บทที่ 448 ฉันเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า
วันที่สอง
เช้าตรู่ เสี่ยวเป่าไปโรงเรียน เจียงสื้อสื้อก็ไปที่บริษัท
บนโต๊ะทำงานก็มีเอกสารวางกองไว้ เจียงสื้อสื้อเพิ่งดูไปครึ่งหนึ่ง ดูจนตาลายไปเล็กน้อย กำลังลุกขึ้นมองไปที่นอกหน้าต่าง
เวลานี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อพอเห็นสายที่แสดงมา ก็กระปรี้กระเป่าขึ้นมาทันที ความเหนื่อยล้าก็หายไปทันที
“เฟิงเฉิน”เขาร้องออกมาอย่างดีใจ
จิ้นเฟิงเฉินยังไม่ได้กลับมา แต่จะโทรมาทุกวัน
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเบา ๆ อยู่ที่นั่น“อยู่ที่ไหน?”
“บริษัท ดูเอกสารอยู่”หูของเจียงสื้อสื้อรู้สึกเสียวซ่า สงสัยว่าหูจะท้องแล้ว
เสียงหัวเราะของจิ้นเฟิงเฉินสามารถทำให้เธอหน้าแดงได้ รักษาไม่ได้จริง ๆ เจียงสื้อสื้อนวดหู คิดอย่างอาย ๆ
“เก่งมาก”จิ้นเฟิงเฉินชมเขา
เจียงสื้อสื้อยืดอกขึ้นทันที “แน่อยู่แล้ว ฉันคือใครล่ะ”
ลืมสภาพการณ์ไปหมดแล้วว่าเขาถูกทรมานด้วยเอกสาร
จิ้นเฟิงเฉินที่นั่น ในสมองแทบจะปรากฏท่าทางที่ได้ใจของเจียงสื้อสื้อทันที มุมปากอดไม่ได้ที่จะเพยิอขึ้น
“ทางคุณนั้นเป็นยังไงบ้าง เมื่อไหร่จะกลับมา?”เจียงสื้อสื้อเอ่ยปากถาม
เห็นอยู่ว่าเมื่อวานโทรมาก็เพิ่งถามคำถามนี้ เธอก็รู้แต่ยังไงก็อดไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้รังเกลียดที่เขาจะหงุดหงิด พูดซ้ำใหม่อย่างอดทนซ้ำอีกรอบ
สุดท้าย ทางจิ้นเฟิงเฉินนั่นเหมือนมีคนมาหาเขา ไม่วางโทรศัพท์ก็ไม่ได้
อารมณ์ของเจียงสื้อสื้อก็ผิดหวังในวินาทีเดียว กำมือถือไม่อยากวาง
“เด็กดี วางก่อนนะ ตอนเย็นโทรหาใหม่”
เจียงสื้อสื้อกำมือถือที่มีความร้อนเล็กน้อยอย่างผิดหวัง
เอ่ะ ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นอย่างนี้แล้ว
เป็นเพราะจิ้นเฟิงเฉินที่ทำให้เขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกวัน
ติ๊งต๊อง มีข้อความหนึ่งเข้ามา
เจียงสื้อสื้อก้มหน้ามอง อารมณ์ที่หดหู่ก็หายไป มุมปากอดไม่ได้ที่จะเพยิดขึ้นมา
“คิดถึงคุณ”เป็นข้อความที่จิ้นเฟิงเฉินส่งมา
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าตัวเองมีพลังเต็มเปี่ยม และก็สามารถทำสงครามได้อีกสองสามชั่วโมงแล้ว
……
แม่จิ้นสะพายกระเป๋ามียี่ห้อของตัวเองแล้วออกจากบ้านไป
วันนี้เขามีนัดกับเพื่อนสนิทไปเดินเล่นด้วยกัน กำลังของหญิงชราสองคนก็ไม่น้อยกว่าปีนั้น กวาดไปครึ่งหนึ่งของห้าง
ระหว่างช่วงพัก เพื่อนสนิทก็ไปห้องน้ำ
แม่จิ้นนั่งรอเขาในพื้นที่พักผ่อน จู่ ๆ ก็มีคนหนึ่งมานั่งด้านข้าง
เป็นผู้หญิงที่ยังสาวมาก ๆ แต่งตัวทันสมัย หน้าตาสวยมากเป็นดึงดูดคน กลัวว่าจะเข้าใจผิด แม่จิ้นมองแล้วก็ย้ายสายตาไป
ผู้หญิงคนนั้นกลับเอ่ยปากว่า“คุณคือนายหญิงจิ้นหรือเปล่า?”
