ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 658 ฉันไปเจาะเลือดก่อน

บทที่ 658 ฉันไปเจาะเลือดก่อน

บทที่ 658 ฉันไปเจาะเลือดก่อนจิ้นเฟิงเฉินพลิกฝ่ามือแล้วกุมมือของเธอแทน อย่างแน่น

พยาบาลรีบเดินออกมาจากบริเวณทางเดินอีกด้านหนึ่ง นำมาซึ่งข่าวดีข่าวหนึ่งหมู่เลือดเข้ากันได้ สามารถใช้ได้ค่ะ

แววตาของเจียงสื้อสื้อเป็นประกาย ยื่นมือออกไปพลางพูดขึ้นกับจิ้นเฟิงเฉินว่า“ฉันไปเจาะเลือดก่อนนะคะ คุณวางใจเถอะ เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน”

ดวงตาเบิกกว้าง แววตาแน่วแน่

จิ้นเฟิงเฉินสูดหายใจลึก ประสานมือเข้าหากัน จ้องมองเธอ ตอบกลับด้วยเสียงแหบแห้งว่า“อืม”

จากนั้นเจียงสื้อสื้อก็เดินตามพยาบาลเพื่อไปเจาะเลือด

ขณะที่เข็มเกาะเข้าไปที่หลอดเลือด เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกสบายใจขึ้น

เธอรู้สึกดีใจมากที่เลือดของเธอสามารถช่วยเหลือเด็กน้อยที่น่ารักนั้นได้

ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่า เธอจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ

น่าแปลกที่ความรู้สึกนี้มันรุนแรงมาก ราวกับว่าเสี่ยวเป่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ

หากสูญเสียไปก็คงเสียใจไม่น้อย

แต่ว่าก็อาจจะเป็นเพราะว่าเสี่ยวเป่านั้นน่ารักจริงๆ

“คุณโอเคใช่ไหมคะ?”

พยาบาลถามขึ้นด้วยความสงสัย เลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาก ทำให้ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อซีดลงไม่น้อย

ก็แน่ล่ะ ร่างกายของเธอบอบบางขนาดนี้

เจียงสื้อสื้อเม้มปากพลางส่ายศีรษะ“ไม่เป็นไรค่ะ”

แต่วินาทีต่อมาเธอรู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อย และอดที่จะหดตัวลงไม่ได้

“พวกคุณเปิดฮีตเตอร์ในอุณหภูมิที่ต่ำใช่ไหมคะ”

“ที่นี่ไม่มีฮีตเตอร์ค่ะ”พยาบาลตอบกลับเธอ

หล่อนรีบตอบกลับเธอว่า เนื่องจากการเจาะเลือดจึงทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอ

ซึ่งก็หมายความว่าสามารถสูบเลือดได้เพียงเท่านี้ หากสูบมากเกินไปก็อาจจะเป็นอันตรายได้

แต่เจียงสื้อสื้อกลับไม่สนใจว่าร่างกายของตนจะเป็นอย่างไร ถามขึ้นอย่างดื้อรั้นว่า“พอแล้วเหรอคะ?”

“800 มิลลิลิตร จริงๆก็ยังไม่เพียงพอหรอก อย่างมากตอนนี้ก็ได้เพียง 400 มิลลิลิตร ถ้าเช่นนั้นก็สูบอีกซิ……”พยาบาลลังเลไม่พูดอะไรออกมา

เจียงสื้อสื้อมองดูสีหน้าท่าทางของพยาบาล ก็พูดต่อว่า“ไม่เป็นไรค่ะ สูบต่อเถอะ ฉันไหวค่ะ”

พยาบาลขมวดคิ้วพูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยว่า“หากสูบเลือดต่อร่างกายของคุณรับไม่ไหวแน่ ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี แต่ว่าคุณอย่าฝืนเลย”

เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปากท่าทีเสียใจ

“ฉันขอร้องคุณล่ะ เขาเป็นอะไรไปไม่ได้จริงๆ เลือดของฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ กลับไปก็สามารถบำรุงกลับมาได้ แต่เขารอไม่ได้แล้ว”

ขอเพียงแค่เสี่ยวเป่าสุขภาพร่างกายแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะสูบเลือดฉันจนแห้ง ฉันก็จะไม่พูดมากแม้แต่ประโยคเดียวท่าทีของเธอเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก แต่สายตากลับลุกโชนดั่งเปลวไฟ ขอร้องพลางจ้องมองพยาบาล

พยาบาลไม่กล้าสบตาของเธอ พลางพูดปฏิเสธอย่างใจแข็ง “สูบเลือดต่อไม่ได้แล้วจริงๆ คุณก็ทราบดีนะคะว่า 800มิลลิลิตร คือปริมาณที่สูงสุดแล้ว”

“ฉันรับรองว่าไม่เป็นอะไรแน่ค่ะ ขอร้องล่ะช่วยเด็กคนนั้นด้วย เขายังเล็ก”

ขณะที่พูดน้ำตาของเจียงสื้อสื้อก็พรั่งพลูออกมา

เมื่อเห็นท่าทีจริงใจของเธอ พยาบาลก็เริ่มลังเล

ด้านหนึ่งหากไม่มีเลือดที่เพียงพอ การผ่าตัดก็อาจจะล้มเหลว อีกด้านหนึ่งเธอก็ทำต่อไปแล้วไม่ได้จริงๆ

“ฉันขอร้องคุณล่ะ เสี่ยวเป่ายังการช่วยเหลือจากฉันอยู่ในห้องผ่าตัด”เจียงสื้อสื้อขอร้องอย่างเวทนาประโยคนี้ทำให้พยาบาลตัดสินใจ ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า“งั้นก็ได้ค่ะ ถ้าทนไม่ไหวคุณก็บอกนะคะ ฉันจะหยุดทันที”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง

“ขอบคุณค่ะ”

พยาบาลมองดูท่าทีซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลพรากของเธอ ในใจซับซ้อน

เธอไม่สามารถขัดขวางกระวนกระวายใจของผู้เป็นแม่ได้ ที่จะพยายามช่วยลูกชายที่อยู่ในห้องผ่าตัดที่อาการเป็นตายเท่ากัน

ไร้ซึ่งเสียงต่างๆในใจ พยาบาลดำเนินการต่อไป

และสูบเลือดออกมาอีก400มิลลิลิตร หน้าผากของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยเหงื่อ มือขาสั่นเล็กน้อย

เมื่อพยาบาลเห็นว่าพอสมควรแล้ว จึงหยุดลง

เจียงสื้อสื้อพูดขึ้นอย่างอิดโรย“รีบไปช่วยเสี่ยวเป่าเร็ว ขอร้องล่ะ!”

การผ่าตัดไม่สามารถรอได้ แค่หนึ่งนาทีก็อาจจะทำให้สูญเสียชีวิตได้

เธอทราบ และพยาบาลก็ทราบดี

เสียงฝีเท้า เจียงสื้อสื้อที่เอนตัวพิงผนังอยู่ ก็เบิกตากว้าง

คนที่เดินเข้ามาก็คือจิ้นเฟิงเฉิน เมื่อเห็นท่าทีของเจียงสื้อสื้อ เขาก็ตกอกตกใจ รีบก้าวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

“เป็นยังไงบ้างครับ?”

เจียงสื้อสื้อสูดหายใจลึกเม้มปาก พยายามฝืน

“ไม่เป็นไรค่ะ ร่างกายฉันแข็งแรงดี สูบเลือดไปแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

แม้ว่าจะเป็นชายฉกรรจ์ แต่หากถูกสูบเลือดหนึ่งพันมิลลิลิตรขึ้นไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน

นับประสาอะไรกับเจียงสื้อสื้อที่ร่างกายบอบบาง

สายตาของจิ้นเฟิงเฉินมองไปยังหน้าผากที่เต็มไปด้วยเหงื่อ แก้มและริมฝีปากสีขาวซีด มือสั่นเล็กน้อย ในใจเจ็บอย่างชาๆ

เขายกแขนขึ้นมาใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเธออย่างระมัดระวัง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า

“ขอบคุณสื้อสื้อ ขอบคุณคุณมาก”

“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ เพื่อช่วยเสี่ยวเป่า ฉันเต็มใจที่จะทำค่ะ”

เธอไม่อยากที่จะเสียใจภายหลัง

สายตาของจิ้นเฟิงเฉินเคร่งขรึม จ้องมองเธอด้วยความสงสัย แววตาเผยอารมณ์ความรู้สึกออกมาจนหมดสิ้น

