บทที่ 615 ต้องไม่เป็นตัวอย่าง
ทุกคนกำลังช่วยเจียงสื้อสื้อค้นหาความทรงจำ ไม่รู้ว่าการทำแบบนี้จะเป็นการทำให้เธอเจ็บปวดหรือไม่
ในขณะที่จิ้นเฟิงเฉินร้อนใจนั้น ก็เจ็บปวดไปในเวลาเดียวกัน
ในเวลาเดียวกัน เจียงสื้อสื้อที่นอนอยู่บนเตียงก็พลิกไปมาไม่สามารถหลับได้เช่นกัน
คนๆนั้นที่ต้องการให้เธอตายเป็นใครกันแน่?
ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเสียงของเธอขนาดนี้?
หรือเป็นไปได้ไหมว่าฉันเคยทำให้ใครบางคนไม่พอใจมาก่อน?
ตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ช่างมันเถอะ ค่อยๆหาคำตอบไป ร้อนใจไปก็ไม่ได้ช่วยอยู่ดี
เนื่องด้วยเสียงหายใจของเถียนเถียน ทำให้เจียงสื้อสื้อได้หลับไป
วันต่อมา ที่บ้านตระกูลจิ้น
ทุกคนล้วนตื่นแต่เช้า เพราะว่าวันนี้จิ้นเฟิงเหราพวกเขาจะต้องกลับไปแล้ว
พอเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็พาพวกเขามาที่สนามบิน
แม่จิ้นมองเสี่ยวเป่าอย่างไม่วางตา
“เสี่ยวเป่า วันนี้คุณย่าต้องกลับไปแล้ว หนูอยู่ที่นี่ต้องเชื่อฟังแดดดี๊นะ รอแดดดี๊ทำงานเสร็จ พวกเธอค่อยกลับไปหาคุณย่า”
ดวงตาของเสี่ยวเป่าแดง เขาจับมือแม่จิ้นไว้แน่น พูดอย่างรู้ใจว่า “คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน คุณปู่และคุณย่าอยู่ที่บ้านต้องดูแลร่างกายดีๆนะครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น แม่จิ้นก็พูดด้วยความพอใจ “โอเค ดี หลานรักของย่าโตแล้ว”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองยังคงไม่ยอมจะจากกันจิ้นเฟิงเหราก็อดไม่ได้ที่จะเตือนสติ
“เอาล่ะครับ แม่ ใช่ว่าหลังจากนี้จะไม่ได้เจอหลานสักหน่อย เที่ยวบินของพวกเรา จะถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว หากช้าไปมากกว่านี้ วันนี้อาจจะไม่ได้ไปแล้ว”
พูดจบ จิ้นเฟิงเหราก็ประสบกับการมองค้อนของแม่จิ้น จิ้นเฟิงเหราตกใจจนต้องรีบดึงมือของส้งหวั่นชีงเดินไปข้างๆ
เขารู้จักความร้ายกาจของแม่ตัวเองดี
จิ้นเฟิงเฉินมองเวลา ไม่สามารถเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว ก็เลยต้องพูดกระตุ้น “แม่ครับ ต้องไปแล้ว”
แม่จิ้นเช็ดน้ำตาที่หางตา เดินกลับไปที่จุดตรวจความปลอดภัย
เสี่ยวเป่าโบกมืออยู่ตลอด มองดูพวกเขาเดินจากไป
หลังจากที่ไปส่งเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินและลูกชายก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
ผ่านไปสองสามวัน จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้เจอกับเจียงสื้อสื้ออีก คิดถึงเธอมาก แต่เขาก็ไม่ได้ไปรบกวนเจียงสื้อสื้อ
เพราะเขารู้ดี ไม่สามารถใกล้จนเกินไป มิฉะนั้นความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดจะสูญเปล่า
ทำได้เพียงมองภาพบนหน้าจอ
ที่โรงไวน์ตระกูลฝู้ เจียงสื้อสื้อยุ่งมาก จนไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่น
เมื่อมองไปที่กองเอกสารที่สูงเหมือนภูเขา ก็อดจะเวียนหัวเสียไม่ได้
ในเวลาต่อมา ผู้ช่วยก็มาเคาะประตูห้องของเจียงสื้อสื้อ
“เข้ามา”
วางเอกสารในมือลง ผู้ช่วยพูดว่า “พี่สื้อสื้อ เด็กผู้ชายที่มาครั้งที่แล้วรออยู่ข้างนอก บอกว่ามาหาพี่”
พอได้ฟังเจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะนิ่งไป เสี่ยวเป่ามาเหรอ?
ถ้าอย่างนั้นจิ้นเฟิงเฉินจะอยู่ด้วยไหม?
เจียงสื้อสื้อลังเลอยู่สักพัก ก็เดินตามผู้ช่วยออกไป
พอออกจากประตูไปก็มองเห็นกลุ่มคนกำลังล้อมรอบเสี่ยวเป่าอยู่ ข้างกายเต็มไปด้วยขนม
มองไปที่ด้านหลังของเสี่ยวเป่า ไม่มีแม้แต่เงาของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเป่าโดนหยิกแก้ม เจียงสื่อสู้ ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ พูดเบาๆว่า “เสี่ยวเป่า มานี่มา”
หลังจากได้ยินเสียงเจียงสื้อสื้อ เสี่ยวเป่าก็รีบพุ่งมาอย่างไว กระตุ้นความอิจฉาของกลุ่มพนักงานหญิงได้อย่างดี
เมื่อผู้คนแยกย้าย เจียงสื้อสื้อก็พาเสี่ยวเป่าเข้าไปในห้องทำงาน
“เสี่ยวเป่า ทำไมถึงมาที่นี่เองหล่ะ? แดดดี๊รู้เรื่องไหม?” เจี้ยงสื้อสื้อถามอย่างงงงวย
เสี่ยวเป่าแลบลิ้นออกมา “หม่ามี๊ ผมมาเอง แดดดี๊ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ แต่ว่าผมคิดถึงหม่ามี๊มาก ดังนั้นถึงแอบมา……”
พูดไปเสี่ยวเป่าก็ก้มหัวลงช้าๆ คล้ายกับเด็กทำผิด
เจียงสื้อสื้อเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ไม่กล้าที่จะตำหนิ เพราะตัวเองก็คิดถึงเสี่ยวเป่ามากเหมือนกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะช่วงนี้บริษัทงานยุ่งมาก เกรงว่าคงเป็นเธอเองที่ทนไม่ไหวแล้วไปหาเสี่ยวเป่าก่อน
รู้ว่าเสี่ยวเป่ามาด้วยความตั้งใจ แต่เจียงสื้อสื้อก็ยังพูดด้วยความจริงจัง “ทีหลังจะไปไหนต้องบอกแดดดี๊ก่อนสักหน่อย ไม่อย่างนั้นผู้ใหญ่จะเป็นห่วง ครั้งนี้เป็นอย่างนี้ไปก่อน ครั้งต่อไปห้ามมีอย่างนี้อีก”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิอยู่ในใจ จิ้นเฟิงเฉินนี่จริงๆเลย ไม่สนใจความปลอดภัยของลูกตัวเองแม้แต่น้อย ถ้าเกิดเสี่ยวเป่าเป็นอะไรขึ้นมา จะไม่สายเกินไปหรือไง
เมื่อเห็นว่าเจียงสื้อสื้อไม่ได้ดุเขาอย่างจริงจัง เสี่ยวเป่าก็จับมุมเสื้อของเจียงสื้อสื้ออย่างยิ้มๆ และพูดอย่างออดอ้อน “เอาล่ะ หม่ามี๊ ผมรู้แล้วว่าผิด คราวหลังไม่มีอย่างนี้แน่นอน”
ในขณะที่พูดมีก็ทำท่าคำนับไปด้วย เจียงสื้อสื้อหัวเราะขบขัน ลูบหัวเขาพร้อมกับพูดว่า “หนูทำการบ้านอยู่ที่นี่ไปก่อน รอหม่ามี๊ทำงานเสร็จแล้วจะพากลับไป”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็เริ่มทุ่มเทกับการทำงาน ส่วนเสี่ยวเป่าก็เอาการบ้านออกมาทำอย่างตั้งใจ
ห้องทำงานเต็มไปด้วยเสียงกรอบแกรบของการเขียน และเสียงของการพิมพ์จากแป้นพิมพ์อยู่พักหนึ่ง ฟังดูกลมกลืนอย่างมาก
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง หลังจากเสี่ยวเป่าทำการบ้านเสร็จ รู้สึกเบื่อเลยหยิบบทเรียนพลิกอ่านไปมา
บางครั้งก็แอบมองไปที่เจียงสื้อสื้อ เห็นเธอยังยุ่งอยู่กับงาน เสี่ยวเป่าก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงออกไปรบกวน
แต่ว่าตอนที่หม่ามี๊จริงจังสวยมากๆเลย
ผ่านไปอีกสักพัก เจียงสื้อสื้อก็ปิดคอมพิวเตอร์ ในที่สุดก็เสร็จสิ้นภารกิจของวันนี้
บิดขี้เกียจไปด้านหลัง โยกตัวไปมา มีเสียงก๊อกแก๊กจากข้อต่อ
เมื่อหันไปมองเห็นเสี่ยวเป่ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
หายากจริงๆสำหรับเด็กที่ไม่รบกวนคนอื่น
เดินเข้าไปหาเสี่ยวเป่า เจียงสื้อสื้อจับมือของเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เสี่ยวเป่า หม่าที๊ทำงานเสร็จแล้ว หม่ามี๊จะไปส่งหนูกลับบ้าน”
“โอเคครับหม่ามี๊” เสี่ยวเป่าตอบอย่างน่ารัก
ขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาจอดอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลจิ้น
ทันทีที่เดินเข้าไป ก็เห็นจิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
พอได้ยินเสียง จิ้นเฟิงเฉินหันกลับไป มองสองแม่ลูก รอยยิ้มที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
เสี่ยวเป่าสะดุ้งไปหลบอยู่ด้านหลังของเจียงสื้อสื้อ เพราะกลัวว่าจะถูกจิ้นเฟิงเฉินดุ
พอรู้ว่าเสี่ยวเป่ากำลังกลัวอะไร เจียงสื้อสื้อก็พูดว่า “คุณจิ้น ตอนบ่ายวันนี้เสี่ยวเป่าอยู่ที่บริษัทของฉัน คุณไม่ต้องกังงลเรื่องความปลอดภัย”
“อืม” จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับอย่างเย็นชา
นอกจากคำว่า “อืม” จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
บรรกาศในตอนนี้ค่อนข้างอึดอัด เจียงสื้อสื้อและเสี่ยวเป่ายืนอยู่ที่ประตู จะเข้าก็ไม่ใช่ จะออกก็ไม่ใช่
เห็นอย่างนี้เจียงสื้อสื้อก็ดึงเสี่ยวเป่าออกมาจากข้างหลัง พูดอย่างยิ้มๆว่า “ไม่เป็นไรเสี่ยวเป่า แดดดี๊ไม่ว่าอะไรหนูหรอก รีบเข้าไปเร็ว”
“ไม่เอา หม่ามี๊ต้องเข้าไปกับผม” เสี่ยวเป่าดึงเจียงสื้อสื้ออย่างไม่ยอม
“แต่……”
เจียงสื้อสื้อลังเลหลังจากได้ยินอย่างนั้น ในตอนที่กำลังจะพูด จิ้นเฟิงเฉินที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เดินมาทางนี้
และพูดว่า “อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยดูแลเสี่ยวเป่าให้วันนี้”