บทที่ 731 อย่าก่อความวุ่นวาย
ต่อเนื่องหลายวัน ฝู้จิงเหวินไม่ได้ออกจากบริษัทเลย อยู่ในห้องทำงานตลอด
มองดูข้อเสนอแนวทางที่อยู่ตรงหน้า เขาเพียงรู้สึกว่าน่าปวดหัว แต่ก็ไม่มีวิธี ทำได้เพียงปลุกจิตใจขึ้นมา
เขาจัดการข้อมูลเสร็จก็ไปหาประธานของสองบริษัทด้วยตัวเอง แต่ก็ล้มเหลวทั้งหมด
หลังผ่านบทเรียนการพบกับอุปสรรค ฝู้จิงเหวินเองก็ไม่ใช่คนโง่ เขาสรุปประสบการณ์ของตัวเอง
ในตอนที่มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่มากพอ ก็ทำการนัดกับประธานทั้งสองบริษัทอีกครั้ง
แต่ว่า คราวนี้ฝู้จิงเหวินประสบความสำเร็จ แต่ก็ขาดข่ายสื้อลินที่ช่วยอยู่ข้างหลังไม่ได้
หลังจากต่อรองกับพวกเขาสองคน ถึงกลับบ้าน
พอถึงบ้านพ่อฝู้พูดชมอย่างหัวเราะเอิ๊กอ๊าก “จิงเหวินมีหัวด้านธุรกิจที่ไม่เลวนะ พึ่งจะเริ่มดำรงตำแหน่งก็เจรจาได้ตั้งสองออเดอร์ใหญ่ สมกับที่เป็นลูกของพ่อจริงๆ”
พ่อฝู้มองฝู้จิงเหวินอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ยิ้มจนปิดปากไม่ได้
หลายวันมานี้เขาไม่ได้ไปบริษัทเลย ให้อำนาจฝู้จิงเหวินไปทั้งหมด
เดิมทีเขาคิดว่าฝู้จิงเหวินจะถอนตัวออกไปกลางคัน ไม่คิดว่านอกจากจะไม่ถอนตัวแล้ว ยังทำผลสำเร็จออกมาได้อีก
เมื่อเผชิญหน้ากับคำชมของพ่อฝู้ ฝู้จิงเหวินรู้สึกเกรงใจอยู่เล็กน้อย เม้มปากและพูดว่า “ก็ไม่มีอะไรครับ แค่รู้สึกว่าทำอันนี้ จริงๆแล้วก็รู้สึกถึงความสำเร็จ”
หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่บนโซฟาอีกเล็กน้อย โทรศัพท์ของฝู้จิงเหวินก็ดังขึ้นมา เป็นข่ายสื้อลินที่โทรมา
สีหน้าของฝู้จิงเหวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย หาข้ออ้างและเดินออกไป
“การร่วมมือกันเรียบร้อยดี หวังว่าคุณฝู้จะไม่ลืมว่าตัวเองรับปากอะไรไว้นะคะ”
เสียงของข่ายสื้อลินที่ดังออกมาจากในโทรศัพท์ เต็มไปด้วยการกล่าวเตือน
ฟังจบ ฝู้จิงเหวินก็กล่าวเตือนเช่นกัน “ตามธรรมชาติแล้วคงไม่ลืม แต่ผมเองก็หวังว่าคุณข่ายสื้อลินจะระวังฐานะของตัวเอง ไม่ต้องมาก้าวก่ายชีวิตของผม”
เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการที่คนอื่นมาตัดสินเรื่องของเขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือว่าเพื่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ร่วมมือทางธุรกิจกันอย่างข่ายสื้อลิน
“ไม่มีปัญหาค่ะ งั้นฉันจะตั้งตารอ”
พูดจบ ข่ายสื้อลินก็ตัดสายไปในทันที
ทางด้านเจียงสื้อสื้อร่างกายก็ค่อยๆดีขึ้น ก็เสนอขึ้นมาว่าจะกลับไปทำงานที่บริษัท
เดิมทีฝู้จิงเหวินไม่อยากจะเห็นด้วย ยังไงร่างกายของเธอก็เพิ่งจะกลับมาดี
แต่พอคิดอีกที เดิมทีเขาก็งานยุ่งมาก เวลาที่จะได้เจอเจียงสื้อสื้อก็ยิ่งน้อยลง ให้เธอมาอยู่ที่บริษัทก็ดี จะได้สามารถเจอได้ตลอดและเตือนให้เจียงสื้อสื้อดูแลสุขภาพ มีตรงไหนไม่สบาย ต้องบอกเขาในทันทีอย่างแน่นอน