เธอหลบสายตาของเขา ขนตาของเจียงสื้อสื้อขยับ พลางเอ่ยขึ้นเตือนเขาว่า“ด้านนอกห้องผ่าตัดไม่มีใครอยู่เลยนะคะ เสี่ยวเป่าออกมาแล้วไม่เจอใคร คงเสียใจแย่เลยค่ะ”

เมื่อฟังจิ้นเฟิงเฉินพูดจบก็พยักหน้า และเตรียมจากไป

“ฉันจะไปกับคุณค่ะ”

เจียงสื้อสื้อก็ลุกขึ้น แต่เบื้องหน้าของเธอเริ่มมืดมิด เธอรีบพิงผนังไว้เพื่อให้ตัวเองสามารถทรงตัวได้

จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือออกมา และรีบพยุงเธอไว้ พลางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“คุณอย่าไปเลย พักผ่อนอยู่ที่นี่เถอะ”

สีหน้าของเธอขาวซีด มันดูแย่มากจริงๆ

เขารู้ว่าเป็นสาเหตุมาจากการให้เลือด ในใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งและละอายใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไหว”เจียงสื้อสื้อไม่อยากที่จะอยู่คนเดียวที่นี่ ยังยืนหยัดที่จะไปกับเขา

เมื่อขวางเธอไม่ได้ จิ้นเฟิงเฉินทำได้แค่เพียงรับปาก

เมื่อทั้งสองมายังบริเวณด้านนอกของห้องผ่าตัด ประตูปิดแน่น ตัวอักษรสีแดงสามตัวที่เขียนว่าห้องผ่าตัด ทำให้คนรู้สึกกังวลจนนั่งไม่ติด

เจียงสื้อสื้อพิงผนัง แล้วเอียงศีรษะมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ

จิ้นเฟิงเฉินเม้มปาก ดวงตาสีดำไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก มือที่วางอยู่ข้างกายก็บีบแน่นด้วยสัญชาตญาณ

สีหน้าแย่มาก ราวกับเป็นคนที่ให้เลือด

ดูเหมือนว่าจิตใจของผู้ชายคนนี้คงสับสนวุ่นวายเสียแล้ว

ใบหน้าที่เย็นชา แต่กลับมีความรู้สึกหวาดกลัว

แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะเป็นผู้ชายอกสามศอก แต่หากต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ ก็คงไม่มีสติปัญญาพอที่จะทำอะไรทุกคนเหมือนกันแหละ

ในใจของเจียงสื้อสื้อรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก

เธอไม่อยากเห็นเขาเผยความรู้สึกเช่นนี้ออกมา จิ้นเฟิงเฉินควรที่จะสงบสติอารมณ์ถึงจะถูก

แต่ไม่ใช่สภาพในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และไร้เรี่ยวแรง

เธอก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว และกอดจิ้นเฟิงเฉิน

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะ เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน”

เจียงสื้อสื้อปลอบใจด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ลูบหลังของเขาเบาๆ ราวกับปลอบใจเสี่ยวเป่า

จากนั้นก็เตรียมที่จะถอนออกไป

แต่ว่าจิ้นเฟิงเฉินกลับยกแขนขึ้นมา ออกแรงโอบกอดเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด

คนที่คิดถึงมาหลายวันหลายคืนในที่สุดก็อยู่ในอ้อมกอดแล้ว จิ้นเฟิงเฉินไม่มีความคิดเกินเลยแม้แต่น้อย

เขาไม่ได้คิดอะไรเลย นอกเสียจากอยากจะกอดผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างเงียบๆ

ร่างกายของเจียงสื้อสื้อที่ถูกเขากอดแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรงขึ้น

ราวกับท่อนไม้ที่อยู่ในอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉิน ในหัวมีเพียงความว่างเปล่า

หากตอนนี้ผลักเขาออก เขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน เดิมทีก็ทุกข์ทรมานเพราะเสี่ยวเป่าแล้ว หากทำเช่นนั้นก็คงจะโหดร้ายเกินไป?

ในใจของเจียงสื้อสื้อสับสน ในหัวก็คิดไปต่างๆนานาด้วยความลังเล

แต่ว่ายังไม่ทันรอได้คำตอบที่แน่ชัด จิ้นเฟิงเฉินก็พูดขึ้นที่ข้างหูของเธอ ไอร้อนปะทะที่ข้างหูของเธอ จนคันเล็กน้อย

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท