บทที่ 689 เป็นความผิดของฉัน
เมื่อก่อนเสี่ยวเป่าไม่เคยที่จะเป็นแบบนี้มาก่อน ทั้งเด็กดีแล้วก็เชื่อฟัง
เห็นคุณย่าร้องไห้ขนาดนี้ ก็ได้ออกมาปลอบตั้งนานแล้ว
“เสี่ยวเป่า?” พ่อจิ้นก็ได้เรียกเพื่อลองเชิง
เสี่ยวเป่ามองเขาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
ทุกคนก็ได้ค่อยๆ มองปัญหาออก
สีหน้าแบบนี้ของเสี่ยวเป่า ทำไมรู้สึกว่า รู้สึกเหมือนว่า เหมือนว่า……
แม่จิ้นปล่อยเสี่ยวเป่า พูดทั้งน้ำตาว่า “หลานรัก หนูไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า บอกย่า ดีไหม?”
เสี่ยวเป่าถอยหลังไปก้าว ได้สร้างระยะห่างจากทุกคน
ทุกคนก็ได้พากันอึ้ง
นี่มันเรื่องอะไร?
เสี่ยวเป่าก็แค่ออกไปไม่ถึงครึ่งวัน ทำไมถึงได้ลายเป็นแบบนี้?
พ่อจิ้นกับจิ้นเฟิงเฉินสีหน้าได้ตึงเครียด
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เรียกเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมาก ใจของทุกคนก็ได้หล่นวูบเลยทันที
เด็กคนนี้ คงไม่ได้ปิดกั้นตัวเองอีกแล้วใช่ไหม?
ทุกคนนั้นก็ได้มองไปทางเจียงสื้อสื้อ หวังว่าเธอพูดอะไรกับเสี่ยวเป่าหน่อย
ยังไงซะ เมื่อก่อนเสี่ยวเป่าชอบเธอมาก
เจียงสื้อสื้อไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวเป่าไม่ปกติ
เธอได้เดินเข้าไป ก็ได้ลองไปคุยกับเขา
“เสี่ยวเป่า วันนี้เหนื่อยแล้วใช่ไหมครับ พวกเราไปทานอะไรหน่อยแล้วก็ไปพักผ่อนกันดีไหม?”
พูดจบ เธอก็ลองไปจับมือเสี่ยวเป่า
แต่ว่าเสี่ยวเป่าได้แสดงออกมาชัดเจนมาก ถอยไปหนึ่งก้าว หลบมือของเธอ ปฏิเสธอย่างหนัก
เงยหน้าขึ้น มองเธออย่างเย็นชา ราวกับมองคนแปลกหน้า
เลือดในตัวของเจียงสื้อสื้อแทบแข็งไป สองมือได้ค้างกลางอากาศ
เธอไม่ได้ถือสาที่เสี่ยวเป่าทำกับเธอแบบนี้ แต่ว่าแววตาของเด็ก ทำให้ใจของเธอได้เย็นวาบ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
จิ้นเฟิงเฉินเห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ ในใจก็ได้กระตุกจนเจ็บ
เสี่ยวเป่าไม่เคยเพิกเฉยต่อเจียงสื้อสื้อมาก่อน ตั้งแต่รู้จักกับเจียงสื้อสื้อ เขาก็เหมือนกับขนมหวานมาโดยตลอด
ไม่เคยมีท่าทางแบบนี้มาก่อน
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวเป่าคิดอะไรอยู่
แม่จิ้นทนไม่ได้กับหลานรักของตนที่เป็นแบบนี้ ก็ได้ปรึกษาจิ้นเฟิงเฉิน “พวกเราพาเสี่ยวเป่ากลับประเทศเถอะ เปลี่ยนบรรยากาศ ไม่แน่เขาอาจจะหายดีขึ้นมาหน่อย”
พ่อจิ้นก็ได้พูดตามว่า “แม่ขอแกพูดก็ถูก ตั้งแต่เล็กเสี่ยวเป่าก็ไม่ได้เหมือนกับเด็กคนอื่น เขาที่เป็นแบบนี้ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีอะไรในใจ และก็ไม่ยอมที่จะพูดกับพวกเรา ให้เขากลับประเทศเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้คิดหนัก
