บทที่ 582 พรุ่งนี้พวกเรากลับฝรั่งเศส
แม่จิ้นได้ยินก็พยักหน้า
ข้างๆ ส้งหวั่นชีงได้ถือแก้วแก้วหนึ่ง ป้อนน้ำให้เสี่ยวเป่า ทำให้เขาได้ชุ่มคอ เสี่ยวเป่าจิบไปเล็กน้อย แล้วก็ร้องสะอึกเสียงเบาต่อ
ตั้งแต่กลับมาบ้านเสี่ยวเป่าก็ได้ร้องไห้จนตาบวม คอก็ได้แห้งมากๆ ส้งหวั่นชีงมองแล้วก็สงสารมากๆ
เธอได้ตบไปที่หลังของเสี่ยวเป่าเบาๆ แล้วก็ปลอบเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เสี่ยวเป่าร้องไปสักพัก ก็ได้เหนื่อย
คราวนี้ดวงตาก็ได้ปิดไปนิดเดียว ในความเหนื่อย ก็ได้คิดว่าส้งหวั่นชีงเป็นเจียงสื้อสื้อ
จับมือของเธอแน่น ปากก็ได้พูดไม่หยุดว่า “หม่ามี๊ อย่าทิ้งเสี่ยวเป่าไป……”
ส้งหวั่นชีงก็ได้ตอบเขาอย่างใจเย็น “ไม่หรอกค่ะ หม่ามี๊ไม่มีทางไม่เอาเสี่ยวเป่าแน่……”
เห็นเสี่ยวเป่าที่ได้มีท่าทางอ่อนเพลียแบบนี้ ส้งหวั่นชีงก็ได้หันไปพูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง “คืนนี้หนูนอนเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าดีกว่าค่ะ ตอนนี้เขาอ่อนไหวมากๆ”
แม่จิ้นพยักหน้า ก็ได้พูดอย่างรู้สึกผิด “ก็ดี หวั่นชีง ขอโทษทีนะ วันนี้รู้สึกผิดกับหนูหลายอย่างเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเข้าใจดี”
ส้งหวั่นชีงส่ายหน้า ก็ได้ตอบออกไปอย่างอ่อนน้อม เข้าใจดี
สายตามองไปนอกหน้าต่าง มองท้องฟ้าที่มืดสนิท นัยน์ตาก็เหมือนได้มีคลื่นเล็กน้อย
เธอไม่ได้เป็นเพราะเจียงสื้อสื้อได้ออกมาที่งานแล้วก็แย่งความสนใจไปจากตัวเธอแล้วโมโห
แต่เป็นเพราะดีใจ ที่พี่สื้อสื้อยังมีชีวิตอยู่
แบบนั้น ตระกูลจิ้นก็ได้อยู่กันครบทั้งครอบครัวแล้วจริงๆ หลุมที่ได้ปิดบังมาโดยตลอดก็ได้ถึงเวลาเติมมันแล้ว……
อีกด้าน โรงแรมที่เจียงสื้อสื้อพัก บรรยากาศแปลกมากๆ
พวกเขาได้รีบออกมาจากงานเลี้ยง แล้วก็ได้รีบกลับมาที่โรงแรม
“สื้อสื้อ พรุ่งนี้พวกเรากลับฝรั่งเศสกันเถอะ”
ฝู้จิงเหวินได้พูดกับเธอไปคำ สีหน้าดูแล้วไม่ค่อยที่จะดีนัก
ตั้งแต่ออกมาจากงาน เขาก็เหมือนกวางที่ถูกทำให้ตกใจ ใจลอยอยู่ตลอด
เจียงสื้อสื้อคิดไปสักพัก ก็ได้พยักหน้าตกลง “อืม เอาที่นายว่า”
คราวนี้ ทั้งสามได้เก็บข้าวของ
บรรยากาศในห้องเงียบเอามากๆ มีแต่เสียงเสื้อผ้าที่ได้เสียดสีกัน คืนที่เงียบก็ได้ทำให้มันดูดังมาก
สายตาที่ตกของฝู้จิงเหวิน จิตใจนั้นไม่ได้อยู่กับการพับเสื้อผ้า
ในหัวเขานั้นได้มีภาพเหตุการณ์ในงานเลี้ยงหมุนเวียนซ้ำๆ ความรู้สึกสั่นคลอน ก็ได้เปิดจนสุด
