บทที่479 เจียงสื้อสื้อฉันเกลียดเธอ
ข่าวเจียงสื้อสื้อตั้งท้องทำให้ทุกคนในครอบครัวดีใจโดยเฉพาะแม่จิ้น
เมื่อคิดว่าอีกไม่นานตนเองจะได้อุ้มหลานแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุขทั้งวัน
วันถัดมา แม่จิ้นไม่สามารถรอที่จะเสนอให้ไปที่ร้านขายเครื่องใช้สำหรับแม่และเด็ก
“สื้อสื้อจ๊ะ มีของหลายอย่างที่เตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า เพื่อถึงเวลาจะได้ไม่ต้องยุ่งเมื่อเด็กเกิดมา วันนี้พวกเราไปดูกัน ชอบอะไรก็เลือกเลยนะ แม่จ่ายเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เจียงสื้อสื้อยิ้มและติดต่อส้งหวั่นชีงระหว่างทาง
ส้งหวั่นชีงที่ไม่มีอะไรทำและผู้หญิงทั้งสามคนก็รีบไปที่ห้างสรรพสินค้าอย่างมีความสุข
“พี่สื้อสื้อ พี่มาดูเสื้อเด็กตัวนี้เร็วสวยไหม มันน่ารักมากเลย!”
ส้งหวั่นชีงมาพร้อมกับชุดเด็กและพาเจียงเซ่อไปดูด้วยกัน
ชุดเด็กนั้นดูดี แต่ไม่ใช่ชุดสำหรับเด็กแรกเกิด
มันเป็นชุดสำหรับเด็กอายุหนึ่งขวบขึ้นไป ตอนนี้มันยังเร็วเกินไปมาก
เจียงสื้อสื้อแขวนชุดเด็กไว้บนราวและยิ้ม: “เด็ก ๆ โตเร็ว ชุดแบบนี้รออีกนิดค่อยซื้อก็ได้”
“คิดไม่ถึงว่าพี่สื้อสื้อจะเป็นคุณแม่เร็วขนาดนี้ รู้สึกดีจัง” ส้งหวั่นชีงพูดขึ้นด้วยความอิจฉา
เจียงสื้อสื้อยิ้มหลังจากได้ยินมัน
มืออดไม่ได้ที่จะลูบที่หน้าท้อง
อีกเก้าเดือนเขากับจิ้นเฟิงเฉินก็จะได้ต้อนรับเด็กตัวน้อยน่ารัก เด็กน้อยคนนี้จะต้องน่ารักมากแน่ ๆ
“ไม่ต้องอิจฉาเลย เธอกับเฟิงเหราต่อไปก็จะมีวันแบบนี้เหมือนกัน” เจียงสื้อสื้อแกล้ง
ส้งหวั่นชีงหน้าแดงและพูดด้วยท่าทางงอน “พี่สื้อสื้อ พี่พูดอะไรน่ะ…”
เมื่อเห็นใบหน้าสีแดงของเธอเจียงสื้อสื้อก็หยุดแกล้งเธอ
วันนี้ทั้งสามคนใช้เวลาเลือกของมากมายในร้านผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กอยู่นาน เรียกได้ว่าได้ของเต็มไม้เต็มมือ
ตอนเย็นเมื่อกลับถึงบ้านแม้แต่จิ้นเฟิงเฉินก็ยังต้องตกใจ
ร้องว่าของใช้เยอะขนาดนี้เด็กในท้องของเจียงสื้อสื้อคงใช้ได้อีกนาน
แต่เมื่อบางคนมีความสุขส่วนบางคนก็เศร้า
ข่าวการตั้งท้องของเจียงสื้อสื้อไม่ได้เป็นความลับอะไร มีคนใกล้ชิดจิ้นเฟิงเฉินหลายคนรู้ข่าวนี้ ซึ่งแล้วแต่ร่วมแสดงความยินดีและส่งของขวัญมาให้
จื่อเฟิงแน่นอนว่าได้รู้ข่าวในครั้งแรก
เมื่อเห็นข่าวในสื่อจื่อเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้อง
“อะไรนะ เธอท้องแล้วเหรอ!”
เธอใช้มือทั้งสองข้างเธอจับผม เธอดูประหลาดใจและโกรธ จากนั้นก้าวถอยหลังและล้มลงบนเก้าอี้
จิ้นเฟิงเฉินก็จะยิ่งรักเจียงสื้อสื้อ และเมื่อมีเสี่ยวเป่าเป็นพันธะ ยิ่งคิดจะแยกพวกเขาก็จะยิ่งยากเข้าไปอีก
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เจียงสื้อสื้อเกิดจะมาท้องเข้าไปอีก!
เดิมทีจื่อเฟิงวางแผนที่จะเริ่มจากสิ่งที่เจียงนวลนวลพูดเพื่อที่เธอจะได้หาเรื่องจากเรื่องนี้
เพียงแต่ฟ้าไม่ประทานโอกาสมาให้เธอเลย
จื่อเฟิงใช้มือทั้งสองข้างทึ้งผมของตัวเองและน้ำตาในดวงตาก็ร่วงหล่นไหลออกมา
ทำไม หลายปีมานี้เธอบุกน้ำลุยไฟเสี่ยงตายเพื่อจิ้นเฟิงเฉินแม้แต่ชีวิตก็สละให้ได้
แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่มีเธออยู่ในสายตา!
ในสายตาของเขามีเพียงแต่เจียงสื้อสื้อมาตลอด!
“เจียงสื้อสื้อ เจียงสื้อสื้อฉันเกลียดแก!” จื่อเฟิงตะโกนเสียงดัง
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยแววตาที่ดุร้าย
ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว เธอจึงไม่กล้าลงมือทำอะไรเจียงสื้อสื้อแล้ว
ถ้าหากว่าจิ้นเฟิงเฉินรู้เข้าว่าตัวเองทำร้ายลูกของเขา
ด้วยบุคลิกที่เด็ดเดี่ยวและเย็นชาของจิ้นเฟิงเฉินเขาคงจะไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มือทั้งสองข้างของจื่อเฟิงวางลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ในตอนเย็นที่บาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง จื่อเฟิงนั่งอยู่หน้าบาร์และดื่มไม่หยุด
ในเวลานี้บาร์เต็มไปด้วยแก้วเหล้า
นักเลงเล็ก ๆ หลายคนในระยะไกลเฝ้าดูจื่อเฟิงเป็นเวลานานโดยคิดว่าจะเริ่มลงมือ
ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่เพื่อดื่มตั้งแต่ตอนเย็นและตอนนี้เธอคงจะเมาแล้ว
หัวหน้านักเลงแตะหัวโล้นที่มีแผลเป็นและเดินไปด้วยรอยยิ้มหยาดเยิ้ม
“คนสวยทำไมถึงมาดื่มคนเดียวล่ะจ๊ะ? พี่ชายดื่มเป็นเพื่อนสักแก้วเป็นไง?”
จื่อเฟิงเงยหน้าเห็นใบหน้าอุบาทว์ ๆ อยู่ตรงหน้าตนเอง
เธอไม่มีอารมณ์จะมองคนคนนั้นแล้วจึงเอ่ยปากขึ้น: “ไสหัวไป!”
“โธ่เอ๊ย สาวสวยดื้อมากนะ!”
ชายหน้าบากเดินมาที่ด้านหน้าแล้วใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่ตัวเอง
“เธอรู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ยังจะกล้าพูดกับข้าแบบนี้รึ?”
ลูกกระจ๊อกที่อยู่รอบ ๆ ก็เดินตาม
“ใช่ ๆ กล้ามาแหยมกับลูกพี่เรา”
เมื่อจื่อเฟิงอารมณ์ไม่ดี เธอขี้เกียจที่จะโกรธแมวสามขาตัวนี้ เธอจึงขอเหล้าอีกแก้วจากบาร์
เมื่อชายหน้าบากเห็นว่าตนเองถูกสาวสวยเมินใส่ ก็โกรธทันที เขายื่นมือเพื่อจะคว้าข้อมือของจื่อเฟิง
ในตอนนั้นเองก็มีมือมือหนึ่งยื่นมาจากอีกด้านแล้วคว้ามือของชานหน้าบากไว้ แล้วพับแขนของเขากลับอย่างง่ายดาย
“โอ๊ย! ใครที่ไหนไม่มีตากล้ามาทำข้า…”
“ต่อไปอย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก ไม่งั้นมึงโดนกูอัดทุกรอบแน่!”
ชายหน้าบากไม่สามารถจะสู้ป๋ายหลี่ได้ เมื่อเห็นว่าเริ่มไม่เข้าท่าเขารีบถอนตัวออกจากบาร์
จัดการกับพวกจิ๊กโก๋เสร็จแล้ว ป๋ายหลี่ก็หันกลับมาแล้วมองไปที่จื่อเฟิงที่เมามาย
ภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ใบหน้าของจื่อเฟิงแดงระเรื่อ
ดวงตากะพริบเล็กน้อยสะท้อนแสงนีออนบนฟลอร์เต้นรำ
ความงามของช่วงเวลานี้ทำให้ป๋ายหลี่หายใจไม่ออกจริง ๆ
“จื่อเฟิง เธอเมาแล้ว ฉันไปส่งเธอนะ”
“ฉันไม่กลับ ทำไมฉันต้องกลับด้วย!”
จื่อเฟิงพร้อมกับดวงตาที่พร่ามัว มือทั้งสองคว้าคอเสื้อของป๋ายหลี่และมีกลิ่นเหล้าแรงเมื่อเธออ้าปากพูด
“ในใจของคุณมีแต่ผู้หญิงคนนั้น ใช่หรือเปล่า…ฉันทำอะไรให้คุณ คุณก็ไม่มีวันจะมองเห็นมันใช่ไหม? มันไม่สามารถดึงดูดความสนใจของคุณได้แม้แต่น้อยเลย? คุณไม่เคยมองเห็น หรือไม่อยากจะมอง! ทำไมคุณถึงไม่รักฉัน คุณกลับรักฉันสักนิดก็ไม่ได้…”
จื่อเฟิงร้องไห้ไม่หยุด ร่างกายเธออ่อนปวกเปียกอยู่บนตัวของป๋ายหลี่
เธอในตอนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับจื่อเฟิงทีเด็ดเดี่ยวหนักแน่นในวันปกติ
ป๋ายหลี่ไม่กล้าขยับตัวและพยุงคนตรงหน้าที่ว่างเปล่า
และพูดด้วยเสียงสั่น: “จื่อเฟิง เธอเมาแล้วนะ ฉันไม่ใช่คุณชาย ฉันคือ…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็ถูกขัดจังหวะโดยจื่อเฟิง
เธอก้มหน้าลงบนอกของป๋ายหลี่แล้วพูดอย่างอ่อนแรง: “ฉันไม่ได้จำคนผิด คุณนั่นแหละ เย็นนี้อย่าไปเลยได้ไหม ขอเพียงมีแค่เราสองคน”
ร่างกายที่อบอุ่นถูกฝังอยู่ในอ้อมแขนของเขาและป๋ายหลี่ก็แทบจะไม่มีสติเหลือ
เขาทำเสียงขรึมในทันทีอีกทั้งยังหลับตาและพยักหน้าแล้วพูดขึ้น: “ได้”