เขาทนไม่ได้ที่จะให้ลูกชายกลับไปเลยแบบนี้ แต่ก็รู้ ว่าตอนนี้เสี่ยวเป่ามีปัญหา
ที่พ่อแม่พูดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา
อยู่ที่นี่ มีแต่ทำให้เขายิ่งอยู่ยิ่งแย่
“ขอโทษ……” สีหน้าของเจียงสื้อสื้อเศร้า
กับคนอื่นเสี่ยวเป่าไม่ได้แสดงอะไรที่ไม่ชอบออกมาชัดเจนเท่าตนแบบนี้ เธอนั้นเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
ใจก็ได้เหมือนมีคนมาบีบ บีบไม่หยุด เจ็บจนเจียงสื้อสื้อแทบยืนไม่อยู่
เห็นท่าทางที่เจ็บปวดแบบนั้นของเธอ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ถอนหายใจออกมา “ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“เป็นความผิดของฉัน เป็นความผิดของฉันทั้งหมด”
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อได้ซีด ทั้งคนดูแล้วอ่อนแอมากๆ เหมือนได้ไม่สบายอย่างหนัก
จิ้นเฟิงเฉินเห็นแล้วเป็นห่วง ก็ได้ปลอบไม่หยุด
ให้แม่จิ้นพาเสี่ยวเป่ากลับไปที่ห้องต่อ
ตั้งแต่เด็กน้อยรู้ว่าเจียงสื้อสื้อจะแต่งงานแล้ว ก็ได้กังวลอยู่ตลอด
เวลานั้น เห็นว่าเจียงสื้อสื้ออาจจะไม่ดีต่อเขา
แม่จิ้นก็ได้พาเสี่ยวเป่าขึ้นไป ก่อนไป ก็ได้มองเจียงสื้อสื้อสักพัก
เหมือนว่ามีคำพูดมากมาย แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดตั้งแต่ตอนไหน
จากนั้นก็ได้มองลูกชาย สายตาที่เขามองเจียงสื้อสื้อนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความรัก
ก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ช่างเถอะ เรื่องของหนุ่มสาว ให้พวกเขาจัดการเองเถอะ
เจียงสื้อสื้อนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกสักพัก ปรับอารมณ์เป็นปกติ
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเข้าก็ได้ถามออกไปเบาๆ ว่า “ดีขึ้นหรือยัง?”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า ถึงแม้ยังหดหู่อยู่บ้าง
“ไม่เป็นไร เสี่ยวเป่าเป็นแบบนี้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานเขาก็หายดี คุณไม่ต้องคิดมาก”
จิ้นเฟิงเฉินมองไปยังท้องฟ้าข้างนอก ก็ได้พูดอย่างลำบากใจว่า “วันนี้ก็ดึกมากแล้ว สำนักกิจการพลเรือนก็น่าจะเลิกงานแล้ว ทำได้แค่ไปพรุ่งนี้……”
“เรื่องของเสี่ยวเป่าสำคัญที่สุด……” เจียงสื้อสื้อก็ได้พูดขัด
ท่าทางแบบนี้ของเสี่ยวเป่า เธอจะไปมีอารมณ์คิดเรื่องอื่นได้ยังไง
ได้ยินแบบนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็ได้โล่งอก ความเครียดในระหว่างคิ้วก็ได้ผ่อนคลายไปบ้าง
“จะส่งเสี่ยวเป่ากลับไปจริงๆ เหรอคะ?”