เหมือนกับเถาวัลย์ที่กำลังโต ได้พันไปรอบใจของเขา พันแน่นจนขาหายใจไม่ออก
สามปีที่ได้อยู่กับเจียงสื้อสื้อนั้น เขาชอบรู้สึกว่าตัวเองได้ขโมยมา
เขาลองที่จะไปตามหาความทรงจำให้เจียงสื้อสื้อ แต่อีกใจก็กลัวว่าเธอจะจำได้ขึ้นมาจริงๆ เจอกับคนที่เคยเจอ
วันนี้ ความคิดนั้นได้เป็นจริงต่อหน้าเขาแล้ว
ปฏิกิริยาแรกของเขาคือกลัว ตอนที่เห็นจิ้นเฟิงเฉินกับเสี่ยวเป่าพุ่งเข้ามานั้น ใจเขาเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา ทั้งตัวได้มีเหงื่อผุดเต็มไปหมด
ชั่วขณะนั้น เขากลัวว่าเจียงสื้อสื้อจะไปกับพวกเขา
เขากลัวว่าเจียงสื้อสื้อจะทิ้งเขาไป เพราะงั้นเขาเลยโกรธ
ก็ได้ไม่สามารถรักษาท่าทางที่มีมารยาทได้อีกต่อไป ก็ได้ลากเธอออกมาจากงาน
เขาคิดว่าตัวเองนั้นสามารถที่จะรับได้ในเรื่องอดีตของเจียงสื้อสื้อ เวลานั้น เขากลับพบว่าความคิดเมื่อก่อนของเขาโง่ขนาดไหน
เมื่อก่อนเขาคิดว่าเจียงสื้อสื้อได้ถูกสามีของเธอทิ้ง แต่ไม่เคยที่จะคิดว่า สามีของเธออาจจะรอเธอกลับไปอยู่
คืนนี้ตอนที่เจอจิ้นเฟิงเฉิน ฝู้จิงเหวินถึงได้เข้าใจ ว่าความคิดของตัวเองนั้นมันผิด
มองแค่ตาที่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นรักสื้อสื้อขนาดไหน
เขาเริ่มเสียใจ คิดผิดที่ได้พาเจียงสื้อสื้อมาที่ประเทศนี้
ถ้าเกิดไม่ได้มา เธอก็จะไม่ได้เจอกับครอบครัวในคืนนี้
โอกาสแบบนี้ อาจทำให้เขาสูญเสียเจียงสื้อสื้อไปเลยก็ได้
นิ้วของฝู้จิงเหวินก็ได้ออกแรงเล็กน้อย แทบที่จะทำให้เสื้อในมือนั้นกำเป็นก้อน
เจียงสื้อสื้อได้แย่งเสื้อมาจากมือของเขา ฝู้จิงเหวินถึงได้ได้สติ
รู้ว่าตัวเองนั้นควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ฝู้จิงเหวินก็ได้ควบคุมสีหน้าของตัวเอง พูดกับเธอ “โทษที ฉันไปล้างหน้า”
พูดจบ ก็ได้ก้าวเท้าไปที่ห้องน้ำ
ไม่นาน ห้องน้ำก็ได้มาเสียงน้ำไหล
เจียงสื้อสื้อก็ได้มองกลับมา คิ้วที่โค้งสวยก็ได้ขมวดแน่น
เธอได้เม้นปาก สายตาที่ได้มืดมนลงเล็กน้อย
จิตใจตอนนี้ก็ไม่ได้สงบขึ้นมา เธอก็กำลังหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ในงาน
ในหัวนั้นได้มีภาพจิ้นเฟิงเฉินกับเสี่ยวเป่าโผล่ขึ้น ในใจนั้นก็ได้มีความรู้สึกที่แปลกๆ
เธอนั้นสับสนอย่างช่วยไม่ได้ หรือว่า เธอเป็นเหมือนที่ผู้ชายคนนั้นพูดจริงๆ เป็นภรรยาของเขา?
และเด็กชายตัวน้อยคนนั้น เป็นลูกชายของเธอ?
แล้วฝู้จิงเหวินมันเรื่องอะไร?
เถียนเถียนอยู่ข้างๆ มองสีหน้าของเจียงสื้อสื้อ ตาที่กลมโตได้กะพริบ ได้มีความกังวลเล็กน้อย
เธอนั้นรู้สึกได้ว่าหม่ามี๊กับแดดดี๊ของตนผิดปกติ เพราะงั้นก็ได้เป็นเด็กดีเป็นพิเศษ
เถียนเถียนนั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้เอาเสื้อส่งไปให้เจียงสื้อสื้ออย่างระมัดระวัง แล้วก็ไม่กล้าพูดอะไร
เจียงสื้อสื้อเพราะว่าเหม่อลอย ก็ได้พับเสื้อไปลวกๆ
ฝู้จิงเหวินเวลานี้ก็ได้ออกมาจากห้องน้ำ สีหน้าก็ได้จัดการเรียบร้อย
เขานั่งอยู่ข้างๆ สองแม่ลูก เปิดปากทำลายบรรยากาศนั้น
“สื้อสื้อ เธอมีอะไรอยากจะถามฉันไหม?” เขาได้ถามอย่างอ่อนโยน
ตอนที่มองไปทางเจียงสื้อสื้อ สายตาได้เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เจียงสื้อสื้อได้ยิน ก็ได้ค่อยๆเงยหน้า มองไปที่ฝู้จิงเหวิน
เธอไม่ได้ตอบ แต่เป็นการถามฝู้จิงเหวินกลับ “แล้วนายล่ะ ไม่มีอะไรที่จะพูดกับฉันเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อจ้องมองฝู้จิงเหวิน ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหน แล้วก็ไม่รู้จะถามอะไร
ฝู้จิงเหวินไม่ได้มีคำตอบ ให้เขาพูดไปเอง
มองสายตาที่ใสซื่อของเธอ แววตาของฝู้จิงเหวินได้สั่นไหว
เขาเข้าไป แล้วก็กอดเจียงสื้อสื้อไว้ ออกแรงเยอะมาก เหมือนว่าจะกอดเธอให้เข้าไปในกระดูก
คนที่อยู่ในอ้อมกอดก็ได้นิ่ง ผ่านไปสักพัก มือก็ได้ค่อยๆ ไปวางที่ไหล่ของเขา เหมือนว่าได้ปลอบ
สักพัก เสียงของเจียงสื้อสื้อก็ได้ดัง “ตอนนี้นายไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ไม่เป็นไร”
สายตาของฝู้จิงเหวินก็ได้มีความเสียใจ เขาได้พูดอย่างจริงจัง “สื้อสื้อ ไม่ว่าฉันทำอะไร เธอต้องจำไว้ ฉันเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอที่สุด”
มือของฝู้จิงเหวินได้สั่น ความเห็นแก่ตัวของเขาทำให้อดไม่ได้ที่จะไม่เล่นบทความรู้สึกกับเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้ออึ้งไปสักพัก มือที่วางที่ไหล่ของฝู้จิงเหวินก็ได้วางลง
เธอได้ก้มหน้า ไม่พูดอะไร ก็แค่พยักหน้าไปเบาๆ
สามปีมานี้ ตระกูลฝู้มีพระคุณต่อเธอ เธอนั้นจดจำมาตลอด
เพราะงั้นพอเผชิญกับฝู้จิงเหวินที่ร้อนรน เจียงสื้อสื้อไม่อยากปฏิเสธ
ถึงแม้ไม่เข้าใจเหตุผล แต่เธอเลือกที่จะเงียบ ไม่อยากบังคับเขา
ฝู้จิงเหวินได้ปล่อยเธอ แล้วก็เปลี่ยนความคิด
“สื้อสื้อ คืนนี้พวกเราไปที่สนามบินกันเลย ฉันไปดูแล้ว คืนนี้ยังมีเที่ยวบินอีกเที่ยว พวกเรานั่งเครื่องบินเที่ยวนั้นกลับไป”
ค่ำคืนยาวนานฝันร้ายก็ยาวนาน เขาไม่อยากที่จะอยู่ต่อเลยสักนิด
กลัวว่าอยู่ต่อ จิ้นเฟิงเฉินจะพาคนตามมาถึงที่
อำนาจของเขามีน้อย ไม่มีทางที่จะต่อกรได้
“อืม นายตกลงก็พอ”
เจียงสื้อสื้อไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้ายอมรับ แสดงออกแบบเชื่อฟังมาก