู้แล้ว”
พูดพลางสองคนก็หลบ ๆ ซ่อน ๆ มาถึงหน้าห้องของเสี่ยวเป่า ค่อย ๆ เปิดประตูเว้นช่องเล็กของห้องเสี่ยวเป่าเล็กน้อย
แค่เห็นเสี่ยวเป่ากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ตั้งใจเขียนอะไรอยู่
หลังเห็นแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ดึงจิ้นเฟิงเฉินย่องกลับห้อง
“วันนี้ตอนบ่ายตอนที่ฉันไปรับเสี่ยวเป่า มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งส่งการ์ดหนึ่งแผ่นมาให้เสี่ยวเป่า เหมือนว่าเป็นพวกจดหมายรัก
เสี่ยวเป่ากำลังเขียนจดหมายกลับไปให้เขาล่ะ”
หลังจิ้นเฟิงเฉินได้ยินแล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ตอนนี้เด็กล้วนก็โตเร็วอย่างนี้แล้วเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม แกล้งตีจิ้นเฟิงเฉินแล้วพูดว่า“คุณคิดว่าใครจะหัวดื้อเหมือนคุณ”
รับรู้คำตำหนิในคำพูดของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินเกาหัวอย่างเขินอาย
ไม่เหมือนความหวานของสองคน จิ้นเฟิงเหราเวลานี้ได้รับความทรมานอยู่
เวลาตลอดทั้งบ่าย เขาต่างก็คิดคำตอบของส้งหวั่นชี
แต่ถึงแม้อยากจะทำลายสมอง จิ้นเฟิงเหราก็ไม่รู้ว่าอะไรคือชอบ อะไรคือรัก ตัวเองรักเขาที่ตรงไหน
คำถามสองสามคำนี้วนเวียนทำให้เขารู้สึกแย่บ้างเล็กน้อย
คิดถึงตอนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน
ตัวเองเคยผ่านท่ามกลางดอกไม้มานับพัน ยังเก่งเรื่องฉากรัก ผลคือขณะที่เผชิญหน้ากับความรักจริง ๆ ก็เหมือนกับคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง
จู่ ๆ เงาร่างของจิ้นเฟิงเฉินก็เข้ามาในสมองของเขา จิ้นเฟิงเหราลุกจากเตียงนั่งขึ้นมาอย่างรุนแรง
ใช่ เขาไปขอให้พี่ชายของเขาแนะนำได้ ข้างกายมีอาจารย์อย่างนี้ ทำไมถึงไม่ใช้