แม่จิ้นมองเขาอย่างแปลกใจ คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะเรียกชื่อของเขาอย่างถูกต้อง“ฉันคือ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
“ฉันคือแม่ของเสี่ยวเป่า”ผู้หญิงพูดอย่างกระตือรือร้นเล็กน้อย
แม่จิ้นตกตะลึง มองประเมินผู้หญิงคนนี้ หน้าตาก็สวยดูไม่ออกว่าเป็นคนบ้า
เหมือนดูออกว่าแม่จิ้นกำลังคิดอะไรอยู่ ผู้หญิงรีบพูดว่า“ฉันเป็นแม่แท้ ๆ ของเสี่ยวเป่า ฉันมีชื่อว่าเซิ่งจือเสี้ย คุณน้า สองสามปีนี้ฉันคิดถึงเสี่ยวเป่ามากจริง ๆ ”
แม่จิ้นใจเย็นอย่างแปลกประหลาด เขาไม่ได้โต้แย้งเซิ่งจือเสี้ย แต่ก็ไม่ได้เชื่อ เพียงพูดว่า“คนที่อยากจะมาเป็นแม่ของเสี่ยวเป่าบ้านของพวกเรามีมากมาย แต่ว่าเขามีแม่แล้ว”
เซิ่งจือเสี้ยพูดอย่างรีบร้อน“ไม่ ไม่ใช่อย่างนี้ ฉันต่างหากที่เป็นแม่แท้ ๆ ของเสี่ยวเป่า เขาเกิดวันที่เจ็ดเดือนสิงหาคม โรงพยาบาลที่คลอดก็คือโรงพยาบาลมาเรีย ปีนั้นฉันตรวจท้องที่นั่น”
ได้ยินสิ่งที่เขาพูดโดยรวมคร่าว ๆ อย่างนี้ แม่จิ้นมีความลังเลเล็กน้อย
เกี่ยวกับการเกิดของเสี่ยวเป่า ต่างก็เป็นปริศนามาโดยตลอด วันเกิดของเขากระทั่งพวกเขาก็ไม่รู้
เพียงเพราะปีนั้น เสี่ยวเป่าถูกคนเอาผ้าห่มผืนเล็กห่อไว้แล้ววางไว้ที่หน้าประตู
ไม่มีคนเห็นว่าเป็นใครที่นำมาวางไว้ ยิ่งไม่รู้แม่แท้ ๆ ของเสี่ยวเป่า
แม้กระทั่งที่มาของเสี่ยวเป่าต่างก็ไปทำDNAระบุถึงยืนยันได้
หลังยืนยันฐานะของเสี่ยวเป่าแล้ว ตอนแรกตระกูลจิ้นยังเคยประโคมหาแม่แท้ ๆ ของเสี่ยวเป่า แต่ก็ไม่มีผล
มีคนโลภอยากได้ความร่ำรวยของตระกูลจิ้น แล้วก็มาปลอมตัว สุดท้ายก็ถูกตรวจสอบเจอ
จิ้นเฟิงเฉินยังโมโห พูดโน้มน้าวพวกเขาว่าไม่ต้องวุ่นวายอีกแล้ว
แม่จิ้นกลับสงสารหลาน อยากจะหาแม่ของเขาให้เจอ ไม่ว่าเขาจะยอมมาที่บ้านตระกูลจิ้นหรือไม่ พวกเขาต่างก็ขอบคุณเขา แต่น่าเสียดายหาไม่พบมาโดยตลอด
จากนั้นต่อมาตระกูลจิ้นก็ค่อยๆ วางมือไป เพียงคิดว่าไม่งั้นแม่ของเสี่ยวเป่าเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ก็คือไม่ยินยอมแสดงตัวออกมา
หลังมีเจียงสื้อสื้อแล้ว เขาก็ปฏิบัติกับเสี่ยวเป่าอย่างมีใจอดทนที่สุด ปฏิบัติต่อเสี่ยวเป่าเหมือนกับลูกของตัวเอง
แม่แท้ ๆ ของเสี่ยวเป่าก็ยิ่งไม่มีคนพูดถึง
แม่จิ้นกลับไปคิดเรื่องราวเหล่านั้น สายตาที่มองเซิ่งจือเสี้ยก็ยิ่งเคร่งขรึมลง
คิดไม่ถึงว่า ผ่านไปหลายปีอย่างนี้แล้วยังมีคนที่ไม่ตายใจ พยายามที่จะใช้แผนผ่านทางเสี่ยวเป่าเพื่อให้ได้มาเงินทองมา
เซิ่งจือเสี้ยเหมือนว่ามองไม่เห็นแววตาของแม่จิ้น ยังพูดพึมพำอยู่ว่า“คุณก็เป็นแม่คนหนึ่ง น่าจะรู้อารมณ์ของคนเป็นแม่ คุณอยากจะฟังสภาพการณ์ตอนที่ฉันท้องเสี่ยวเป่าไหม?”
