บทที่ 538 ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว!
“ฉันไม่ถอย คุณบอกมาก่อนว่าคุณจะไปที่ไหน!พวกเราคุยเจรจาตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณจะช่วยเหลือฉัน”
ข่ายสื้อลินกัดริมฝีปาก กางสองแขน ทำท่าขวางรั้งไม่ให้ไปไหน
เธอมีความรู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น
“ตอนนี้ข้อตกลงเป็นโมฆะ ผมจะนับถึงสาม ถ้ายังไม่ถอยไป ผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
สายตาที่จิ้นเฟิงเฉินมองมาที่ข่ายสื้อลินเยือกเย็นสุดๆ แล้วก็ขี้เกียจที่จะอยู่พล่ามอะไรต่อกับข่ายสื้อลินด้วย
ตอนนี้เขามีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น ก็คือจะต้องกลับประเทศให้เร็วที่สุด
ไม่ว่าใครหน้าไหนมาขวางทางเขา เขาก็จะไม่ปล่อยไปแน่นอน
ถึงขนาดที่ไม่ว่าข้อตกลงอะไรก็ตาม ถ้าเทียบกับเจียงสื้อสื้อแล้ว ทั้งหมดมันก็ไร้ค่าทั้งนั้น!
“นี่คุณ!”
ข่ายสื้อลินโกรธจนกระทืบเท้า แต่ถูกท่าทางแบบนี้ของจิ้นเฟิงเฉินทำให้ตกใจขึ้นมา
สีหน้าของเขาดูแทบไม่ได้ ราวกับพญามัจจุราชที่สูญเสียการควบคุมไปเรียบร้อยแล้ว
ข่ายสื้อลินแทบจะไม่รู้สึกสงสัยเลยแม้แต่น้อย ว่าขืนเธอขวางทางเขาต่อไป ผู้ชายคนนี้จะสลัดเธอออกไปแน่นอน!
สุดท้ายก็ยังไม่เต็มใจที่จะให้เขาไป
เธอจ้องมองเงาของจิ้นเฟิงเฉินที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว คิ้วขมวดเล็กน้อย
เขาไปเร็วมาก พลังงานเหี้ยมโหดที่ปกคลุมไปทั่วร่างของเขา ฝีท้าเดินไม่เป็นจังหวะ รีบร้อนเร่งรีบ เต็มไปด้วยความกังวลสุดๆ
ดูออกว่า ว่าในใจของเขามันหนักหน่วงไม่น้อย
ข่ายสื้อลินจ้องมองเงาของจิ้นเฟิงเฉินอยู่นาน ในที่สุดก็รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้จิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนไปขนาดนี้
คนที่สามารถทำให้จิ้นเฟิงเฉินวุ่นวายได้ขนาดนี้ มันมีแค่เจียงสื้อสื้อคนเดียวเท่านั้น!
หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง จิ้นเฟิงเฉินก็กลับมาถึงประเทศ จิ้นเฟิงเหรามารับเขา
สองพี่น้องมองสบตากัน จิ้นเฟิงเหราเห็นตาของจิ้นเฟิงเฉินที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด
มองผ่านสองตาที่โหดเหี้ยมนั้น ราวกับว่าเขามองลอดลึกลงไปถึงจิตวิญญาณของจิ้นเฟิงเฉินได้เลย
เจียงสื้อสื้อเป็นที่พึ่งทางอารมณ์ของพี่ชายของเขา พอเกิดเรื่องขึ้นกับเธอแบบนี้ พี่ของเขาก็ใกล้จะพังทลายลงเช่นเดียวกัน
“พี่……”
สักพัก อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดก็เอ่อล้นเข้ามาในใจ จิ้นเฟิงเหราอยากที่จะพูดปลอบเขา แต่กลับพูดไม่ออกสักประโยคเดียว
จิ้นเฟิงเฉินไมได้มองเขา สีหน้าบึ้งตึง ดูนิ่งขรึม
แต่ตอนที่จับโทรศัพท์นั้นนิ้วมือสั่นเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงๆของเขา
จิ้นเฟิงเหราเดินตามหลังของจิ้นเฟิงเฉิน มองสำรวจเงาหลังของเขา
รูปร่างที่สูงใหญ่นั้นราวกับว่าดูหดหู่ลงไปทันที
พอเห็นแบบนี้แล้ว ใจของจิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกสลดเช่นกัน
ตั้งแต่ลงเครื่องมาจนถึงตอนนี้ จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียว
สิ่งที่ทำมากที่สุดก็คือจัดแจงส่งคนให้ไปตามหาตัวของเธอ