นึกถึงสิ่งที่แม่จิ้นพูดก่อนหน้า เจียงสื้อสื้อก็หดหู่มากๆ
เธอทำใจไม่ได้จริงๆ
ถ้าเกิดได้ทำเรื่องหย่ากับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีโอกาสได้เจออีกไหม
นึกถึงเรื่องนี้เจียงสื้อสื้อก็ได้เจ็บในใจขึ้นมา
“อืม” จิ้นเฟิงเฉินตอบ
“เขาต้องเปลี่ยนบรรยากาศ”
ส่วนเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนนั้น คิดว่าทุกคนเข้าใจดีอยู่แล้ว
เด็กที่มีโรคปิดกั้นตัวเองนั้น ปกติแล้วจะอ่อนไหวกว่าคนอื่นมาก
บวกกับนี่เป็นคนที่เขาใกล้ชิดสนิท ก็เหมือนกับโดนหักหลัง
เขาทนยังไง
อยู่นี่เขายิ่งอยู่ก็ยิ่งทรมาน ถ้าเป็นแบบนั้น ส่งเขากลับดีกว่า
ที่จริงต่อให้จิ้นเฟิงเฉินไม่พูด เจียงสื้อสื้อก็เข้าใจ
ที่เสี่ยวเป่ากลายเป็นแบบนี้ เธอนั้นมีส่วนเกี่ยวอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอไม่ถามต่อ ก็ได้ลุกขึ้นแล้วพูด “ฉันควรกลับไปแล้วค่ะ”
“ผมไปส่งคุณ” จิ้นเฟิงเฉินก็ลุกขึ้นตาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรียกรถไปเองก็พอ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้ปฏิเสธไป
ไหนๆ ได้ตัดสินใจปล่อยมือแล้ว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อต่อไป
รู้สึกได้ถึงการจงใจตีตัวออกห่างของเธอ แววตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้แสดงความเจ็บปวดเล็กน้อย มือได้ขยับเล็กน้อย
ก็ได้ขยับมุมปากให้ยิ้ม นัยน์ตาไม่มีรอยยิ้มอยู่เลย
“ผมเรียกรถให้”
น้ำเสียงดูไม่ให้เธอได้ปฏิเสธ
ทั้งสองได้ยืนข้างถนนสักพัก ก็ได้มีรถคันหนึ่งผ่านมา
ไม่มีความลังเลอะไร เจียงสื้อสื้อเข้าไปนั่งในรถเลยทันที
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้มองรถที่ขับออกไป ในใจว่างเปล่ามากๆ
ทั้งคนเหมือนร่างไร้วิญญาณ
กลับถึงตระกูลฝู้ เจียงสื้อสื้อห้ามน้ำตาของตัวเองต่อไปไม่อยู่ ก็เหมือนสร้อยไข่มุกที่ได้ขาดตกลงมาไม่อยู่
เดิมเถียนเถียนได้รอรับหม่ามี๊ที่หน้าประตูอย่างดีใจ เห็นเจียงสื้อสื้อแบบนั้น ปากก็ได้คว่ำลง
จับแขนเสื้อของเจียงสื้อสื้อ ปากน้อยๆ ก็ได้ร้องไห้ออกมา
ฝู้จิงเหวินที่อยู่ในห้องหนังสือได้ออกมา เห็นภาพนั้น ก็ตกใจ
รีบถามออกไปว่า “เป็นอะไร?”
เจียงสื้อสื้อพูดอะไรไม่ออก เถียนเถียนร้องไห้ก็ได้หนักไปกว่าอีก
ฝู้จิงเหวินที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ร้อนใจ ถามออกไปก็ไม่ได้คำตอบ ทำได้แค่ร้อนใจอยู่ข้างๆ
ไม่นาน คนตระกูลฝู้ก็ได้วุ่นวาย
แม่ฝู้ที่ออกมาดูเห็นแบบนั้นก็งงเล็กน้อย ปลอบเถียนเถียนแล้วถามว่า “เถียนเถียน หนูกับหม่ามี๊เป็นอะไร?”
“หม่ามี๊ร้องไห้……หนู……ก็ร้องไห้” เถียนเถียนตอบไปพร้อมกับสะอื้นสะอึก
“สื้อสื้อ ไม่ต้องร้องแล้ว ถือว่าเพื่อเถียนเถียน” ฝู้จิงเหวินก็ได้พูดปลอบไป
จากนั้นก็ได้รับเอาแก้วน้ำวางไว้ตรงหน้าเจียงสื้อสื้อ กลัวว่าเธอร้องไห้หนักไปแล้วขาดน้ำ
แต่ว่า เวลานั้นเจียงสื้อสื้อไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ น้ำตานั้นก็ได้ไหลออกมาจากมือที่ปิดไว้ไม่หยุด
เห็นเธอแบบนี้ ฝู้จิงเหวินก็ได้ร้อนใจกว่าเดิม “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พูดออกมาพวกเราช่วยกันจัดการ ดีไหม?”
ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
ข้างๆ เถียนเถียนก็ได้ร้องจนหายใจไม่ทัน
แม่ฝู้ร้อนใจ ก็ได้ตบไปที่หลังเบาๆ ให้เธอหายใจสะดวก
เวลานั้นตระกูลฝู้วุ่นวายมากๆ