แม่จิ้นไม่ได้พูดอะไร เซิ่งจือเสี้ยก็พูดขึ้นมาเองว่า
“ตอนนั้นฉันกำลังท้องเสี่ยวเป่า ก็เกิดความกลัวเล็กน้อย เพราะว่าฉันยังสาวมาก จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ถึงอายุสามสิบเลย ฉันยอมรับว่าเวลานั้นฉันเกือบจะทำแท้งเสี่ยวเป่าเพราะว่าฉันกลัว ฉันเลี้ยงเขาไม่ไหว”
แม่จิ้นไม่ขยับ สายตากลับเคร่งขรึมผิดปกติ
เซิ่งจือเสี้ยก้มหน้า เหมือนกลัวที่จะสบตากับเขา
“ฉันไปสอบถามโรงพยาบาล คุณหมอถามฉันว่าแน่ใจที่จะทำแท้งหรือเปล่า นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ฉันลังเล ใช่ นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่ง นั่นคือลูกของฉัน เขามีสิทธิ์ที่จะมาในโลกนี้ ฉันไม่สามารถยึดสิทธิ์ในการเกิดของเขาได้”
เซิ่งจือเสี้ยค่อย ๆ พูดบรรยาย
“ฉันตัดสินใจคลอดลูกออกมา เพราะว่าเวลานั้นสภาพทางความเป็นอยู่ของฉันไม่ค่อยดี ยังต้องไปทำงาน อีกทั้งงานของฉันในตอนนั้นเหนื่อยมาก เสี่ยวเป่าก็รับรู้ได้ ต่างก็ทรมานมาโดยตลอด สามเดือนแรกฉันไม่ได้กินอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึกนั้นมันรับได้ยากมาก แต่พอคิดถึงลูกที่อยู่ในท้องแล้ว ฉันก็รู้สึกว่าฉันยังสามารถทนต่อไปได้”
“สิบเดือนลำบากมาก ๆ เพราะว่าเวลานั้นฉันก็มีความขัดแย้งกับคนในครอบครัว พ่อแม่ต่างก็ไม่เข้าใจฉัน ฉันกัดฟันผ่านไปคนเดียว อดทนอาศัยพูดกับลูกในท้องทุกวัน ฉันคิดเสมอว่าอดทนอีกนิดฉันก็จะสำเร็จแล้ว”
เซิ่งจือเสี้ยแสดงรอยยิ้มที่ชวนฝันบนใบหน้า“แปลกมาก เห็นอยู่ว่าเขาต้องพึ่งพาฉัน ฉันกลับรู้สึกว่าเขากำลังฝืนฉันอยู่ คุณน้า ตอนที่คุณท้องก็มีความรู้สึกชนิดนี้อย่างแน่นอนถูกไหม?”
แม่จิ้นตอบอืมอย่างคลุมเครือเซิ่งจือเสี้ยก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วพูดต่อว่า“ก็เป็นอย่างนี้ ในที่สุดสิบเดือนก็ผ่านไป ฉันรู้สึกว่าลูกใกล้จะออกมาแล้วในใจดีใจมาก ทุกวัน ๆ ฉันก็คิดอยู่ว่าเขาจะมีหน้าตายังไง เหมือนฉันหรือเปล่า ฉันก็คงจะสามารถรักเขามาก”
“คลอดลูกเจ็บปวดมากจริง ๆ ฉันเจ็บสองวันหนึ่งคืน พูดอย่างไม่ปิดบัง เวลานั้นฉันร้องไห้ ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังหาความผิดอยู่ คุณหมอก็ให้กำลังใจฉันมาตลอด ในที่สุดฉันก็เอาเขาคลอดออกมา”