ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 686 ต่อไปอย่าเรียกพี่สะใภ้

บทที่ 686 ต่อไปอย่าเรียกพี่สะใภ้

บทที่ 686 ต่อไปอย่าเรียกพี่สะใภ้

พวกผู้บริหารเก่าๆ แต่ละคนก็ฉลาด ถึงแม้พวกเขานั้นสงสัย แต่ก็ไม่ได้ทำสีหน้าอะไร

แต่ละคนก็ได้แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ได้ประชุมต่อหลังจากที่ถูกขัดจังหวะไป

พอประชุมเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อโดยเฉพาะ ถึงได้ไปเจอเจียงสื้อสื้อในที่ที่นัดไว้

ทั้งสองได้นัดเจอกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง ร้านอาหารร้านนี้ตกแต่งเรียบง่าย แล้วก็รักษาความลับของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินมาถึงนั้น เจียงสื้อสื้อก็ได้มารอสักพักแล้ว

หลังจากนั่งลง เจียงสื้อสื้อก็ได้เอาเมนูอาหารยื่นให้จิ้นเฟิงเฉิน

การกินนั้นจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ ก็ได้สั่งง่ายๆ ไปไม่กี่อย่าง

จากนั้นก็ได้ให้บริกรไปเอาไวน์แดงมา

เสร็จแล้ว สายตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้มองไปที่ดวงตาของเจียงสื้อสื้อ เขาสามารถที่จะรู้สึกได้ว่าเจียงสื้อสื้ออารมณ์ไม่ดี

“คุณนัดเจอผมมีอะไรหรือเปล่า?”

น้ำเสียงที่เย็นของชายหนุ่มส่งออกมา ความกังวลและเป็นห่วงนั้นไม่ต้องพูดออกมาก็รู้ได้

เดิมการตัดสินใจที่เจียงสื้อสื้อทำมาอย่างยากลำบากในตอนแรกตอนนี้ก็ได้เริ่มหวั่นไหว

เธอส่ายหน้า ได้สลัดความคิดที่ไม่ค่อยสมจริงออกไปจากหัว

สูดหายใจเข้าลึกๆ เจียงสื้อสื้อหลับตาลง เหมือนได้ตัดสินใจอะไร

“จิ้นเฟิงเฉิน พวกเราหย่ากันเถอะ”

พูดจบ บรรยากาศรอบๆ ของทั้งสองก็ได้เงียบทันที

จิ้นเฟิงเฉินอึ้ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยอันตรายและก็พายุ

ผ่านไปสักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็ได้จัดการกับความรู้สึกตัวเอง ก้มหน้ามองลง

“หย่า……คุณคิดดีแล้วเหรอ?”

เจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนั้น ร่างกายก็ได้แข็ง ในใจเริ่มเจ็บปวด

พยายามที่จะกดทับอารมณ์ที่จะระเบิดออกมา เธอได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบ “ใช่ ฉันคิดดีแล้วค่ะ ฝู้จิงเหวินเคยช่วยฉันไว้ ถ้าเกิดไม่มีเขาฉันตายไปนานแล้ว”

“ขอโทษ”

……

ตำตอบที่ตอบเธอก็เหมือนกับความเงียบที่ตายไปแล้ว

จิ้นเฟิงเฉินไม่มีสีหน้าอะไร มองเธอเงียบๆ

ผ่านไปนาน เสียงที่แหบของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูด “ไหนๆ คุณก็คิดดีแล้ว ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ”

พูดจบ เขาไม่ได้มองเจียงสื้อสื้อต่อ สายตาที่ว่างเปล่าหมุนมองไปที่อื่น

เจียงสื้อสื้ออึ้งไป เธอไม่กล้าที่จะเชื่อว่าจิ้นเฟิงเฉินจะตกลงง่ายขนาดนี้

เธอคิดว่า เขาไม่มีทางที่จะปล่อยมือง่ายๆ

เธอคิดว่า เขาจะพยายามที่จะรั้นไว้

เธอคิดว่า ……

……

ทั้งหมดนั้นเธอเป็นคนคิดออกมาคนเดียว

มองความสงสัยของเจียงสื้อสื้อออก จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ฝืนยิ้มออกมาอ่อนๆ “ผมไม่อยากให้คุณลำบากใจ”