เห็นเขาระมัดระวังมากมาย ทำเหมือนตัวเธอเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
เจียงสื้อสื้อกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ร่างกายของฉันดีทั้งหมดแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงมากขนาดนั้น ฉันไม่ใช่ว่าแค่ชนก็จะพัง”
คิ้วของจิ้นเฟิงเฉินยังคงขมวดแน่น ก็ไม่รู้ว่ากำลังกังวลอะไร
แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย เจียงสื้อสื้อก็ไม่ถามอะไรมากอีก
หลังจากเจียงสื้อสื้อกลับมาที่บริษัท เลขาก็พบว่า ประธานฝู้ของพวกเขาเปลี่ยนไปจากหลายวันก่อนอย่างชัดเจน
ในตอนที่เพิ่งมาบริษัท ฝู้จิงเหวินเป็นคนบ้างานมากที่สุด
ทุกครั้งเวลาอาหารกลางวันต้องให้กระตุ้น มักจะทานอาหารเที่ยงและเย็นรวมกันเสมอ
แต่ตอนนี้ ห่างเพียงสองชั่วโมงเขาก็จะเงยหน้าขึ้นมาถามประโยคหนึ่ง “สื้อสื้อกำลังทำอะไรอยู่?”
เลขาทำได้เพียงวิ่งไปมาระหว่างแผนกวางแผนและห้องทำงานของประธานอย่างไม่รู้สึกว่าเป็นการรบกวน
บอกกับเขาว่า “คุณสื้อสื้อกำลังเขียนแผนงาน” “คุณสื้อสื้อกำลังร่วมหารือแผนงานกับคนอื่น” จำพวกนี้
ฝู้จิงเหวินที่ได้รับข่าวคราวไม่ค่อยพอใจ ขมวดคิ้วแน่น ไม่ลืมที่จะพูดเตือนเลขาว่า “ให้เขาพักผ่อนด้วย ดื่มน้ำเยอะๆ ช่างเถอะ ฉันไปพูดเอง คุณไปล้างผลไม้มาจานนึง”
เลขา “……”
ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ในสายตาของพวกเขา ฝู้จิงเหวินคล้ายกับคนรักเมียคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมงดงาน
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจจู่ๆก็เกิดความรู้สึกอิจฉาริษยา
ทำไมคนที่ถูกประธานฝู้เอาใจใส่ไม่เป็นตัวเอง
ฝู้จิงเหวินยังมักจะหาข้ออ้างเพื่อเรียกเจียงสื้อสื้อมาที่ห้องทำงาน แท้จริงแล้วไม่ได้มีธุระอะไร ก็เพื่อจะได้เห็นเธอมากขึ้น
สำหรับสิ่งนี้ เจียงสื้อสื้อก็จนปัญญา
นำแผนงานที่แก้ได้ครึ่งนึงวางไว้บนโต๊ะงาน มือสองข้างกอดอก มองฝู้จิงเหวินและเผลอยิ้มออกมา “ประธานฝู้คะ คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ฝู้จิงเหวินพูดอย่างหน้าเหยเก “ไม่มีอะไร ทางนี้ผมมีแอร์สบายดีหน่อย คุณทำงานอยู่ทางนี้จะดีกว่า”
เธอไม่ใช่ผู้ช่วยและก็ไม่ใช่เลขา จะอยู่ที่ห้องทำงานของฝู้จิงเหวินได้ยังไงกัน
ดังนั้นด้วยเหตุนี้ เจียงสื้อสื้อพูดและส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ไม่ได้”
นิ่งไปสักพัก ก็พูดอย่างเศร้าเสียใจอีก “ถือว่าฉันขอร้องคุณเถอะ แผนงานฉบับนี้สำคัญมากจริงๆ มีบทบาทสำคัญกับการร่วมมือในอนาคต ดังนั้นสองสามวันนี้ฉันต้องแก้ออกมาด้วยความรวดเร็ว”
“คืออันที่ร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปอันนั้นหรอ?” ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้วถาม
“ใช่ ดังนั้นประธานจิ้นคุณอย่าก่อความวุ่นวาย”
เจียงสื้อสื้อพนมมือ ท่าทีขอร้องวิงวอน
ฝู้จิงเหวินเห็นท่าทางน่ารักของเธอ ในใจก็ดีอกดีใจ
แต่ว่าสำหรับการร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปแล้ว ฝู้จิงเหวินก็ยังไม่ค่อยสบายใจนัก ดวงตามืดสลัว “โอเค งั้นฉันไม่รบกวนคุณ ตัวคุณเองก็ระวังอย่าให้เหนื่อยเกิน จำไว้ว่าต้องรักษาระยะห่างกับเขา”
“รู้แล้ว งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนละ”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็หยิบแผนงานบนโต๊ะขึ้นมา และเดินออกจากประตูห้องทำงานไป
ออกจากห้องทำงานมาก็อดไม่ได้ที่จะยักไหล่ ฝู้จิงเหวินระวังเหมือนกับเธอเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบจริงๆ
เธอไม่ได้เปราะบางขนาดนั้นสักหน่อย
เพิ่งกลับมาถึงห้องทำงาน ทางจิ้นเฟิงเฉินก็โทรศัพท์มา
“ช่วงนี้คุณมีเวลาไหม? มีปัญหาบางอย่างจำเป็นที่จะยืนยันสักหน่อย เกี่ยวกับปัญหาปริมาณในการผลิตและคุณภาพของไวน์ล็อตใหม่”
เสียงของต่ำๆของจิ้นเฟิงเฉินดังลอยมา
เหมือนกับกระแสไฟฟ้า ทำให้หูของเจียงสื้อสื้อชา เธอคลึงติ่งหูตามสัญชาตญาณ
“ฉันก็มีปัญหาบางอย่างจะคุยกับคุณพอดี”
เจียงสื้อสื้อตอบอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากคุยกับเธอ อารมณ์ของจิ้นเฟิงเฉินก็ดีขึ้นมาอย่างชัดเจน
กู้เนี่ยนเคาะประตูเข้ามา มองเห็นมุมปากของประธานมีรอยยิ้ม ก็ประหลาดใจจนคางเกือบจะหลุด
ช่วงนี้บริษัทยุ่งมาก ประธานจิ้นยุ่งจนเท้าไม่ได้สัมผัสพื้น ใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอด นี่คือรอยยิ้มแรกของหลายวันที่ผ่านมา
ดูแล้วคุณนายรองใช้ได้ผลจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินชำเลืองมองกู้เนี่ยน รับเอกสารมาเซ็นชื่อ จากนั้นก็พูดอย่างตรงไปตรงมาทันที “ออกไปเถอะ”
“ครับ”
กู้เนี่ยนออกไปอย่างรวดเร็ว
พอถึงเวลวาเลิกงาน จิ้นเฟิงเฉินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนกำลังเล่นด้วยกันอยู่ที่พื้นอย่างสนุกสนาน ได้ยินเสียงเปิดประตู เถียนเถียนก็เงยหน้าขึ้นมาก่อน
เห็นจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่นอกประตู ก็เรียกอย่างร่าเริง “แด๊ดดี้!”
เสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้นก็หันหน้ากลับมา ลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยสีหน้าซีดๆทันที มองไปที่จิ้นเฟิงเฉินด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อยในสายตา
เขาโตขนาดนี้แล้วยังนอนคว่ำอยู่บนพื้น ไม่เข้าท่าเกินไป
กลัวมากว่าจิ้นเฟิงเฉินจะพูดตำหนิอะไรออกมา
ใครจะคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินกลับเพิกเฉย ถามอย่างอารมณ์ดี “เถียนเถียนกับพี่ชายกำลังเลยอะไรกันอยู่?”
“พี่สอนหนูวาดรูป!”
เถียนเถียนพูดพร้อมกับยกสมุดเลคเชอร์ในมือขึ้นสูงอย่างภาคภูมิใจ