บทที่ 579 สามีของฉันคือฝู้จิงเหวิน
เจียงสื้อสื้ออยู่ในสภาพนิ่งอึ้งเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน
แต่พอเห็นแววรักใคร่ในดวงตาของชายหนุ่ม ก็อดบีบหัวใจขึ้นมาไม่ได้
แววตาของเขาที่ส่งผ่านมา เธอรับรู้ได้ว่าเขาเคยมีภรรยาที่เขารักมากขนาดไหน
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ เพราะอย่างไรเธอกับผู้ชายคนนี้ก็เพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งเดียวเท่านั้น
แม้หัวใจเธอจะเต้นแรงอยู่บ้าง แต่กอดกับเขาภายใต้คนมากมายเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่เหมาะสมอยู่ดี
เจียงสื้อสื้อดิ้นรน ออกแรงให้พ้นจากอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉิน ถามอย่างมีมารยาทว่า “คุณคะ คุณน่าจะจำคนผิดแล้วค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณ และไม่รู้ว่าคุณเป็นใครด้วย”
คำพูดของเจียงสื้อสื้อทำให้จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากจะเชื่อ เธอลืมเขาได้ยังไงกัน……
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ส่งเสียงยืนอยู่ที่เดิมอย่างทึ่มทื่อ เวลานี้เสี่ยวเป่าที่อยู่อีกด้านก็โผเข้ามาทันที
เสี่ยวเป่ายืนอยู่ตรงหน้าเจียงสื้อสื้อด้วยน้ำตานองหน้า พูดเสียงสะอื้นว่า “หม่ามี้ ผมคือเสี่ยวเป่าของหม่ามี้ไงครับ หม่ามี้ลืมผมไปแล้วเหรอ? สามปีมานี้ ผมรอคอยหม่ามี้กลับมาอยู่ทุกวัน ในที่สุดผมก็ได้เจอหม่ามี้แล้ว หม่ามี้ เสี่ยวเป่าคิดถึงหม่ามี้มาก”
สิ้นคำ เสี่ยวเป่าก็กอดขาของเจียงสื้อสื้อไว้แน่น
สภาพดวงตาแดงก่ำ ทำให้คนสงสารจับใจ
เจียงสื้อสื้อรับรู้ได้ถึงร่างกายที่สั่นเทาของเสี่ยวเป่า ร่างกายเธอจึงแข็งทื่อไปชั่วขณะ
ในความทรงจำเธอมีลูกชายคนหนึ่งมาตลอด อายุน่าจะประมาณสี่ห้าขวบ
แต่ก่อนหน้านี้เธอเคยถามฝู้จิงเหวิน เขาบอกว่าตนเองไม่มีลูกชาย
แต่ตอนนี้จู่ๆ เด็กผู้ชายตัวน้อยคนนี้ก็โผล่มา ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก
คำว่าหม่ามี้เหมือนเธอจะเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว ปลุกความเป็นแม่ในตัวของเธอให้ตื่นขึ้น
ไม่ใช่แค่เจียงสื้อสื้อที่ชะงักอยู่กับที่ ฝู้จิงเหวินเองก็เหมือนกัน
เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าการมาร่วมพิธีหมั้นจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
มองเสี่ยวเป่าที่ข้างขาของเจียงสื้อสื้อ ในใจเขาก็ตระหนกขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ตอนที่เจียงสื้อสื้อกำลังคิดจะดึงเสี่ยวเป่าเข้ามาในอ้อมแขน ฝู้จิงเหวินก็ดึงเธอกลับมาทันที
ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ กันสายตาของจิ้นเฟิงเฉินไว้
“คุณจิ้น เธอคือภรรยาผม ผมว่าพวกคุณจำผิดคนแล้ว” น้ำเสียงของฝู้จิงเหวินแฝงความเย็นชาหลายส่วน
เวลานี้พวกจิ้นเฟิงเหรากับแม่จิ้นสังเกตถึงความผิดปกติของจิ้นเฟิงเฉิน จึงรุดเข้ามาทันที
เมื่อกี้ตอนที่พวกเขาเห็นเจียงสื้อสื้อ ยังมีความรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง แต่เวลานี้มองเจียงสื้อสื้อที่อยู่ด้านหลังฝู้จิงเหวิน ก็ยิ่งตกตะลึงกว่าเดิม
จิ้นเฟิงเหรามองเห็นความสับสนและงุนงงในแววตาของเจียงสื้อสื้อ จึงเอ่ยปากทันทีว่า “พี่สะใภ้ คุณเป็นอะไรไป คุณลืมพี่ชายผมได้ยังไงกัน เขาเป็นสามีของคุณนะ สามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย!”