แต่ทนไม่ได้ที่จะเห็นคุณลำบากใจ……

เจียงสื้อสื้อมองจิ้นเฟิงเฉินอย่างอึ้งๆ ดวงตาที่กลมดำคู่นั้นเธอได้อ่านความรู้สึกที่ไม่เข้าใจมากมาย

ผู้ชายคนนี้……

ต่อให้เป็นแบบนี้ แต่ใจของเธอก็ยังเต้นเร็วขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

ตั้งแต่พึ่งเจอหน้าเขาจนถึงวันนี้ ใจของเธอก็เต้นกับคนคนเดียว

แต่ความเจ็บปวดในตาของเขา ก็เหมือนเข็มที่แทงใจเจียงสื้อสื้อจนเจ็บ

เธอไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้

เจียงสื้อสื้อไม่อยากลืมตา ทนไม่ได้จริงๆ

พอได้รับผลลัพธ์ที่เธอต้องการแล้ว เธอกลับดีใจไม่ออก

ก็ได้ยิ้มอย่างว่างเปล่าออกไป นัยน์ตาที่แดงของเจียงสื้อสื้อได้มองเขา

“ฉันคิดว่า……คุณจะปฏิเสธซะอีก”

กระดากเช็ดปากที่ได้เตรียมไว้บนโต๊ะ จิ้นเฟิงเฉินได้ลากออกมาสองแผ่นมาเช็ดมือ

ได้เช็ดนิ้วทุกนิ้วอย่างละเอียด ถึงได้ทิ้งกระดาษลง

“ขอแค่คุณพูดคำขอออกมา ผมไม่มีทางปฏิเสธ”

ขอแค่ผมสามารถทำได้

ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนที่จิ้นเฟิงเฉินพูดคำนี้ออกไปนั้น ในใจได้ทรมานขนาดไหน

มองผู้หญิงที่ตนรักไปหาคนอื่น

เขาไม่ใช่พระเจ้า

ฟังการเติมเต็มในคำพูดของเขา จมูกของเจียงสื้อสื้อก็ได้ตัน เธออยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว

น้ำตาได้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอกลัวจิ้นเฟิงเฉินเห็น ก็ได้รีบก้มหน้า

ท่าทางที่น่าสมเพชนั้นจะให้เขาเห็นไม่ได้

ลุกขึ้นแล้วก็พูดกับจิ้นเฟิงเฉิน “ขอโทษ” จากนั้นก็ได้วิ่งออกไปอย่างไม่หันกลับ

จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ตรงที่นั่ง มองแผ่นหลังที่เจียงสื้อสื้อวิ่งออกห่างไป จนมองไม่เห็น

ใจนั้นเหมือนมีคนได้เอามีดกรีดหั่นออกมาเป็นก้อน เลือดได้หยด

ไม่มีเธอแล้ว เขาก็ไม่มีหัวใจแล้ว……

น้ำตาที่ร้อนได้ไหลลงมา หยดลงตรงเสื้อเชิ้ตสีขาว เหลือคาบน้ำตาไว้

เสียงการเคลื่อนไหวของโลกภายนอก เขาไม่รับรู้

สองมือได้กำหมัดแน่น แขนก็ได้มีเส้นเลือดขึ้น

นี่เป็นการตัดสินใจที่เธอตัดสินใจไปแล้ว

เขานั่งอยู่นาน นานจนจิ้นเฟิงเฉินไม่รู้สึกถึงลมหายใจของตัวเอง

บริกรก็ได้มาถาม “คุณผู้ชายครับ อาหารได้ทำเสร็จแล้ว จะเสิร์ฟเลยไม่ครับ?”