จิ้นเฟิงเฉินแทบจะระดมพลและพละกำลังทั้งหมดที่พอจะระดมได้ เพื่อไปตามหาตัวของเจียงสื้อสื้อ
ตามศุลกากรและตามท่าเรือต่างๆก็ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด
แต่ถึงยังไง เวลาก็ผ่านเลยไปทุกวินาที ไม่ว่าจะที่ไหน ก็หาวี่แววของเจียงนวลนวลกับเจียงสื้อสื้อไม่เจอเลยแม้แต่นิดเดียว
พวกเธอเหมือนกับหายสาบสูญไปก็ไม่ปาน
จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งนิ่งเงียบมากขึ้น
เขานั่งอยู่ริมๆ สองมือกุมใบหน้า ดูไม่ออกว่ากำลังมีอารมณ์ความรู้สึกอะไรอยู่
ช่วงเวลาแห่งการรอคอย บรรยากาศยิ่งดูซบเซามากขึ้น ทุกๆคนล้วนแต่รู้สึกหนักใจ ไม่กล้าเปิดปากพูดอะไร
“คุณ คุณผู้ชาย……”
มีคนคนหนึ่งโผล่เข้ามา ทำลายความเงียบสงบ
ตรงประตู จื่อเฟิงที่ร่างกายพันไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดขาว เดินอ่อนปวกเปียกตรงมายังจิ้นเฟิงเฉิน
พอเธอได้ยินข่าวว่าจิ้นเฟิงเฉินกลับประเทศมา ก็รีบวิ่งแจ้นออกมาจากโรงพยาบาลทันที
เธอไม่ได้ลืม คำพูดพวกนั้นที่จิ้นเฟิงเฉินเคยพูดไว้ก่อนจะไป
พอเห็นจิ้นเฟิงเฉินสีหน้าดำมืดแบบในตอนนี้ ก็รู้สึกตกใจกลัวอยู่ไม่น้อย
จิ้นเฟิงเหราที่เดินมาจากไกลๆเหลือบไปเห็นจื่อเฟิงอยู่ที่นี่ ก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย“จื่อเฟิง ทำไมเธอถึงไม่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล มาที่นี่ทำไม?”
จื่อเฟิงไม่พูดอะไร เธอเพียงแค่จ้องมองจิ้นเฟิงเฉินเท่านั้น
ทันทีที่เขาเงยหน้ามองมา แววตาของจื่อเฟิงก็แฝงไปด้วยความกลัวทันที
จิ้นเฟิงแววตาดำมืดไร้ซึ่งแสงสว่าง ตอนที่เห็นเธอ แววตาก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคมขึ้นมา
เขายืนขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที ทั้งตัวเต็มไปด้วยพลังงานความโกรธแค้น พอเห็นเธอ ความโกรธทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที
สายตากระหายเลือด จ้องเขม็งเธอ ราวกับว่ากำลังไต่สวนคนร้ายจากคดีร้ายแรงในประวัติศาสตร์เพื่อจะเอาไปทรมานอย่างไรอย่างนั้น
“นังไร้ค่า!”
สักพัก คำพูดคำจาที่เต็มไปเปี่ยมไปด้วยความโกรธก็ออกมาจากปากของจิ้นเฟิงเฉิน ทำเอาเธอสะดุ้งตกใจขึ้นมา
จื่อเฟิงขาเริ่มอ่อน จู่ๆในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สักพักก็ไปคุกเข่าอยู่ต่อหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน
พูดขึ้นด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน“ขอโทษค่ะคุณชาย จื่อเฟิงสำนึกผิดแล้ว ขอให้คุณให้โอกาสกับฉันอีกสักครั้ง”
“ไม่มีโอกาสแล้ว ขนาดแค่คนคนเดียวยังดูไม่ได้ ฉันจะเอาเธอไปทำอะไรได้อีก? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอไสหัวออกนอกประเทศไปซะ!”
จิ้นเฟิงเฉินตะคอกออกมา กำหมัดแน่นจนมีเสียงดังกรอดๆ
ท่าทีแบบนั้น ไม่สนใจใยดีถึงขนาดที่ทำให้ใจของจื่อเฟิงสั่นสะดุ้ง
เธอหวาดกลัวจนกอดขาของจิ้นเฟิงเฉิน ปืนขึ้นมาข้างบน พยายามให้เขาหันกลับมาสนใจ
น้ำตาคลอสองเบ้าตา จื่อเฟิงพูดขอร้องอ้อนวอน“อย่าเลยนะคะ คุณชาย……”
พอโดนสัมผัสของเธอ สายตาของจิ้นเฟิงเฉินก็แฝงไปด้วยความรังเกียจขยะแขยง
ไฟแห่งความโกรธที่ลุกโชนขึ้นมาได้เผาทำลายสติสัมปชัญญะของเขาไปจนหมด เขาผลักเธอออกไปอย่างแรง
พูดขึ้นด้วยสองตาที่แดงก่ำ“ไสหัวไป!”
จื่อเฟิงถูกสลัดทิ้งลงไปราวกับขยะไร้ค่า
เธอนั่งฟุบลงไปที่พื้น อย่างแรง รู้สึกกระอักกระอ่วนลำบากใจสุดๆ
พอเจอกับจิ้นเฟิงเฉินที่เด็ดเดี่ยวรุนแรงแบบนี้ จิ้นเฟิงเหราสีหน้าก็นิ่งชะงักเช่นกัน
เขาไม่เคยเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่สูญเสียการควบคุมแบบนี้มาก่อน เหมือนกับสัตว์ที่ดุร้ายป่าเถื่อนตัวหนึ่ง ถ้าไม่ฉีกกระชากคนออกเป็นชิ้นๆก็จะไม่มีทางสงบลง
กลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินที่โหดเหี้ยมจะก่อเหตุอะไรขึ้นมา จิ้นเฟิงเหราจึงเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าของจื่อเฟิงเอาไว้ทันที
จิ้นเฟิงเฉินสีหน้ามืดมน เข้ามาใกล้เรื่อยๆ จื่อเฟิงที่อยู่ข้างหลังก็ตกใจกลัวจนสูญเสียสติไปแล้ว
“ถ้าสื้อสื้อตายไป เธอจะต้อง……”
น้ำเสียงอันแสนเยือกเย็นของจิ้นเฟิงเฉินดังกึกก้องไปทั่ว แสงที่นิ่งสงบในลูกตาดำ เผยให้เห็นความนิ่งขรึม ดูน่าสะพรึงกลัวสุดๆ
เขาไม่ทันได้พูดจบ แต่จื่อเฟิงก็เดาได้แล้วว่าอีกครึ่งประโยคที่เหลือคืออะไร
สายตาที่จิ้นเฟิงเฉินมองเธอ แทบจะอยากให้เธอตายไปเป็นเพื่อนกับเจียงสื้อสื้อไปซะ!
ผู้ชายคนนี้ บ้าไปแล้ว!
พอเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี จิ้นเฟิงเหราก็รีบรั้งเขาไว้
“พี่ พี่ใจเย็นลงก่อน……”
“ถอยไป ไม่อย่างฉันจะซัดแกด้วยอีกคน!”
พูดจบ ตาแดงก่ำของจิ้นเฟิงเฉินก็หันมามองจิ้นเฟิงเหรา แทบจะไม่สนใจว่าเขาเป็นใคร
จิ้นเฟิงเหราเห็นแบบนี้ก็กลืนน้ำลาย สองมือกันไว้ที่ตรงหน้าอก พูดออกมาในลำคอ“พี่ พี่สะใภ้บางทีอาจจะมีชีวิตอยู่ก็ได้ ไม่แน่เจียงนวลนวลอาจจะแอบพาพี่สะใภ้ออกนอกประเทศไปแล้วก็ได้ ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวอะไรก็ถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดแล้วนะ พี่ต้องใจเย็นลงก่อน ไม่อย่างนั้นใครจะช่วยพี่สะใภ้ได้อีกล่ะ!”
ผ่านไปนานสองนานไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา จิ้นเฟิงเหราลืมตาขึ้น เห็นว่าฝีเท้าของจิ้นเฟิงเฉินหยุดลงแล้ว
ชื่อของเจียงสื้อสื้อราวกับเป็นสวิตซ์เปิดปิด
ฉุดดึงเขาจากสภาพที่โหดเหี้ยมไร้หัวใจกลับมา
จิ้นเฟิงเฉินสีหน้าค่อยๆดูมีชีวิตชีวาอย่างช้าๆ สีหน้าไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้นอีกแล้ว
พอเห็นสีหน้าที่กลับมาเป็นปกติของเขาแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็แอบถอนหายใจ
สองฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาทำสายตาให้จื่อเฟิงรีบหนีไปโดยเร็ว
ต่อมาก็เปิดปากพูดปลอบเขา“พี่ ไม่เป็นไร พวกเราค่อยหากันต่อ เราจะต้องหาพี่สะใภ้เจอแน่นอน”