ขณะพูด จิ้นเฟิงเหราก็ชี้ไปที่จิ้นเฟิงเฉิน ดึงเขามาอยู่ตรงหน้าเจียงสื้อสื้อ
“ผู้ชายคนนี้ตอนนั้นเพื่อตามหาคุณ เกือบเอาชีวิตไม่รอด พี่สะใภ้คุณจะลืมไม่ได้นะ”
เวลานี้แม่จิ้นเองก็เอ่ยปากพูดเช่นกัน “ใช่แล้ว สื้อสื้อ หนูเป็นอะไรไป? ทำไมถึงจำพวกเราไม่ได้แล้วล่ะ?”
เห็นพวกเขาต่างคนต่างก็พูดเช่นนี้ เจียงสื้อสื้องุนงงไปหมดแล้ว
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี ทำไมคนเหล่านี้ล้วนบอกไม่ให้ตนเองลืมผู้ชายตรงหน้า แต่ในความทรงจำของเธอไม่มีภาพจำเท่าไหร่นักจริงๆ
เผชิญหน้ากับการซักถามของคนตระกูลจิ้น เจียงสื้อสื้อจึงพูดอย่างลนลานอยู่บ้าง “ไม่ค่ะ พวกคุณน่าจะจำผิดคนแล้ว……สามีของฉันคือฝู้จิงเหวิน คือผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างฉัน”
สถานการณ์อย่างเช่นในตอนนี้ จนปัญญาสำหรับเจียงสื้อสื้อจริงๆ เธอหวังอย่างยิ่งว่าจะมีใครสักคนพาเธอออกไปจากที่นี่
ไม่มีความทรงจำเหลืออยู่จริงๆ ทำให้เธอไม่สบายใจอย่างมาก
มองคนตระกูลจิ้นแต่ละคนที่เดินเข้ามาพูดเรื่องเหล่านี้กับเจียงสื้อสื้อ สีหน้าฝู้จิงเหวินก็ขรึมลงเล็กน้อย
แม้เขาที่ถูกอบรมมาอย่างดีก็อดที่จะโกรธขึ้นมาไม่ได้
ความรู้สึกที่เหมือนกับกำลังจะสูญเสียเจียงสื้อสื้อไปค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมาจากก้นบึ้งในหัวใจ
แต่เขาจะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด มองเจียงสื้อสื้อที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อตัวเองในทุกๆ วัน
ระยะเวลาสามปี เขาไม่อาจให้เสียเปล่าเช่นนี้ได้
ฝู้จิงเหวินจับมือเจียงสื้อสื้อไว้แน่น ให้เธอมายืนอยู่ด้านข้างตนเอง กล่าวด้วยสีเคร่งขรึมว่า “พวกคุณจำผิดคนแล้ว เธอเป็นภรรยาของผม”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาว่า “ผมเชื่อในการตัดสินใจของตนเอง เธอก็คือเจียงสื้อสื้อไม่ผิดแน่ ต่อให้สลายกลายเป็นเถ้าผมก็ไม่มีทางลืม”
แขกที่อยู่ในงานต่างมองพวกเขาอย่างแปลกใจ วิจารณ์กันเสียงเบา
“เฮ้ ฉันว่า ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะเป็นภรรยาของคุณชายใหญ่จิ้ม ที่หายตัวไปเมื่อสามปีก่อนคนนั้นไง พวกคุณยังจำได้ไหม?”
“คงใช่เธอนั่นแหละ ฉันก็ว่าทำไมถึงคุ้นตาขนาดนี้ มิน่าคุณชายใหญ่จิ้นถึงคุมสติไม่อยู่ เรื่องนี้เกิดกับใครก็คงไม่มีทางถอย”
“แต่ผู้ชายคนนั้นก็ดูไม่ใช่คนที่จะล่วงเกินได้ง่ายๆ ฉันจำได้ว่าเหมือนเขาจะมีความสามารถมาก คว้ารางวัลมากมายได้ตั้งแต่อายุยังน้อย”
“ชักจะน่าสนใจแล้วสิ ดูท่าคงจะมีละครแย่งเมียให้ได้ชมแล้ว”
“……”
……
สถานการณ์ในตอนนี้วุ่นวายอยู่ชั่วขณะ เสียงวิจารณ์ที่ด้านล่างเวทีลอยมาเข้าหูของเจียงสื้อสื้อ
หลังเจียงสื้อสื้อได้ยิน ในสมองก็ปรากฏภาพมากมายแวบเข้ามา แต่ก็ล้วนขาดๆ หายๆ เธออดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
ฝู้จิงเหวินสังเกตเห็นความผิดปกติของเจียงสื้อสื้อ ก็กล่าวเสียงเย็นว่า “ตอนแรกผมตั้งใจมาขอบคุณพวกคุณที่ช่วยเถียนเถียน แต่ตอนนี้ขออภัย พวกเราต้องไปแล้ว”
สิ้นคำ ฝู้จิงเหวินก็จูงมือเจียงสื้อสื้อขึ้นมา แต่จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่อีกด้านดึงมือเจียงสื้อสื้อไว้ พูดอย่างดึงดันว่า “ตอนนี้พวกคุณยังไปไม่ได้”
ถูกชายสองคนดึงรั้งไปมา เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เธอไม่กล้าหันไปสบดวงตาของจิ้นเฟิงเฉิน ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้า ทำให้เธอใจสั่นอย่างไม่มีเหตุผล
ในใจชัดเจนดีว่าเธอกับผู้ชายคนนี้จะต้องเคยมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างในอดีต แต่ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฝู้จิงเหวิน
เธอไม่อาจทำเรื่องที่ผิดต่อฝู้จิงเหวินได้
ไม่สนใจความเจ็บปวดในแววตาของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อสลัดมือของจิ้นเฟิงเฉินออกทันที กล่าวเสียงราบเรียบว่า “คุณคะ โปรดระวังด้วย ฉันไม่รู้จักคุณจริงๆ”
แม้จะถูกสลัดมือออก แต่จิ้นเฟิงเฉินยังคงขวางอยู่ด้านหน้าของเจียงสื้อสื้อ สิ่งนี้ทำให้ฝู้จิงเหวินไม่พอใจอย่างมาก
“หม่ามี้……”
เสี่ยวเป่ามองเจียงสื้อสื้อที่กำลังจะจากไป คิดจะเข้าไปดึงเธอไว้อย่างไม่ยอมตัดใจ แต่ถูกพ่อจิ้นห้ามไว้
พ่อจิ้นกอดเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมแขน กล่าวปลอบว่า “เสี่ยวเป่าอย่าร้อง ตอนนี้หม่ามี้ไม่เหมือนกับในอดีตแล้ว พวกเราจะฝืนใจเธอไม่ได้”
แต่เสี่ยวเป่าที่อายุแค่นี้ไม่เข้าใจเหตุผลโดยสิ้นเชิง ในความนึกคิดของเขา ท่าทีเช่นนี้ของเจียงสื้อสื้อหมายถึงไม่ต้องการเขาแล้ว
สถานการณ์ในตอนนี้อึดอัดอยู่ชั่วขณะ เถียนเถียนมองดูอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ
เธอไม่รู้ว่าทำไมพ่อจิ้นถึงตามตื๊อหม่ามี้ และไม่รู้ว่าทำไมพ่อฝู้ถึงโกรธมากขนาดนี้
มองคิ้วของหม่ามี้ที่ขมวดมุ่น เถียนเถียนก็อยากจะช่วยหม่ามี้รีดให้เรียบจริงๆ
เห็นจิ้นเฟิงเฉินขวางอยู่ด้านหน้า ท่าทางไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เจียงสื้อสื้อก็อุ้มเถียนเถียนขึ้นมาทันที คิดจะจากไป