……

ไม่ตอบ

บริกรเริ่มงง กำลังจะถามออกไปอีกรอบ ก็ไปเจอเข้ากับดวงตาที่แดงของจิ้นเฟิงเฉิน

ดวงตานั้นได้มีความรู้สึกที่หลากหลาย บริกรไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี

“ออกไป”

ชายหนุ่มได้กดเสียงให้ต่ำแล้วพูด ทำเอาบริกรตกใจแล้วก็ถอยออกไป

“เป็นผู้ชายที่ประหลาดจริงๆ” บริกรอดไม่ได้ที่จะไม่บ่นออกมา

เดิมที่ตรงข้ามเขายังมีคุณผู้หญิงที่สวยอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ผ่านไปสักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็ได้กลั้นน้ำตาของตัวเองไว้

เขาคือจิ้นเฟิงเฉิน ร้องไห้ไม่ได้

ผู้ชายของตระกูลจิ้นเป็นลูกผู้ชายที่ไม่ยอมแพ้ต่ออะไร

ลุกขึ้นไปจ่ายเงิน จากนั้นก็ได้ออกไปจากร้าน

จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้แวะที่ไหน ตรงกลับตระกูลจิ้น

เขาเข้าบ้านด้วยสีหน้าที่เย็นชา

บรรยากาศที่เย็นชารอบตัวทำให้แม่จิ้นตัวสั่นเล็กน้อย

มองจิ้นเฟิงเฉินสักพัก ก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาไม่ปกติ

เธอได้อึ้งไปสักพัก ก็ได้ถามด้วยความเป็นห่วง “เฟิงเฉิน เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

ครั้งก่อนที่เห็นจิ้นเฟิงเฉินเป็นแบบนี้ เป็นตอนที่จิ้นเฟิงเฉินรับช่วงบริษัท

แต่ว่า ตอนนั้นบรรยากาศรอบตัวเขาไม่น่ากลัวขนาดนี้

“ไม่มีอะไรครับ” ก็ได้พูดออกมาเรียบๆ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เดินตรงเข้าไปข้างใน

พ่อจิ้นขวางจิ้นเฟิงเฉินไว้ “ท่าทางลูกแบบนี้ปิดบังใครได้? มีอะไรก็พูดออกมา จะได้ไม่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”

จิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกว่าจิ้นเฟิงเฉินแปลกๆ ไม่ปกติมากๆ

แต่ว่าคนที่ทำให้จิ้นเฟิงเฉินอารมณ์แปรปรวนได้ขนาดนี้ นอกจากเจียงสื้อสื้อก็ไม่มีคนอื่นแล้ว

ก็ได้ถามลองใจออกไป “พี่ ทางพี่สะใภ้เกิดเรื่องเหรอ?”

จิ้นเฟิงเฉินเงียบ ไม่ได้บอกใช่แต่ก็ไม่ได้บอกไม่

ทั้งสามคนของตระกูลจิ้นก็เข้าใจทันที นี่ก็เป็นการยอมรับเงียบๆ

เวลานั้นจิ้นเฟิงเหราก็คิดเหตุผลไม่ออก ถ้าเกิดเกี่ยวกับเจียงสื้อสื้อ งั้นก็ยุ่งยากแล้ว

แต่ว่ายังไม่รอให้เขาคิดหาคำตอบ ก็ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชา “ต่อไปอย่าเรียกเธอว่าพี่สะใภ้แล้ว”

จิ้นเฟิงเหราตกใจ รู้ได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องได้ทันที

เดิมทีการเรียกของพวกเขาจิ้นเฟิงเฉินนั้นเห็นด้วย แต่ว่าตอนนี้……พี่ของเขาให้เปลี่ยนการเรียก!

นี่ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ

“พี่ ผมก็แค่เรียกตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ต่อหน้าเธอผมไม่เคยเรียก หรือว่าพี่สะ……เธอเป็นคนขอร้อง?”

จิ้นเฟิงเหราไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ เขาก็ได้ทำเป็นเตะบอลพลาด อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่ว่าจากการแสดงของเขา ก็ยังไม่รอดพ้นจากสายตาจิ้นเฟิงเฉิน

“ไม่ใช่”

ปฏิเสธคำถามของจิ้นเฟิงเหราเสร็จ ก็ได้หลบกับดักที่จิ้นเฟิงเหราสร้างไว้

เวลานั้นจิ้นเฟิงเฉินก็ได้กลับไปเป็นผู้ชายเย็นชาที่พูดน้อยอีกครั้ง

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท